FASHION
จากเวนิสถึงเนเปิลส์ Max Mara คอลเล็กชั่นรีสอร์ตที่ท่องอิตาลีตั้งแต่เหนือจรดใต้รูปแบบการผสมผสานด้านวัฒนธรรมและศิลปะนำมาสู่การนำเสนอแฟชั่นสไตล์อิตาเลียนเต็มรูปแบบพร้อมอัตลักษณ์ของ Max Mara |
เมื่อพูดถึงการเดินทางในโลกแฟชั่น ต้องกล่าวถึงคอลเล็กชั่นรีสอร์ตหรือคอลเล็กชั่นครูสไปสำคัญ เพราะความสำคัญของ ‘Destination Show’ ของแต่ละแบรนด์ล้วนเป็นการหยิบยกเอามนต์เสน่ห์ทางวัฒนธรรมอันหลากหลายมาผูกโยงเข้ากับเอกลักษณ์ของแบรนด์จนเกิดเป็นผลผลิตด้านแฟชั่นที่มีเอกลักษณ์ และอาจไม่สามารถผลิตซ้ำภายใต้แนวคิดเดิมได้อีก ความน่าสนใจจึงถือกำเนิดขึ้นพร้อมให้ผู้ชมทั้งติดขอบรันเวย์และผ่านหน้าจอต่างรอลุ้นว่าผลงานการนำเสนอคอลเล็กชั่นรีสอร์ตตามเมืองต่างๆ ทั่วโลกจะเลือกสรรองค์ประกอบทางศิลปวัฒนธรรมจุดไหนมาสร้างสรรค์เป็นชิ้นงานแฟชั่น
สำหรับ Max Mara คอลเล็กชั่นรีสอร์ตไม่ได้เดินทางไปไหนไกลนักในปี 2024 (รีสอร์ต 2025) ต่อเนื่องจนถึงปี 2025 เพราะแบรนด์ประกาศแล้วว่าคอลเล็กชั่นรีสอร์ต 2026 ที่จะจัดขึ้นช่วงเดือนมิถุนายน 2025 จะจัดขึ้น ณ เมืองเนเปิลส์ เมืองสำคัญในแคว้นคัมปาเนีย ทางตอนใต้ของอิตาลี ซึ่งก่อนหน้านี้เพิ่งจัดโชว์คอลเล็กชั่นรีสอร์ตไป ณ เมืองเวนิส ดินแดนแห่งวัฒนธรรมทางตอนเหนือของประเทศ รากฐานดั้งเดิมของแบรนด์สัญชาติอิตาเลียน ผสมผสานกับรูปแบบวัฒนธรรม ศิลปะ และประวัติศาสตร์ท้องถิ่นจนถือกำเนิดเป็นคอลเล็กชั่นที่คลุกเคล้าเสน่ห์สไตล์อิตาเลียนเต็มรูปแบบ
จากเวเนเซียหรือเวนิสสู่นาโปลีหรือเนเปิลส์...ชื่อเมืองคุ้นหูทั้งในภาษาอิตาเลียน (ละติน) และภาษาอังกฤษบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ทางวัฒนธรรมที่ทำให้เมืองทั้ง 2 กลายเป็นศูนย์รวมแห่งวัฒนธรรมในภูมิภาคต่างๆ ของอิตาลี แรกเริ่มคอลเล็กชั่นรีสอร์ต 2025 หยิบยกเรื่องราวการเดินทางของ Marco Polo นักสำรวจสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์โลกชาวอิตาเลียนมาศึกษาและตีความออกมาเป็นผลผลิตทางศิลปะที่มีนัยสำคัญ และยังดึงเอามนต์เสน่ห์ความงดงามของบ้านเมืองมาเปรียบเปรยกับตัวตนของผู้หญิงที่สง่างามด้วยเช่นกัน
WATCH
เวนิสคือศูนย์รวมแห่งความหลากหลายผลงานด้านแฟชั่นในคอลเล็กชั่นดังกล่าวจึงเปี่ยมด้วยความน่าสนใจที่มีรากฐานแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เปรียบเปรยถึงประวัติศาสตร์การค้าขายที่เวนิสคือกุญแจสำคัญในการผสมผสานวัฒนธรรมจากหลากหลายท้องถิ่น เสื้อคลุมแบบโบราณแปรเปลี่ยนสู่เทรนช์โค้ต รายละเอียดต่างๆ ของเสื้อผ้าถูกปรับแต่งจนกลายเป็นชิ้นงานที่มีเอกลักษณ์ สายรัดแบบเชือก ปลายแขนเสื้อพับ รวมไปถึงซิลูเอตคือการสร้างสรรค์กลิ่นอายวัฒนธรรมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมสอดแทรกเรื่องความหลากหลายจากหลากหลายวัฒนธรรมผ่านอัตลักษณ์ของแม็กซ์ มาร่า
ก้าวมาถึงโชว์เมืองเนเปิลส์ที่กำลังจะเกิดขึ้นช่วงเดือนมิถุนายน 2025 แน่นอนว่ากลิ่นอายอิตาเลียนจะยังคงคละคลุ้งตามแบบฉบับของแบรนด์เช่นเดิม ทว่าเรื่องราวของเมืองเวนิสกับเมืองเนเปิลส์มีรายละเอียดความแตกต่างกันอย่างน่าสนใจ ด้วยรูปแบบวัฒนธรรม ภูมิประเทศ สภาพอากาศ และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายล้วนส่งผลถึงกรอบแนวคิดทางวัฒนธรรมอันนำมาสู่การสร้างสรรค์ผลผลิตเชิงศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับเมืองเนเปิลส์ ที่นี่เปรียบเหมือนเมืองยักษ์ใหญ่ในแดนใต้ เพราะฉะนั้นจุดเด่นและเอกลักษณ์ของที่นี่จึงมีความสำคัญอย่างมาก
จุดสำคัญที่สุดเมื่อพูดถึงความแตกต่างระหว่างภูมิภาคทางเหนือและทางใต้ของอิตาลีคืออากาศ สิ่งนี้ผูกโยงกับเรื่องแฟชั่นอย่างเต็มที่ เพราะหากพูดถึงอิตาลีทางตอนเหนือจะเห็นภาพของแฟชั่นรับลมหนาวและการสไตลิ่งที่มีความสลับซับซ้อน ทั้งยังสอดแทรกด้วยรายละเอียดที่ล้ำลึก ในขณะเดียวกันทางตอนใต้คือวิถีแห่งความสบายและลำลองมากกว่า รูปแบบแฟชั่นแม้แต่ของสุภาพบุรุษคลาสสิกยังถูกนำเสนอในสไตล์ ‘Soft Tailoring’ ที่ถูกออกแบบและใช้วัสดุผ้าสำหรับอากาศร้อน การสไตลิ่งด้วยสีสันสนุกสนาน แฟชั่นทางใต้ของอิตาลีจึงมีเอกลักษณ์สไตล์ขั้วตรงข้ามของตอนเหนืออย่างชัดเจน
เราจะได้เห็นอะไรจากคอลเล็กรีสอร์ต 2026 ของแบรนด์แม็กซ์ มาร่าจากเมืองเนเปิลส์ แน่นอนว่าสำหรับแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเนี้ยบประณีตอาจไม่ได้ฉีกกรอบนำเสนอเสื้อผ้าลำลองจนสุดลิ่มทิ่มประตู แต่อาจนำเสนอการผสมผสานระหว่างงานเทเลอริ่ง การสร้างซิลูเอต และแพตเทิร์น เสมือนกับวงการซาร์ทอเรียลที่ไม่ได้จัดจ้านหวือหวาหรือสดใสจนเกินงาม แต่เป็นจังหวะการสร้างสมดุลที่นำเสนองานฝีมืออันน่าสนใจเข้ากับความลำลองที่เปี่ยมสไตล์อย่างลงตัวที่สุด ถึงตรงนี้ก็เป็นเพียงการคาดเดาบรรยากาศและผลงานเชิงศิลป์ในอนาคต แม็กซ์ มาร่าจะนำเสนอมิติของเมืองสำคัญแดนใต้เมืองนี้ด้วยผลงานแบบไหน สาวกแฟชั่นต้องติดตาม
ภาพ: Courtesy of Max Mara
WATCH