Michael Rider กับความคาดหวังในการพลิกโฉม Celine กลับาสู่ Old Celine ในเดือนกรกฎาคมนี้

     สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงพัดโชยจนเกิดเป็นปรากฏการณ์ ‘เก้าอี้ดนตรี’ แห่งวงการแฟชั่น จุดเริ่มต้นแห่งการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคใหม่อย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์ระดับเมเจอร์ที่มีการเปลี่ยนบุคคลระดับยอดพีระมิดกันอย่างต่อเนื่อง Celine เองก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม เพราะ Hedi Slimane หัวเรือใหญ่ที่เป็นดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าก้าวลงจากตำแหน่ง หลังจากมีข่าวลือเกี่ยวกับการรับงานที่ Chanel แต่แล้วบทสรุปไม่เป็นความจริง ดีไซเนอร์สัญชาติฝรั่งเศสยังคงสถานะอิสระ เชื่อมโยงกับแบรนด์อย่าง Gucci ที่เพิ่งปลด Sabato de Sarno ไปหมาดๆ

     ความน่าสนใจของประเด็นวันนี้ไม่ใช่การขาดหายไปของเอดี้ แต่เป็นบุคคลที่เข้ามาแทนที่เสียมากกว่า ชื่อของ Michael Ryder ถูกประกาศอย่างรวดเร็วหลังจากมีข่าวเรื่องเอดี้ไปไม่นาน หากไม่ใช่สาวกแฟชั่นแบบเจาะลึกอาจไม่คุ้นหูชื่อดีไซเนอร์คนนี้มากนัก แต่ถ้าลงลึกถึงประสบการณ์ทำงานต้องบอกว่าเขาคือดีไซเนอร์ที่คลุกคลีกับเซลีนมาก่อนการมาถึงของเอดี้เสียอีก และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผู้เขียนจินตนาการนึกย้อนไปว่าไมเคิล ไรเดอร์กำลังจะเปลี่ยนภาพของเซลีนให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของเขาได้หรือไม่
 

     ก่อนหน้ารับงานตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของเซลีนคนล่าสุด ไมเคิล ไรเดอร์เคยร่วมงานกับ Phoebe Philo ในฐานะผู้อำนวยการด้านดีไซน์มานานถึง 10 ปี (2008 - 2018) เรียกว่าเขาเป็นมือขวาของดีไซเนอร์หญิงผู้เป็นรากฐานสำคัญของแฟชั่นสไตล์มินิมัลและ ‘Effortless’ ในโลกสมัยใหม่เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังเขาผ่านประสบการณ์การทำงานในฐานะดีไซเนอร์ในทีม Balenciaga มานานถึง 4 ปี (2004 - 2008)  นับว่าเป็นดีไซเนอร์ที่สั่งสมประสบการณ์มาแบบครบถ้วน ทั้งยังรายล้อมด้วยบุคคลสำคัญที่เปี่ยมด้วยฝีมือเก่งฉกาจมาไม่น้อย

     “ผู้ปลุกชีวิต Polo Ralph Lauren” ปฏิเสธไม่ได้ว่าแบรนด์โปโล ราล์ฟ ลอเรนคือแบรนด์สุดคลาสสิกที่อยู่เหนือกาลเวลาเป็นทุนเดิมที่ได้เปรียบเหลือเกิน ทว่าการพัฒนาของไมเคิลสร้างมาตรฐานใหม่ในการผลักดันแบรนด์คลาสสิกสไตล์นี้ให้มีมิติความน่าสนใจยิ่งกว่าเดิม เพิ่มเติมรายละเอียดทั้งในเรื่องผลงานและการนำเสนอให้มีการเลียนล้อไปกับยุคสมัย ความเรียบง่ายของโปโล ราล์ฟ ลอเรนยังคงเด่นชัด ท่ามกลางกระแส ‘Quiet Luxury’ ที่เติบโตไปพร้อมกันด้วยทำให้ชื่อของไมเคิล ไรเดอร์เติบโตในกลุ่มคนวงในพอสมควรทีเดียว

     จากการแยกทางกลางปีสู่การสานฝันช่วงปลายปี…กลางปี 2024 ไมเคิล ไรเดอร์แยกทางกับโปโล ราล์ฟ ลอเรนอย่างเป็นทางการ หลังจากร่วมงานกันมานานราว 6 ปี ก่อนที่หลายเดือนถัดมาเขาจะถูกประกาศให้เข้ามาแทนที่เอดี้ในฐานะผู้กุมบังเหียนของเซลีน ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูปแบบผลงานของเอดี้และไมเคิลต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งเน้นความจัดจ้าน สร้างซิลูเอตที่สวมใส่ได้เฉพาะกลุ่ม มีลวดลาย สีสัน หรือแม้แต่การนำเสนอที่ราวกับเป็นโลกแห่งร็อกสตาร์ ในอีกด้านหนึ่งแฟชั่นเต็มไปด้วยความเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยพลัง การสอดแทรกรายละเอียดเล็กน้อยเพื่อเติมลูกเล่นเข้ากับความมินิมัลแบบพอดิบพอดี โทนสี ซิลูเอต และการประดับตกแต่งด้วยเทคนิคต่างๆ สวนทางกับแนวทางของเซลีนช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

     การนำเสนอคอลเล็กชั่นแรกของไมเคิล ไรเดอร์ ในฐานะแม่ทัพเซลีนจะเกิดขึ้นในวันที่ 6 กรกฎาคม 2025 ซึ่งเป็นช่วงระหว่างแฟชั่นวีกฝั่งบุรุษและปารีสโอตกูตูร์แฟชั่นวีก และถือเป็นโชว์รันเวย์ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2023 ที่จัดขึ้น ณ Le Palace กลางกรุงปารีส สิ่งที่น่าสนใจในการหวนคืนกลับมานำเสนอโชว์อีกครั้งคือการสร้างภาพจำใหม่ๆ อย่างหนักแน่น เพราะแนวทางการออกแบบหรือเซนส์แฟชั่นของไมเคิล ไรเดอร์ไปคนละทางกับเอดี้อย่างเป็นประจักษ์ ดังนั้นการจัดโชว์พร้อมองค์ประกอบต่างๆ ตั้งแต่เสื้อผ้า เซ็ตติ้ง เพลง หรือแม้กระทั่งเหล่าแขกที่มาร่วมงานอาจเป็นประกาศชิ้นสำคัญที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า “เซลีนเปลี่ยนยุคแล้ว”

     สาวกของฟีบี้ ไฟโลคงคาดหวังไม่น้อยกว่ากลิ่นอายฉบับ ‘Old Celine’ ในยุคของดีไซเนอร์หญิงจะกลับมาอีกครั้งภายใต้การหวนคืนสู่เมซงของอดีตมือขวาผู้เก่งกาจคนนี้ แน่นอนว่าแฟชั่นและองค์ประกอบทุกรูปแบบของเอดี้จะค่อยๆ หายไปไม่ช้าก็เร็ว มิติแฟชั่นในสไตล์มินิมัลและ ‘Effortless’ เปรียบดั่งลายเซ็นของไมเคิล ไรเดอร์อยู่แล้ว ดังนั้นเชื่อเลยว่าแฟนๆ ที่รอติดตามหรือหลงใหลในเซลีนยุคก่อนเอดี้อาจกลับมาเสพผลงานและควักกระเป๋าช็อปกับแบรนด์กันอีกครั้ง คอลเล็กชั่นแรกจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าไมเคิล ไรเดอร์จะสามารถผลักดันแฟชั่นของเซลีนไปถึงแฟนๆ และตลาดกลุ่มใหม่ได้หรือไม่ บอกเลยว่าห้ามพลาด

 

(สามารถอ่านเรื่องราว คาดการณ์อนาคตของ Danielle วง NewJeans ที่อาจเป็นดาวเด่นที่น่าจับตามองอย่างมากในปี 2025 ได้เพิ่มเติมที่นี่)