CHANEL New Boutique

FASHION

CHANEL เผยโฉมบูติกใหม่ที่ถ่ายทอดสุนทรียะแห่งการหลอมรวมงานศิลป์เข้ากับจิตวิญญาณของแบรนด์

บูติกแห่งนี้สะท้อนถึงทักษะชำนาญของชาเนล ในการผนวกรวมความหรูหราเข้ากับความงามอันประณีตที่สะท้อนจิตวิญญาณของแบรนด์ได้อย่างลงตัว

โดย Achiraya Duangkaew
06 ตุลาคม 2568

เปิดประตูสู่สุนทรียะของชาเนลที่เผยเรื่องราวผ่านบูติกโฉมใหม่ ณ เอ็มควอเทียร์ โดยครั้งนี้ชาเนลยกระดับประสบการณ์ของผู้มาเยือนด้วยการออกแบบบูติกในรูปแบบดูเพล็กซ์สโตร์ที่หยั่งรากลึกทางประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ผ่านแรงบันดาลใจจากอพาร์ตเมนต์ในตำนานของ ‘Gabrielle Chanel’ ณ อาคารเลขที่ 31 บนถนนกัมบง กรุงปารีส โดยบูติกแห่งนี้อยู่ภายใต้ปรัชญาการออกแบบของสถาปนิกระดับโลก ‘Peter Marino’ ที่ตีความใหม่ผ่านการผสานศิลปะร่วมสมัยเข้ากับงานสถาปัตยกรรม ด้วยเส้นสายของการออกแบบที่แต่งแต้มด้วยวัสดุชั้นเยี่ยม ทุกองค์ประกอบต่างขับเน้นให้บูติกแห่งนี้เป็นดั่งผลงานศิลปะร่วมสมัยชิ้นโบว์

 

ภายในบูติกนำเสนอผลงานศิลปะที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากศิลปินและดีไซเนอร์นานาชาติมากกว่า 22 ชิ้น โดยจำลองมาจากชิ้นงานดั้งเดิมของ Gabrielle Chanel ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบด้วยลายเส้นเชิงประติมากรรมจากฝีมือของ Aaron Poritz, ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะของ Fran Taubman และ Y.Z. Kami ตลอดจนผลงานที่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์โดย Rashid Johnson, Alastair Gordon, Johan Creten และ Alexandre Logé ซึ่งการตกแต่งด้วยชิ้นงานเหล่านี้ต่างตอกย้ำและสะท้อนเจตจำนงของชาเนลที่มีความผูกพันกับศิลปะในทุกมิติและแขนง

 

เมื่อก้าวเข้ามาชั้นแรกของบูติกผู้มาเยือนจะพบกับโซนคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าและแอ็กเซสเซอรี่ล่าสุดของชาเนล โดยเริ่มจากคอลเล็กชั่น Ready-to-Wear ฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ปี 2025/26 ที่ตีความโค้ดลายเซ็นต์ของแบรนด์ในมิติใหม่ที่ชวนฝัน โบว์ขนาดใหญ่โดดเด่นสะดุดตา รวมถึงการนำไข่มุกมาตกแต่งเส้นรองเท้า เครื่องประดับอื่นๆ หรือประดับตกแต่งในเชิงประติมากรรม ซึ่งคอลเล็กชั่นนี้ยังเล่นล้อไปกับความแตกต่างของสเกล ทั้งเสื้อเชิ้ตผ้าป็อปลินตัวยาวและแจ็กเก็ตผ้าทวีดทรงคร็อป อันสะท้อนเสน่ห์ของชาเนลที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการตีความใหม่อย่างสร้างสรรค์

 

ถัดมาที่โซนเรือนเวลาและไฟน์จิวเวลรีที่ตั้งอยู่ในชั้นเดียวกัน โดยโซนนี้ได้รวบรวมผลงานคอลเล็กชั่นนาฬิกาและไฟน์จิวเวลรีรุ่นล่าสุด รวมถึงผลงานไฮไลต์ ได้แก่ Première Galon ผลงานการตีความใหม่จากนาฬิการุ่นแรกของแบรนด์ที่ตกแต่งด้วยดิ้นถักแบบกูตูร์ ผลิตจากทองคำเหลืองพร้อมเวอร์ชั่นประดับเพชรเลอค่า เช่นเดียวกับผลงาน CHANEL J12 Yellow Gold นาฬิกาเซรามิกไอคอนิกที่โดดเด่น และไฟน์จิวเวลรีอย่าง Coco Crush และ No.5 ที่ถูกนำเสนอด้วยลวดลายอันโดดเด่นของชาเนลอย่างลายควิลต์ โดยผลงานเหล่านี้ได้รับการจัดแสดงในตู้โชว์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ 

 

ซึ่งในโซนนี้ยังมีห้องรับรองสำหรับการนัดหมายส่วนตัว โดยเป็นที่แรกและที่เดียวในประเทศไทยที่ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่จำลองมาจากอพาร์ตเมนต์ของ Gabrielle Chanel อย่างลึกซึ้ง ผ่าน 5 ห้อง อาทิ ห้องนั่งเล่น ทางเข้า ห้องรับประทานอาหาร ห้องทำงาน และบันได ที่จะถ่ายทอดลึกถึงจิตวิญญาณอันเป็นต้นกำเนิดของแบรนด์

 

และขึ้นมาที่ชั้นสองจะพบกับโซนเฉพาะสำหรับกระเป๋า รองเท้า และแอ็กเซสเซอรี่ที่ถูกจัดสรรเพื่อถ่ายทอดดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของของชาเนล ตั้งแต่กระเป๋า CHANEL 25 รุ่นประจำฤดูกาล เรื่อยไปจนถึงกระเป๋ารุ่นไอคอนิกอย่าง 2.55 และ 11.12 เช่นเดียวกับรองเท้าที่นำเสนอทั้งรุ่นล่าสุดส่งตรงจากรันเวย์และรุ่นคลาสสิก ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าแบบมีสายรัดด้านหลัง รองเท้าสนีกเกอร์ หรือรองเท้าบัลเลต์ที่ต่างก็ถ่ายทอดเอกลักษณ์ของชาเนลได้อย่างลงตัว

 

บูติกแห่งนี้ถ่ายทอดจักรวาลทั้งหมดของชาเนลได้อย่างครบถ้วน ทั้งยังผสมผสานความหรูหราทันสมัยเข้ากับความงดงามเหนือกาลเวลาได้อย่างลงตัว ร่วมสัมผัสสุนทรียะใหม่แห่งการเยี่ยมชม พร้อมเปิดประสบการณ์ช็อปปิ้งที่หลอมรวมแฟชั่นเข้ากับงานศิลป์ได้อย่างพิถีพิถันผ่านรายละเอียดลึกซึ้งได้ที่บูติกชาเนลโฉมใหม่ ณ เอ็มควอเทียร์ 

Photo : Courtesy of CHANEL