
FASHION
ล้วงลึกทุกมุมชีวิต 'มิ้ลค์-เลิฟ' และครั้งแรกบนปกโว้กประเทศไทยของพวกเธอ!มิ้ลค์-เลิฟ พร้อมเผยทุกแง่มุมชีวิต ตั้งแต่เรื่องส่วนตัว, ความสัมพันธ์ และการทำงานในอุตสาหกรรมบันเทิงและแฟชั่นไทย |
ช่างภาพ: ณัฐ ประกอบสันติสุข
สไตล์ไดเร็กเตอร์: จิรัฏฐ์ ทรัพย์พิศาลกุล
นางแบบ: พรรษา วอสเบียน , ภัทรานิษฐ์ ลิ้มปติยากร
แต่งหน้า: กิตติ พูลสาริกิจ
ทำผม: ภากร สีเสม
ผู้ช่วยสไตลิสต์: ธีรธัช สมอุดมทรัพย์
-----------------------------------------------------------------
พรรษา วอสเบียน และ ภัทรานิษฐ์ ลิ้มปติยากร หรือ มิ้ลค์-เลิฟ สองนักแสดงสาวต่างคาแร็กเตอร์ ตัวแทนของผู้หญิงทำงานยุคใหม่ที่มีความสามารถรอบตัวมาแชร์เรื่องราวส่วนตัว การทำงาน ความสัมพันธ์ และมุมมองชีวิตให้แฟนๆ รู้จักพวกเธอในมุมที่เติบโตขึ้น
Vogue: อยากให้ทั้งสองคนช่วยเล่าถึงเส้นทางการสู่เข้าวงการบันเทิงว่าอะไรคือแรงบันดาลใจให้เข้ามาในสายงานนี้
Milk: เอาจริงๆ หนูไม่คิดว่าจะพาตัวเองมาถึงตรงนี้ได้ ตอนเรียนจบใหม่ๆ แค่คิดว่าจะทำอะไรดี ช่วงที่เรียนอยู่มีโอกาสไปถ่ายโฆษณา ก็ทำมาเรื่อยๆ จนตอนหลังรู้จักผู้ใหญ่มากขึ้น หนูมีญาติที่ทำโปรดักชั่นอยู่แล้ว ซึ่งเขาชวนหนูมาทำงานเรื่อยๆ พอดีได้เจอกับพี่ฐา (ขนิษฐา ขวัญอยู่ ผู้กำกับ) พี่เขาก็มาชวน หนูเป็นคนที่ชอบทำอะไรใหม่ๆ ก็เลยลองดู
Love: ที่บ้านของเลิฟค่อนข้างให้การสนับสนุนการเข้าวงการตั้งแต่เด็ก เพราะเลิฟเป็นคนขี้อายมากๆ ไม่ชอบการแสดงออก ไม่ชอบทำกิจกรรม แต่พอมีคนมาชวนให้ไปแคส คุณพ่อคุณแม่ก็พาไปเพราะอยากให้เราลอง พอเริ่มได้งานก็เริ่มปลดล็อกความกลัวไปทีละนิด ช่วงแรกกลัวกล้องมาก ไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร แต่พอเวลาผ่านไปก็เริ่มเข้าใจวิธีการทำงานและมีความกล้ามากขึ้น ถ้าเปรียบเทียบกับตอนแรกๆ เลิฟว่าตอนนี้มีความกล้าเพิ่มขึ้นเป็นพันเท่าเลยค่ะ
V: การทำงานซีรีส์ที่เราต้องทำงานร่วมกับคนอื่นในวันที่ทุกคนใหม่หมด ช่วงแรกต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง
M: ปกติหนูไม่ค่อยมีเพื่อนผู้หญิงค่ะ ถ้าจะคบกันได้คือต้องคลิกกัน พอเริ่มมาทำงานกับผู้หญิงจริงๆ แต่เขาเข้าวงการมาก่อน เราก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องวางตัวว่าอย่างไร ตอนแรกก็ค่อยๆ ลองเข้าหาน้อง บางทีน้องก็มาชวนไปทานข้าวบ้าง แต่พอได้มาทำงานด้วยกันจริงๆ เรารู้สึกว่าน้องเขาเป็นคนง่ายๆ ทานง่าย อยู่ง่าย ตั้งแต่ถ่ายซีรีส์เรื่อง 23.5 องศาโลกที่เอียง เราก็สนิทกันมากขึ้น แต่เราก็ต้องวางตัวด้วยเพราะบางทีเราเข้าถึงเนื้อถึงตัวแบบไม่ระวัง ก็พยายามจะให้เกียรติน้องด้วยค่ะ
L: เลิฟเข้ามาที่ค่าย GMM TV ก่อน 2 ปี พี่มิลค์ถึงตามมา ตอนแรกก็แอบเกร็งเพราะรู้สึกว่าพี่มิลค์เป็นพี่สาวเท่ๆ มีความเป็นผู้ใหญ่ นิ่งๆ ซึ่งเลิฟเชื่อว่าพี่มิลค์ก็น่าจะเกร็งเลิฟเหมือนกัน ตอนถ่ายซีรีส์เรื่องแรกพวกเรายังไม่ได้สนิทกัน เพราะตอนนั้นมีหลายอย่างที่ต้องโฟกัส ทั้งหาคาแร็กเตอร์ของเราด้วยและต้องจูนเข้าหากันด้วย แต่พอทำงานด้วยกันมาเรื่อยๆ ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น สนิทจนสามารถไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันสองคนได้โดยที่ไม่ทะเลาะกันเลย (หัวเราะ)
V: ประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานตั้งแต่วันแรกจนมาถึงวันนี้
M: หนูว่าการทำงานในวงการเป็นอีกสังคมที่หนูอาจจะยังไม่เข้าใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้แต่เรื่องของคาแร็กเตอร์ที่เราต้องเรียนรู้ว่าเราเป็นคนแบบนี้ แต่เราต้องไปเรียนรู้ตัวตนของอีกคนหนึ่ง เราต้องมาคิดวิเคราะห์ว่าถ้าเป็นคนที่มีคาแร็กเตอร์แบบนี้เขาจะคิดอะไร หรือแม้แต่การนั่ง เขาจะต้องนั่งท่าไหน หนูจะลองคิดออกมาก่อน แล้วผู้กำกับจะบอกหนูเองว่าแบบนี้ดีแล้วหรือยัง ตั้งแต่เข้าวงการมาหนูพยายามปรับตัวทุกอย่าง จะมองตัวเองว่าเราเป็นน้ำ คือไม่ว่าจะอยู่ในภาชนะไหนเราก็จะเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมนั้น ซึ่งค่อนข้างยากนะคะ เพราะเราเองก็ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเราเป็นคนแบบไหน ช่วงแรกๆ ที่เล่นเป็นคาแร็กเตอร์ที่เราได้รู้สึกค่อนข้างฝืน เลยต้องหาบาลานซ์และค่อยๆ อินเข้าไปในคาแร็กเตอร์ หรือบางทีถ้ามันหนักสำหรับหนูมากเกินไป หนูจะคุยกับผู้กำกับให้มากขึ้น หรือลองใช้ชีวิตแบบคาแร็กเตอร์นั้นดู ซึ่งก็ค่อยๆ ดีขึ้นค่ะ
L: หนูรู้สึกว่ามีความเข้าใจตัวเองและคนอื่นมากขึ้น ด้วยความที่เราโตขึ้นทุกๆ วัน การทำความเข้าใจตัวเองและคนอื่นจึงสำคัญมาก เราต้องเข้าใจตัวเองก่อนเพื่อที่เราจะได้เข้าใจคนอื่นได้ดี การทำงานในวงการทำให้เลิฟโตขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น กล้าคิด กล้าทำ และกล้าที่จะเข้าใจตัวเองด้วย เช่น ในแง่ของการทำงาน เราต้องมีความเป็นผู้ใหญ่ คือรู้หน้าที่ของตัวเองว่าต้องทำอะไร เลยทำให้เลิฟเข้าใจข้างในของเราว่าเราทำสิ่งนี้แล้วตัวเรามีความสุขนะ พอเราเข้าใจตัวเอง เราจะเข้าใจคนอื่นว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นก็เป็นงานของเขาเหมือนกัน อีกหนึ่งอย่างที่เลิฟว่าเลิฟพัฒนามากๆ คือมีความกล้ามากขึ้น กล้าที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ ต่างจากเมื่อก่อนที่เราค่อนข้างอินโทรเวิร์ตมาก มีกำแพงมาก แต่เดี๋ยวนี้กล้ามากขึ้นแล้วค่ะ
WATCH
V: อยากให้มิ้ลค์พูดถึงตัวเองและพูดถึงเลิฟ
M: หนูเป็นคนหลายบุคลิกค่ะ จนบางทีก็เดาทางตัวเองไม่ออกเหมือนกัน (หัวเราะ) บางวันก็กระโตกกระตาก บางวันก็นิ่ง ซึ่งเป็นการนิ่งที่ไม่ได้หมายความว่าเหนื่อยนะคะ แค่อยากเซฟพลังงานไว้ก่อน ถึงเวลาจะได้ลุยต่อได้ โดยเฉพาะช่วงที่ต้องทำงานติดกันทุกวัน ถึงกองหนูอาจจะนิ่งๆ เก็บแรงไว้ปล่อยที่หน้าเซต ส่วนเวลาพักหนูชอบเข้าไปดูโซเชียลน้องหมา น้องแมว อย่างเวลาเข้าซีนดราม่าไม่ใช่ว่าพอคัตปุ๊บ เราต้องติดคาแร็กเตอร์ออกมา เพราะหนูคิดว่าแค่แสดงในซีนก็เหนื่อยแล้ว พอคัตปุ๊บขอเป็นตัวเอง ขอคุยกับใครสักคนได้ไหม ถ้าให้พูดถึงเลิฟ หนูว่าใกล้เคียงแต่ไม่เหมือนกัน เช่น บางวันเอเนอร์จี้เราจะเหมือนกัน หรือมีเป้าหมายเหมือนกันอย่างเช่นเรื่องของกิน ฉันจะทำงานเหนื่อยแค่ไหนก็ได้แต่ของกินต้องอร่อย (หัวเราะ)
V: เลิฟพูดถึงตัวเองและพูดถึงมิ้ลค์
L: ตัวเลิฟเองเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังกับการทำงานมาก เลิฟรู้สึกว่าตัวเองใช้ชีวิตด้วยเหตุและผล เหมือนเราใช้ความคิดนำหัวใจมากๆ คือถ้าเป็นสมัยเรายังเด็ก ยังไม่ได้ทำงานมากขนาดนี้ เลิฟคงใช้ความรู้สึกหรือหัวใจก่อนเหตุผล แต่ตอนนี้เราโตขึ้น เราต้องทำงานกับคนหลากหลาย และต้องบริหารธุรกิจของตัวเองด้วย เลยต้องใช้ความคิดนำเพราะเราต้องโตขึ้น
ถ้าให้พูดถึงพี่มิ้ลค์ คนอื่นอาจจะมองแค่ภายนอก ภายนอกคือมีความเป็นผู้ใหญ่ เท่ๆ ลุยๆ แต่พอได้รู้จักจริงๆ พี่มิ้ลค์เป็นคนน่ารัก เป็นคนอ่อนโยนมาก เวลาพี่มิ้ลค์ทำอะไรจะคิดถึงคนอื่นเสมอ ไม่ว่าจะไปเที่ยวหรือไปที่ไหน แค่ไปกองเขาก็สามารถสั่งอาหารมาแจกคนในกองได้ รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่น่ารักมาก หรือที่ไปเที่ยวกันสองคน พี่มิ้ลค์ก็ดูแลเลิฟดีมาก พี่มิ้ลค์สายเทกแคร์ ส่วนเลิฟจะเป็นสายจัดแจง (หัวเราะ)...
สามารถตามไปอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม และชมแฟชั่นเซ็ตทั้งหมดได้ในนิตยสารโว้กประเทศไทย ฉบับเดือนพฤษภาคม 2025 วางแผงแล้วทั่วประเทศ!
WATCH