เผยเบื้องหลังภาพสุดพิเศษในงาน Met Gala 2024 ที่ลั่นชัตเตอร์เก็บภาพโดยช่างภาพหญิงไทย
แม้ตัวเองจะได้โอกาสในสร้างสรรค์ผลงานในช่วงเวลาเอ็กซ์คลูซีฟที่สุด แต่เธอก็ยังหันกลับมามองชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่ฉุดรั้งการพัฒนาของประเทศไทย ซึ่งทุกคนควรตระหนักรู้
งาน Met Gala ทุกคนคงทราบกันดีว่าเป็นงานกาล่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแวดวงแฟชั่น ดังนั้นโมเมนต์สำคัญจึงเกิดขึ้นพร้อมกับเรื่องราวอันน่าสนใจหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าศิลปินคนดังและเซเลบริตี้ระดับแถวหน้าที่มาปรากฏโฉมกันอย่างต่อเนื่อง ชุดสุดพิเศษที่แบรนด์รังสรรค์ขึ้นสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ เรื่องราวประวัติศาสตร์แฟชั่นของชุดที่อาจถูกหยิบยกมาสวมใส่อีกครั้ง แต่ที่หลายคนอาจไม่ทราบเลยคือภายในงานนี้ไม่สามารถนำเสนอบรรยากาศภายในได้อย่างเปิดเผย มีเพียงภาพที่ถูกถ่ายและคัดกรองแล้วเท่านั้นจึงสามารถเผยแพร่ได้ และปี 2024 ก็มีภาพไอคอนิกที่ทุกคนแชร์ลงบนโซเชียลมีเดียกับโมเมนต์รวมทีมงานของ Anna Wintour และภาพที่ Jennie แห่งวง BLACKPINK ถ่ายร่วมกับวง Stray Kids โดยทั้ง 2 ภาพถูกบันทึกโดย “ปูเป้-จุฑารัตน์ ภิญโญดุลยเจต” ช่างภาพไทยเพียงหนึ่งเดียวในงานนี้
Anna Wintour และทีมงานโว้ก ภาพสุดพิเศษที่ถูกบันทึกโดย ปูเป้-จุฑารัตน์ ภิญโญดุลยเจต
โว้กได้มีโอกาสสัมภาษณ์ถามถึงเรื่องราวของการถ่ายภาพสุดพิเศษที่ถูกเผยแพร่และแชร์ต่อจนกลายเป็นโมเมนต์ไวรัลของงานนี้ ซึ่งปูเป้ระบุถึงเหตุการณ์เบื้องหลังภาพทั้ง 2 ภาพนี้ โดยเริ่มจากภาพของแอนนา วินทัวร์ว่า “เป็นภาพรวมทีมงานโว้กหลังเสร็จงาน MET Gala ทีมงานรวมตัวกันมาถ่ายรูปหมู่และมีแอนนา วินทัวร์เข้ามาร่วมถ่ายรูปด้วยค่ะ” ซึ่งโมเมนต์ดังกล่าวยากที่ใครจะได้เห็นกับการรวมตัวของเหล่าคนเบื้องหลังงานเมต กาล่าที่ปกติจะเป็นผู้จัดงานและเผยแพร่คอนเทนต์สู่สายตาสาธารณะ นี่เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่เราจะได้เห็นแอนนา วินทัวร์ร่วมกับเหล่าทีมงานโว้กจำนวนมากภายในงานที่ยิ่งใหญ่และยุ่งหัวหมุนที่สุดแห่งปีแบบนี้ นับเป็นโมเมนต์สำคัญที่จังหวะเวลาและบรรยากาศทำให้ภาพนี้ทรงพลังอย่างยิ่ง
Jennie แห่งวง BLACKPINK และ Stray Kids ถ่ายภาพร่วมกันในงาน Met Gala 2024 บันทึกภาพโดย ปูเป้-จุฑารัตน์ ภิญโญดุลยเจต
อีกภาพหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือภาพของเจนนี่และวงสเตรย์ คิดส์ที่เชื่อว่าถูกแชร์ไปบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียนับครั้งไม่ถ้วน โดยปูเป้ระบุถึงเหตุการณ์นี้ว่า “เป็นภาพที่เกิดขึ้นข้างในช่วง Reception ในงานเมต กาล่าในตอนนั้นเจนนี่กำลังยืนพูดคุยอยู่กับสเตรย์ คิดส์ เลยขอให้ถ่ายภาพร่วมกันค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นภาพที่คนอยากเห็นกัน” ซึ่งก็ไม่ผิดจากที่ช่างภาพหญิงคนนี้คิดแม้แต่น้อย ภาพดังกล่าวกลายเป็นภาพไวรัลอย่างรวดเร็ว ด้วยความออร์แกนิกและเป็นธรรมชาติ อีกทั้งองค์ประกอบภาพและรายละเอียดต่างๆ ยังสะท้อนภาพพลังออกมาอย่างชัดเจน โดยเธอโพสต์ระบุบนหน้าฟีดโซเชียลของส่วนตัวอีกว่า “คิดถูกมากที่ขอให้เจนนี่ถ่ายภาพร่วมกับสเตรย์ คิดส์ นึกแล้วยังขำ พอเห็นเจนนี่เดินมา น้องๆ ลุกขึ้นยืนกันพรึ่บ (หัวเราะ) น่ารัก” ถือเป็นโมเมนต์อันน่าประทับใจของทั้งช่างภาพเองและคนที่รอติดตามภาพสุดพิเศษภาพนี้เสียจริง
WATCH
ปูเป้-จุฑารัตน์ ภิญโญดุลยเจต ช่างภาพหญิงผู้บันทึกภาพเหตุการณ์ในงานสำคัญของวงการแฟชั่นและบันเทิงระดับโลก
นอกจากเรื่องราวเบื้องหลังแล้วโว้กยังถามถึงประสบการณ์และความประทับใจในการบันทึกภาพภายในงานเมต กาล่า ซึ่งถือเป็นสิ่งที่เข้าถึงยากที่สุดสิ่งหนึ่งในฐานะของช่างภาพ โดยปูเป้บรรยายถึงความรู้สึกครั้งนี้ว่า “ดีใจ ตื่นเต้น และกังวลในเวลาเดียวกันค่ะ ดีใจที่ได้รับโอกาสนี้ เพราะเชื่อว่ามีช่างภาพอีกมากมายที่อยากเข้าไปถ่ายภาพข้างในงานเมต กาล่าพอได้โอกาสมาแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด เลยมีความกังวลเล็กน้อยว่าจะทำได้ดีไม่พอ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ต้องขอบคุณทาง บก.ภาพที่ให้โอกาสคนใหม่ได้ร่วมทีมในปีนี้ค่ะ” เรื่องราวดังกล่าวต่อยอดจากผลงานการถ่ายภาพพรมแดงงานเมต กาล่าเมื่อปีก่อน ปูเป้พิสูจน์ตัวเองพร้อมได้รับโอกาสอีกครั้ง โดยครั้งนี้พิเศษกว่าที่เคย เพราะช่างภาพที่สามารถบันทึกภาพภายในงานหลังจากพรมแดงมีจำนวนจำกัดและต้องได้รับรองอย่างเป็นทางการเท่านั้นจริงๆ
เมื่อถามถึงเหตุการณ์อันน่าประทับใจในงานเมต กาล่าครั้งนี้แล้ว โว้กยังเคยสอบถามเกี่ยวกับมุมมองการเติบโตและการพัฒนาของวงการถ่ายภาพไทย ซึ่งปูเป็มีมุมมองอย่างชัดเจนเรื่องปัญหาการให้โอกาสและการทดลองเปิดกว้างรับสิ่งใหม่ๆ ในประเทศไทย (อ่านบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่) ครั้งนี้เราจึงถามเธอว่า “มีมุมมองเกี่ยวกับงาน Met Gala กับโอกาสแบบนี้ที่จะเกิดขึ้นในนิวยอร์กหรือหัวเมืองใหญ่ ซึ่งโอกาสแบบนี้ในประเทศไทยแบบนี้เกิดขึ้นยาก มีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง” ซึ่งเธอก็แสดงมุมมองอย่างเปิดเผยว่า “โอกาสในประเทศไทยเติบโตยากเพราะผู้ที่มีอำนาจไม่ได้เปิดโอกาสให้คนใหม่ๆ เท่าที่ควร การถ่ายงานหรือแสดงงานมักจะวนอยู่ซ้ำๆ แค่คนกลุ่มเดิมที่เป็นคนสนิทของผู้จัดงานหรือผู้มีอำนาจคัดเลือก ในประเทศไทยระบบอุปถัมภ์และระบบอาวุโสอยู่เหนือผลงานค่ะ” ซึ่งถือเป็นความเห็นที่หนักหน่วงแต่ก็จี้จุดให้รู้สึกตระหนักถึงรากฐานของการเหนี่ยวรั้งการพัฒนาที่อาจไม่ได้รับความสนใจให้แก้ไขได้ในเร็ววัน
“ในวันที่เรามีมุมมองเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เรามีการยืนยันเรื่องนี้อย่างชัดเจนขึ้นหรือไม่อย่างไร เพราะวันนี้ปูเป้ถือว่าก้าวสู่บันไดความสำเร็จด้วยความทะเยอทะยานของตัวเอง ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา” โว้กถามปูเป้ต่อถึงปัญหาเหล่านี้และการก้าวสู่ความสำเร็จ ซึ่งเธอยังย้ำและแสดงจุดยืนชัดเจนว่า “ยังคิดเหมือนเดิมว่าประเทศไทยไม่ได้ให้คุณค่ากับคนทำงานมืออาชีพเท่าที่ควร เรื่องค่าแรงหรือชั่วโมงการทำงานก็ยังเป็นปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไข คิดว่าก็ต้องเรียกร้องกันต่อไปเพื่อให้ระบบการทำงานดีขึ้นค่ะ” ต้องบอกว่านี่คือมุมมองการคนที่พร้อมทะเยอทะยานและมุ่งหน้าสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จด้วยตัวเอง ในวันที่เธอต้องการโอกาส ต้องการพิสูจน์ตัวเอง เธอเลือกจะเดินตามความฝันและใช้ฝีมือแสดงออกอย่างเต็มที่ สำหรับเธอมุมมองเกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์ประเทศไทยอาจดูหนักหน่วง แต่แท้จริงแล้วคือการชี้ให้เห็นถึงปัญหาและสร้างความตระหนักรู้ให้มากที่สุด ในวันที่เธอก้าวสู่พื้นที่สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เธอพยายามด้วยตัวเองและสามารถหันมามองและวิจารณ์รูปแบบสังคมประเทศบ้านเกิดได้อย่างถูกจุด ถึงเวลาแล้วหรือยังที่แวดวงศิลปะหรือแวดวงใดก็ตามแต่จะเห็นถึงปัญหาอันฝังรากลึกและพยายามเปลี่ยนแปลงมัน คำถามนี้จะผุดขึ้นพร้อมคำวิจารณ์อันไม่รู้จบ ตราบใดที่มันยังไม่มีแนวโน้มในการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้
WATCH