ย้อนกลับไปเมื่อ 22 ปีก่อน ในปี 2002 ดีไซเนอร์หัวเรือใหญ่แห่งแบรนด์ชาเนลในตอนนั้นอย่าง Karl Lagerfeld ได้พลิกอุตสาหกรรมแฟชั่นครั้งใหญ่ ให้กำเนิดคอลเล็กชั่น Métiers d’Art ซึ่งมีเพียงชาเนลเจ้าเดียวในโลกเท่านั้นที่สร้างสรรค์คอลเล็กชั่นนี้ เพื่อให้ความสำคัญกับการตัดเย็บแบบช่างฝีมือ (Craftsmanship) เป็นหลัก อันสะท้อนให้เห็นถึงความรุ่มรวยของงานช่างฝีมือจากเวิร์กช็อปต่างๆ ของชาเนล หรือที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อ "Maisons d’Art"

     ปัจจุบันชาเนลมี Maisons d’Art และโรงงานช่างฝีมือจำนวนมากกว่า 50 แห่ง และมีพนักงานรวมมากกว่า 8,200 คนจากทุกช่วงอายุ โดยทั้งหมดมีภูมิหลังในการร่วมงานกับชาเนล และมีชื่อเสียงทั้งในระดับฝรั่งเศสและในระดับโลกทั้งสิ้น และทั้งหมดนั้นทำงานอยู่ภายใต้สังกัดที่มีชื่อว่า Paraffection ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 1997 เพื่อสร้างสรรค์ผลงานช่างฝีมือให้กับชาเนลอย่างเป็นระบบ และยังสามารถสร้างสรรค์ผลงานช่างฝีมืออย่างเป็นอิสระให้กับแบรนด์อื่นๆ ซึ่งตอนนี้รวมตัวอยู่ในอาคาร Le19M ของชาเนล

     ช่างฝีมือจากหลายเมซงใน Paraffection ล้วนแล้วแต่มีอายุการทำงานของเมซงมากกว่าศตวรรษ ยกตัวอย่างเช่น Lesage ซึ่งชำนาญงานปักมือมาตั้งแต่ ปี 1858, Lemarié เมซงที่มีความชำนาญด้านงานประดิษฐ์ดอกไม้มาตั้งแต่ปี 1880, เมซง Lognon ที่เริ่มงานด้านการอัดพลีตมาตั้งแต่ปี 1853 หรือแม้แต่ Massaro ที่เชี่ยวชาญด้านการทำรองเท้ามาตั้งแต่ปี 1894 ซึ่งแน่นอนว่ารองเท้าทูโทนสุดไอคอนิกของชาเนล ก็ถือกำเนิดขึ้นจากเมซงแห่งนี้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีเมซงอีกมากมายที่ชาเนลเข้าซื้อกิจการเรื่อยมา นับตั้งแต่ปี 1985 และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพียงเพื่อเอาไว้สร้างสรรค์ผลงานสุดประณีตให้กับแบรนด์เท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อสายป่าน อนุรักษ์งานช่างฝีมือให้คงอยู่กับอุตสาหกรรมแฟชั่นต่อไปอีกตราบนาน

     นอกเหนือจากงานช่างฝีมือสุดประณีตที่ปรากฏให้เห็นทุกต้นเดือนธันวาคม บนรันเวย์คอลเล็กชั่น Métiers d’Art ของชาเนลมาอย่างยาวนานติดต่อกันกว่า 2 ทศวรรษ อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นไฮไลต์สำคัญของโชว์คอลเล็กชั่นนี้ก็คือ สถานที่จัดโชว์ที่ชาเนลเลือกสรร ซึ่งจะเป็นการจัดโชว์ในรูปแบบ Destination Show เสมอ พร้อมพาเหล่าสาวกชาเนลเดินทางไปเปิดโลกตามที่ต่างๆ เริ่มต้นจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี 2002 ที่มีความเชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้นกับชีวิตอันโลดโผนของ Gabrielle Chanel สตรีผู้ก่อตั้งแบรนด์ ตามมาด้วยมหานครนิวยอร์ก เซี่ยงไฮ้ เรื่อยไปจนถึง เมืองดาการ์ ประเทศเซเนกัล ที่หลายคนไม่เคยคาดคิด ในยุคสมัยของ Virginie Viard กับโชว์คอลเล็กชั่น Métiers d’Art 2022/23 สถานที่ที่อุดมไปด้วยเรื่องราวของศิลปะ ดนตรี วัฒนธรรม และแฟชั่น

     และล่าสุดกับโชว์คอลเล็กชั่น Métiers d’Art 2023/24 ที่ Virginie Viard ลงทุนบินลัดฟ้าสู่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ พื้นที่ซึ่งรุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์ของวงดนตรีป็อปร็อก และกลายมาเป็นเเรงบันดาลใจสำคัญในคอลเล็กชั่นนี้ พร้อมทั้ง ’ผ้าทวีด‘ ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาตีความใหม่ให้โดดเด่น เพื่อสะท้อนถึงจุดเริ่มต้นอันสำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์ชาเนล ผสานแก่นแท้งานออกแบบของฝรั่งเศสรวมไว้กับรหัสการแต่งตัวสไตล์คนอังกฤษได้อย่างลงตัว