โลกแฟชั่นกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นเรื่องการใช้วัสดุหลากหลายรูปแบบเป็นของคู่กันมาอย่างยาวนาน รากฐานแฟชั่นดั้งเดิมถูกพัฒนามาจากต้นตอทางวัฒนธรรมที่มีความแตกต่างกัน วัสดุบางอย่างถูกใช้มาอย่างยาวนาน แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้มันกลายเป็นเรื่องถูกต้องหรือสอดคล้องกับสมัยนิยม เพราะวัสดุบางประเภทอาจเคยเป็นวัสดุปกติธรรมดาที่ใช้กันทั่วไป ทว่าสำหรับโลกยุคใหม่ที่มาพร้อมความตระหนักรู้เรื่องความยั่งยืนและการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยไม่มีเบียดเบียนสัตว์จนเกินไป มีกระแสเรียกร้องให้แบรนด์จำนวนมากยกเลิกการผลิตสินค้าจากวัสดุหลายประเภท เริ่มตั้งแต่กระแสแบนเฟอร์ จนวันนี้มาถึงคิวของหนักเอ็กซอติกที่เป็นประเด็นเสมอมา

ภาพ: Mathias Nordgren

     โคเปนเฮเก้นแฟชั่นวีกถือเป็นช่วงเวลาแห่งโลกแฟชั่นที่เดินหน้าพัฒนาสอดประสานไปกับแนวทางความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในหลากหลายด้านมากที่สุด เพราะนโยบายหรือเป้าหมายของการพัฒนาแฟชั่น ณ ดินแดนสแกนดิเนเวียนั้นผูกโยงเข้ากับแนวทางการสร้างแฟชั่นที่สามารถรักษาโลกนี้ให้งดงามโดยไม่ต้องใช้ความหวือหวาด้วยการขวนขวายหาวัสดุแปลกประหลาดสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ทางโคเปนเฮเก้นแฟชั่นวีกจึงประกาศแบนการใช้หนังเอ็กซอติกและขนนกอย่างเป็นทางการ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้กับแบรนด์ภายใต้ตารางแฟชั่นวีก ณ เมืองหลวงประเทศเดนมาร์กช่วงปี 2025 เป็นต้นไป

     ตอนนี้นโยบายการแบนหนังเอ็กซอติกเริ่มมีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแฟชั่นวีก ณ เมืองต่างๆ อาทิ เมลเบิร์น สตอกโฮล์ม และเฮลซิงกิ ที่ประกาศแบนการใช้หนังเอ็กซอติกมาช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนวิถีแฟชั่นในโลกยุคใหม่ ซึ่งการเดินรอยตามของเมืองอย่างโคเปนเฮเก้นก็เป็นการขับเคลื่อนที่สำคัญ เพราะแฟชั่นวีก ณ เมืองแห่งนี้ได้รับการจับตามองมากขึ้นในทุกๆ ปี อีกทั้งยังเป็นดั่งเมืองหลวงของแฟชั่นแห่งความยั่งยืนของโลกแฟชั่นยุคใหม่ แนวทางการใช้มุ่งเน้นความยั่งยืน การผสมผสานความเรียบง่ายกับงานเนี้ยบประณีต การส่งเสริมศิลปะ และอีกหลายองค์ประกอบทำให้แฟชั่นวีกที่นี่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังเน้นย้ำเรื่องแฟชั่นที่สามารถใช้ได้อย่างยาวนาน ซ่อมแซมได้ นำกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงรีไซเคิลได้ นี่คือเป้าหมายสำคัญของแฟชั่นสมัยใหม่ที่โคเปนเฮเก้นแฟชั่นวีกกำลังเดินหน้าไปสู่จุดนั้นอย่างเข้มแข็ง