FASHION
Thai Textiles Trend Book Spring/Summer 2025 หนังสือตำราผ้าไทยเล่มที่ 5 อันเปี่ยมด้วยความท้าทายสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระดำริเกี่ยวกับการสร้างความท้าทายและเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างผ้าไทยสู่ความเป็นสากล |
จุดเริ่มต้นของ Thai Textiles Trend Book สร้างการเปลี่ยนแปลงและถือเป็นฉบับตำราอันน่าสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาผ้าไทยในรูปแบบร่วมสมัย เชื่อมโยงตั้งแต่รากฐานความดั้งเดิมในการรังสรรค์งานฝีมือสุดประณีตของชุมชนท้องถิ่น เรื่อยไปจนถึงผู้ประกอบการ สู่นักสร้างสรรค์ รวมถึงแง่มุมของแวดวงแฟชั่นอันเปี่ยมด้วยรายละเอียดของความเนี้ยบประณีตผสมผสานกับมุมมองความคิดสร้างสรรค์ และการเชื่อมโยงกับเรื่องความทันสมัยอันเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งยังวนลูปดังกล่าวเพื่อย้อนกลับและพัฒนาเป็นขั้นเป็นตอนอย่างต่อเนื่อง
ก้าวมาถึงเล่มที่ 5 กับ Thai Textiles Trend Book Spring/Summer 2025 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเผยว่าการเดินทางสู่เล่มที่ 5 ท่านทรงเห็นการเปลี่ยนแปลงและความรวดเร็วของเวลา พร้อมทั้งความร่วมสมัยอันผูกโยงกับมิติความเป็นสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องฤดูกาลตามปฏิทินแฟชั่นโลก สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือความสมดุลของการรักษารากฐานวัฒนธรรมอันงดงามกับการเลือกสรรแบบใหม่ตามการเปิดมุมมองในเรื่องผ้าไทยที่เป็นเรื่องไม่เฉพาะเจาะจงอีกต่อไป “ตลาดเปิดและคนอยากทดลอง” เรื่องนี้สำคัญอย่างมากกับการสร้างการพัฒนาและองค์ความรู้ ซึ่งพระองค์ทรงมองเห็นและเรื่องราวเบื้องหลังดังกล่าวคือหัวใจหลักที่แสดงถึงคุณค่าของหนังสือเล่มนี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม
“ค่าเฉลี่ยอายุของผู้ใช้หนังสือนี้เป็นแนวทางน้อยลงทุกวัน” สิ่งนี้ชี้ชัดให้เห็นถึงมิติการพัฒนาที่สร้างภาพจำรูปแบบใหม่ให้กับผ้าไทย แนวทางการศึกษาและความสนใจจากคนรุ่นใหม่ทำให้ผ้าไทยไม่ใช่เรื่องของคนสูงอายุ แต่เป็นเรื่องสนุกสำหรับทุกคน พระองค์ทรงมองว่าเด็กรุ่นใหม่มีอิสระและรักที่จะพัฒนาในแนวทางของตัวเอง นำมาสู่การพิสูจน์ด้วยผลลัพธ์ที่ดีและเป็นดั่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนในกรอบแนวคิดแบบเดิมเปิดกว้างและเข้าใจถึงแนวทางการพัฒนามากขึ้นด้วยเช่นกัน “คนรุ่นเก่าเริ่มสนุกกับการพัฒนาทั้งในเชิงลึกและการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ” พระองค์ทรงระบุให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมในการเปิดโลกของผ้าไทยให้สนุกและสะท้อนภาพของวลีที่ว่า “ความรู้ไม่มีวันสิ้นสุด”
WATCH
แนวคิดของพระองค์ในการสรรสร้างหนังสือเล่มที่ 5 คือการสร้างความท้าทายในหลายมิติ “ไม่คิดว่าจะมาถึงเล่ม 5 เล่มแรกยากที่สุด เรียนรู้ปัญหาและค่อยปรับ จริงๆ แล้วอยากหยุดแต่อยากทำให้สุด” เล่มนี้จึงเป็นความท้าทายที่ทำให้ผู้ประกอบการเนรมิตผลงานที่ทันสมัยและสวมใส่ได้จริง พร้อมสอดประสานไปกับงานแฟชั่นและงานศิลปะด้านต่างๆ หนังสือเล่มนี้เหมือนแนวทางการวางรากฐานตั้งแต่การเปิดแนวความคิด การผลิต ไปจนถึงการเชื่อมโยงกับมิติความสากล เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้วจะสามารถพัฒนาต่อและเลียนล้อไปกับความร่วมสมัยได้แบบไม่รู้จบ
“ภาคใต้ต้องสั่งผ้าจากภาคอีสาน ต้องมีการเปลี่ยนกัน” พระองค์ทรงเล่าเกี่ยวกับกลไกเบื้องหลังอันนำมาสู่การผูกโยงอันกลมเกลียวของสังคมต่างถิ่น ต่างวัฒนธรรม และสามัคคี แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าหนังสือเล่มนี้ไม่เพียงเป็นตำราหรือคู่มือเท่านั้น ทว่าการสร้างสรรค์ผลงานตามแนวทางเพื่อก้าวทันยุคสมัยและเพิ่มมิติความท้าทาย นำมาสู่ความกลมเกลียวและการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างท้องถิ่น ยิ่งพัฒนาก้าวไกล ยิ่งต้องอาศัยวัตถุดิบ องค์ความรู้ หรือแม้แต่ความสัมพันธ์อันดีงาม ทั้งหมดล้วนจากการพัฒนาแนวคิดและมุมมองอันเป็นเป้าประสงค์ในการนำเสนอหนังสือเล่มนี้สู่สังคม
“ผ้าไทยสู่ระดับสากล” วลีนี้คือวลีสำคัญที่เป็นดั่งเป้าหมายหลักของการสนับสนุน ฟื้นฟู และพัฒนาผ้าไทย “ในยุคหนึ่งผู้คนไม่อยากสวมผ้าไทย ไม่ได้ให้คุณค่ากับงานหัตถกรรมไทย ดูเก่า ดูเชย” พระองค์ทรงย้อนความทรงจำเกี่ยวกับมุมมองความคิดที่ไม่เป็นเชิงบวกของผ้าไทยในอดีต “การศึกษาดูงานต่างประเทศทำให้เห็นผลงานฝีมือเก๋ๆ มีสไตล์ แต่ละอย่างขายแพง ที่บ้านเรามีผลผลิตหลายอย่างที่เก๋มีสไตล์ อาจมีการตกแต่งเพิ่มเติมบ้างก็เก๋แล้ว” พระองค์ทรงสะท้อนแนวพระดำริเกี่ยวกับการพัฒนาและเพิ่มมูลค่าในงานฝีมือท้องถิ่นดั้งเดิมที่ปรากฏขึ้นในสังคมเป็นปกติอยู่แล้ว
“ผ้าไทยไปต่อได้ผ่านการรังสรรค์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตัดทรงพลิ้ว ตัดทรงฝรั่ง ตัดแจ็กเก็ต สวยมาก จึงคิดว่าทำไมเราต้องพึ่งพาฝรั่งตลอดเวลา เราควรจะภูมิใจในงานศิลปะหัตถกรรม และภูมิใจในประวัติศาสตร์ของไทยอย่างเป็นรูปธรรม” พระองค์ทรงชี้แนวทางความคิด พร้อมทรงเสริมว่า “ในอนาคตสินค้าฝรั่งจะแพงขึ้นมาก ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น วัสดุผ้า และอีกมากมาย อยากให้ทุกท่านหันมามองว่าสินค้าไทยหลายๆ ชิ้น มีคุณค่าและคุณภาพเทียบเท่าฝรั่ง อีกทั้งยังจับต้องได้ ชาวต่างชาติมองว่าผลงานศิลปะหัตถกรรมเหล่านี้เป็นสิ่งพิเศษ” เพราะสิ่งเหล่านี้มีเอกลักษณ์แสดงถึงความเป็นไทย ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
“เมืองไทยมีข้อเสียคือไม่มีหนังสือตำราสำหรับอ้างอิงหรือการรวบรวมที่ดี และหนังสือตำราแบบนี้ที่คุณภาพระดับสูงนั้นมีราคาแพง” ความกังวลพระทัยของพระองค์ที่นำมาสู่แนวดำริการพัฒนาหนังสือตำราฉบับผ้าไทยจนก้าวมาถึงเล่มที่ 5 พระองค์จึงทรงพัฒนาหนังสือตำราฉบับของไทย โดยมีมาตรฐานระดับสากล และเปิดให้เข้าถึงฟรี (ดาวน์โหลดได้ผ่าน QR CODE) ซึ่งหลักการสำคัญคือคนที่ไม่อยู่ในอุตสาหกรรมแฟชั่นอ่านรู้เรื่องและสามารถส่งต่อความรู้ได้ “เมื่อใครอยากจะอ้างอิงหรือเปิดตำรา ต้องเข้าใจ เขียนรู้เรื่อง ภาพรู้เรื่อง”
ในเล่มที่ 5 นี้นำเสนอเทรนด์หลัก 4 รูปแบบคือ Warm Embrace : โอบอ้อมอบอุ่น, Paradise Found : สวรรค์เขตร้อน, Silhouette of the Past : เงาแห่งอดีต และ Iridescent Dream : แพรวพราววาวฝัน ซึ่งแต่ละเทรนด์โดดเด่นด้วยคู่สีที่มีเอกลักษณ์ สะท้อนภาพความร่วมสมัยและเป็นสากล สามารถเปรียบเทียบได้กับผลงานแฟชั่นบนรันเวย์จากแบรนด์ระดับโลก ทั้งนี้ในหนังสือยังเต็มเปี่ยมด้วยเทคนิคอันหลากหลาย และไฮไลต์สำคัญคือสี ‘Bridge’ หรือสีอันเป็นดั่งสะพานเชื่อมความเข้ากันของพาเลตต์ที่ทำให้คู่สีหรือชุดสีกลมกลืนมีสมดุล
นอกจากนี้พระองค์พระราชทานแนวพระดำริเกี่ยวกับการพัฒนาเส้นสายลวดลายและแพตเทิร์นที่มีความละเอียดซับซ้อน ถือเป็นโจทย์อันท้าทายของผู้รังสรรค์ผลงานผ้าไทยที่ถ้าสามารถทำได้อย่างสมบูรณ์แบบก็จะพัฒนางานฝีมือขึ้นอีกระดับ อีกทั้งยังเปิดโลกของผ้าไทยเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับเทรนด์ระดับโลก อาทิ เทคนิคแบบออมเบร เทคนิคการสร้างแพตเทิร์นลวดลาย การใช้คู่สี การผสมผสานชุดสี และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งหมดนี้สามารถสะท้อนภาพความโดดเด่นของงานหัตถกรรมฉบับท้องถิ่นที่สามารถพัฒนาต่อยอดสู่อนาคตด้วยมนต์เสน่ห์อันงดงาม
ใครสนใจสามารถดาวน์โหลดได้ทาง https://online.fliphtml5.com/rnqjs/tmaz/
WATCH