FASHION
คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของ Valentino ภายใต้การเข้ามาของ Alessandro Micheleรูปแบบแฟชั่นสไตล์แม็กซิมัลกลิ่นอายย้อนยุคจะถูกนำเสนออีกครั้งด้วยมิติเรื่องราวอันล้ำลึก และ Valentino จะเป็นแบรนด์ท่ีแฟนๆ รอเซอร์ไพรส์ทุกโชว์ในช่วงแฟชั่นวีก |
การเปลี่ยนแปลงในโลกแฟชั่นที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนหัวเรือใหญ่ เพราะดีไซเนอร์ที่จะก้าวเข้ามารับตำแหน่งแทนที่คนเดิมมักจะเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ทิศทางด้านศิลปะ รูปแบบแฟชั่น เรื่อยไปจนถึงเรื่องหลังฉากอย่างวิธีการทำงาน หรือแม้แต่ทีมงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วยเช่นกัน บางแบรนด์เมื่อเปลี่ยนดีไซเนอร์เราจึงเห็นว่าแทบจะเปลี่ยนแปลงแบรนด์ไปโดยสิ้นเชิง สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นอีกครั้งกับ Valentino เมื่อ Pierpaolo Piccioli ก้าวลงจากบัลลังก์ที่ครองมายาวนานถึง 25 ปี เปิดประตูบานใหม่ให้ Alessandro Michele อดีตหัวเรือใหญ่ของแบรนด์ Gucci ได้เข้ามาสร้างมิติแฟชั่นที่น่าติดตามอย่างยิ่ง คำถามคือเราจะเห็นอะไรจากวาเลนติโน่ภายใต้การกำกับดูแลของผู้อำนวยการสร้างสรรค์คนนี้
การเปลี่ยนแปลงเชิงศิลป์ของ Alessandro Michele กับคอลเล็กชั่นเดบิวต์กับ Gucci ในปี 2015 / ภาพ: Vogue US
สาวกแฟชั่นทุกคนทราบกันอย่างดีว่าอเลสซานโดรถือเป็นเจ้าพ่อแห่งสไตล์แม็กซิมัล เขาหยิบจับรายละเอียดทุกอย่างมาประกอบสร้างกับวิถีแฟชั่น นำเสนอความจัดจ้านในขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดรูปแบบการตีความใหม่ๆ ให้กับโลกแฟชั่นอยู่เสมอ วาเลนติโน่เดิมทีเป็นแบรนด์ที่มีภาพจำด้านความเรียบหรู โดดเด่นด้วยซิลูเอต รูปทรง และการใช้สีสันผ่านวัสดุหลากหลายรูปแบบ แต่ก็ไม่ได้มีจุดเด่นเรื่องลายพิมพ์หรือความสลับซับซ้อนในการผสมผสานสีและรายละเอียดจัดจ้านถึงขนาดแม็กซิมัลมาก่อน การมาถึงของอเลสซานโดรเราอาจจะเห็นพาเลตต์สีของวาเลนติโน่ถูกนำมาผสมผสานและสาดลงผืนผ้าใบแห่งวงการแฟชั่นหรือที่เรียกว่าเสื้อผ้าอย่างชัดเจนที่สุด
กลิ่นอายแฟชั่นวินเทจจากยุค 1970s ถูกนำมาเล่าใหม่ในโลกยุคปัจจุบันผ่านมุมมองของ Alessandro Michele กับแบรนด์ Gucci / ภาพ: Vogue France
‘Vintage Vibe’ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอเลสซานโดรคือดีไซเนอร์ที่หยิบจับความเก่ามาเล่นได้อย่างมีนัยสำคัญ การพาสาวกแฟชั่นท่องโลกย้อนกลับไปหลายทศวรรษคือสิ่งที่เขาชื่นชอบ เราจะเห็นกลิ่นอายของแฟชั่นปลายยุค ‘60s ต่อเนื่องมาจนถึงยุค ‘80s ภายใต้การกำกับดูแลของเขา ทว่ามันไม่ใช่สิ่งเก่าที่เฉิ่มเชย เพราะแฟชั่นวินเทจได้รับการตีความใหม่และนำเสนอด้วยองค์ประกอบและรายละเอียดที่ทันสมัยมากขึ้น ประกอบแอ็กเซสเซอรี่ที่มีความโดดเด่นด้านรายละเอียดจากสีสันและลวดลาย ความแม็กซิมัลเต็มปรอทตามแนวทางของอเลสซานโดรเหมือนการชุบชีวิตแฟชั่นยุคเก่าให้กลับมามีสีสันเชื่อมโยงกับโลกยุคใหม่ ซึ่งคาดว่าเขาจะดำเนินการนี้ในเมซงวาเลนติโน่เช่นเดียวกัน เพราะความล้ำลึกตามประวัติศาสตร์แบรนด์วาเลนติโน่เองก็มีเรื่องราว แฟชั่นสุดคลาสสิก และคลังเก่าให้เขาได้สืบค้นและเล่นสนุกไปกับการพาทุกคนย้อนเวลาด้วยจุดยืนในโลกปัจจุบันอีกครั้ง
WATCH
สีสันความจัดจ้านของแฟชั่นแบรนด์ Valentino ในยุค 1970s ภายใต้การกำกับดูแลของ Valentino Garavani / ภาพ: Vogue Italia
ในวันที่ปิแอร์เปาโลนำเสนอความเรียบหรูมีระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคอลเล็กชั่นช่วงหลังที่เน้นเรื่องรูปทรงและมิติความลื่นไหลของวัสดุ ตัดทอนเรื่องลวดลายและการไล่ระดับสี จากการนำเสนอคอลเล็กชั่นที่มีการเน้นธีมหลักเป็นสีต่างๆ เช่นสีชมพูหรือสีดำเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการครอบธีมอย่าง ‘Black Tie’ ที่ผสมผสานความคลาสสิกดั้งเดิมเข้ากับวิถีแฟชั่นที่ตีความขนบธรรมเนียมเก่าแก่ในรูปแบบที่สดใหม่ขึ้น ทว่าสำหรับอเลสซานโดรอาจเป็นอะไรที่มากกว่านั้น เพราะเขาเชี่ยวชาญในการหยิบจับเอารายละเอียดแบบดั้งเดิมมาประกอบสร้างใหม่จนเกิดเป็นสิ่งที่สดใหม่ยิ่งกว่าเดิม เราอาจจะเห็นความจัดจ้านในสไตล์แบบ Valentino Garavani ที่ออกแบบเสื้อผ้าสีสันและลวดลายจัดจ้านในช่วงยุค ‘70s อีกครั้ง แต่เป็นเวอร์ชั่นที่ถูกปรับแต่งใหม่ด้วยกลิ่นอายความขบถและความเนี้ยบประณีตชั้นสูงจะถูกแทนที่ด้วยความเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้วที่จงใจทำให้แปลกแตกต่างกว่าที่เคยเป็น
ชุดเดรสที่มีการปักประดับอวัยวะเครื่องเพศของผู้หญิงที่เป็นสัญญะในการสื่อสารประเด็นทางสังคม ผลงานการออกแบบของ Alessandro Michele กับ Gucci คอลเล็กชั่นครูส 2020 / ภาพ: Gucci
การสื่อสารแฟชั่นที่เชื่อมโยงถึงสังคมก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อเลสซานโดรน่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวาเลนติโน่ไปโดยสิ้นเชิง จากผลงานที่กุชชี่จะเห็นว่าเขาเลือกนำเสนอแฟชั่นด้วยเรื่องราวอันซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการตีความเชิงสังคม การเมือง หรือแม้แต่ดวงดาว การนำเสนอแฟชั่นของเขาล้วนมีนัยซ่อนเร้น มีการเสียดสี มีการประท้วง มีการสร้างความตระหนักรู้ ซึ่งสิ่งนี้อาจเป็นองค์ประกอบสำคัญของโลกแฟชั่นยุคใหม่ที่วาเลนติโน่กำลังมองหา เพราะแม้จะมีการตั้งคำถามกับเรื่องขนบดั้งเดิมหรือการแสดงให้เห็นวิธีการตีความแฟชั่นที่เล่นกับความปฏิปักษ์บางอย่าง ทว่าก็ยังเทียบไม่ได้กับความเข้มข้นที่อเลสซานโดรนำเสนอมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาการทำงานกับกุชชี่หลายปีที่ผ่านมา
การจัดโชว์อย่างยิ่งใหญ่ (คอลเล็กชั่นโอตกูตูร์ ฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2023) ตัวอย่างที่ทุกคนคาดหวังจากแบรนด์ Valentino / ภาพ: Valentino
สุดท้ายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากที่สุดคือความคาดหวัง เพราะปกติแฟนคลับแบรนด์วาเลนติโน่จะคาดหวังกับความเรียบหรูและลูกเล่นเล็กน้อยที่สร้างมิติแฟชั่นอันงดงาม ทว่าสำหรับอเลสซานโดรนั้นเขาจะถูกคาดหวังในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะเขาคือนักสร้างเซอร์ไพรส์ตัวยง ความคาดหวังของแฟนๆ คือการเห็นความจัดจ้านที่ผูกโยงเข้ากับแนวคิดเชิงสังคมที่ล้ำลึก เสื้อผ้าที่สื่อสารออกมากอย่างเต็มที่ต้องมาพร้อมข้อความเบื้องหลังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวสนับสนุนอันหนักแน่น ฉากหน้าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนรอชม เรื่องราวจะเป็นสิ่งที่ทุกคนรออ่าน และสุดท้ายคือแนวคิดรวมถึงมนต์เสน่ห์คือสิ่งที่ทุกคนรอเสพสมกันอย่างใจจดใจจ่อ วาเลนติโน่ยุคใหม่อาจเป็นแบรนด์ที่ทุกคนกำลังเฝ้ารอถึงมิติของรสชาติแฟชั่นที่ถูกคลุกเคล้าให้เข้ากันของทุกองค์ประกอบและนำเสนอออกมาด้วยความจัดจ้านมากที่สุดในช่วงแฟชั่นวีก
WATCH