FASHION

ทำความรู้จักรองเท้า ‘Tabi’ รองเท้าบู๊ตแยกนิ้วเท้าที่เรียกเสียงฮือฮาให้กับ Maison Margiela

รองเท้าบู๊ตจากแบรนด์ Maison Margiela กลายเป็นไอเท็มชิ้นไอคอนิกที่ใครเห็นก็นึกถึงแบรนด์อื่นไปไม่ได้จริงๆ

     ในช่วงหนึ่งรองเท้าบู๊ต Tabi ของแบรนด์ Maison Margiela เคยสร้างเสียงฮือฮาอย่างมากให้กับวงการแฟชั่น ด้วยการออกแบบที่แปลกตาซึ่งมีความแตกต่างจากรองเท้าบู๊ททั่วไป ผสมผสานกับกลิ่นอายความอวองการ์ดซึ่งถือเป็นตัวตนของแบรนด์ เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยอยากได้บู๊ทคู่นี้มาครอบครองอย่างแน่นอน แต่รู้หรือไม่ว่า รองเท้าทรงทาบินั้นไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากแบรนด์เมซง มาร์จีล่า แต่เกิดจากวัฒนธรรมการแต่งกายของชาวญี่ปุ่นต่างหาก....

รองเท้าบู๊ตทาบิ ที่ถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของแบรนด์ Maison Margiela / ภาพ: Miami Student

     ย้อนกลับไปช่วงศตวรรษที่ 15 ทาบิเป็นชื่อเรียกถุงเท้าแยกนิ้วเท้า หรือถุงเท้าแบบ Split-toe ที่แยกนิ้วเท้าออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่แยกนิ้วโป้งและส่วนที่แยกนิ้วเท้าที่เหลือ เป็นการนำผ้า 3 ชิ้นมาประกอบกัน โดยนำเอาผ้า 2 ชิ้นมาเย็บเป็นชิ้นส่วนด้านบน และอีกหนึ่งชิ้นสำหรับพื้นของถุงเท้า ทาบิถือเป็นสิ่งที่นิยมใส่คู่กับ Geta หรือรองเท้าแตะหูคีบที่ทำจากไม้สำหรับชาวญี่ปุ่นทั้งหญิงและชาย โดยในช่วงแรก ถุงเท้าทาบิมีไว้สำหรับชนชั้นสูงในญี่ปุ่นเท่านั้น เพราะในช่วงนั้นผ้าฝ้ายถือเป็นสิ่งที่หายากและเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด แต่ต่อมา ญี่ปุ่นเริ่มมีการค้าขายกับประเทศจีน ทำให้การสวมใส่ถุงเท้าทาบิในประเทศญี่ปุ่นกลายเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ถุงเท้าทาบิก็ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่มีไว้แบ่งสถานะทางสังคมของชาวญี่ปุ่นเช่นกัน ถุงเท้าทาบิสีขาวเป็นสีที่ค่อนข้างทางการ นิยมใส่ในช่วงโอกาสพิเศษต่างๆ กลุ่มชนชั้นสูงจะใส่ทาบิสีม่วงหรือสีทอง ส่วนสามัญชนจะใส่ได้แค่สีฟ้าเท่านั้น ว่ากันว่า คุณสมบัติของถุงเท้าทาบิเมื่อสวมใส่จะช่วยนวดกดจุดที่ฝ่าเท้าแบบองค์รวมได้ โดยจะช่วยในเรื่องของการสร้างความสมดุลในทรงตัว และทำให้จิตใจแจ่มใส สมองปลอดโปร่ง ซึ่งเป็นเหมือนความเชื่อของชาวญี่ปุ่น

Tabi sock ถุงเท้าแยกนิ้วของชาวญี่ปุ่น / ภาพ: Japan.Travel

     ต่อมาในช่วงปี 1921 ประเทศญี่ปุ่นเริ่มมีการพัฒนาและผลิตรองเท้าที่มีรูปทรงคล้ายถุงเท้าทาบิออกมา เรียกว่า “Jika-Tabi” ลักษณะคล้ายกันกับถุงเท้าทาบิแทบจะทั้งหมด แต่มีการเสริมพื้นยางเพื่อให้สามารถใส่ออกไปทำกิจกรรมข้างนอกได้ อีกทั้งยังถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นรองเท้าสำหรับใส่ทำงาน นิยมใส่กันในหมู่ผู้ใช้แรงงาน ชาวสวน หรือชาวนา เพื่อป้องกันเท้าจากอันตรายต่างๆ เรียกได้ว่ามันถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นรองเท้าที่เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานแบบจริงจัง



WATCH




Jika Tabi รองเท้าแยกนิ้วของชาวญี่ปุ่นที่พัฒนามาจากถุงเท้า Tabi / ภาพ: Wikiwand

     ทางฝั่งของวงการแฟชั่น รองเท้าบู๊ตทาบิของแบรนด์เมซง มาร์จีล่าในเวอร์ชั่นแรกเกิดขึ้นเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว โดยเกิดหลังจากการกลับมาจากทริปที่ประเทศญี่ปุ่นของ Martin Margiela ผู้ก่อตั้งและดีไซเนอร์ที่ฉีกทุกกฎของงานดีไซน์แบบเดิมๆ ของแบรนด์เมซง มาเจลล่าในขณะนั้น เขาดึงเอาดีไซน์และเทคนิกของรองเท้าทาบิมาเป็นแรงบันดาลใจหลักในการทำรองเท้า บวกกับความต้องการอยากสร้างรองเท้าที่ทำให้เกิดภาพลวงตา คล้ายกับการเดินเท้าเปล่าอยู่บนรองเท้าส้นสูง โดยนำทั้งหมดมาปรับใช้กับรูปทรงของรองเท้าบู๊ตที่สูงระดับข้อเท้าสำหรับสุภาพสตรี

คอลเล็กชั่นแรกของรองเท้าบู๊ท Tabi ในปี 1989 ที่นำเสนอโดยการทาสีแดงที่ใต้พื้นรองเท้าเพื่อให้ผู้ชมสังเกตเห็นรองเท้าคู่นี้ / ภาพ: AnOther

     ในปี 1988 รองเท้าบู๊ตทาบิของแบรนด์เมซง มาจีร์ล่า ก็ได้ถูกเปิดตัวครั้งแรกในโลกของลักชัวรีแฟชั่นผ่านคอลเล็กชั่นสำหรับสุภาพสตรี Spring/Summer 1989 ที่ Café de la Gare ในกรุงปารีส โดยมาแตงค์นำเสนอคอลเล็กชั่นแรกผ่านศิลปะการแสดงในรูปแบบของเขา และดึงดูดความสนใจจากผู้ชมด้วยการทาสีแดงที่ใต้พื้นรองเท้าบู๊ตทาบิ เพื่อเวลาที่นางแบบเดินบนพื้นรันเวย์ที่ถูกปูด้วยผ้าสีขาว จะได้เห็นรอยเท้าสีแดงติดเป็นตราประทับรอบพื้นรันเวย์นั้น และนั่นเองทำให้เหล่าผู้ชมจะต้องจับตามองไปที่รองเท้าบู๊ตทาบิเหล่านั้นอย่างแน่นอน “ฉันคิดว่าผู้ชมควรเห็นรองเท้าบู๊ตนี้ แล้วอะไรจะเป็นจุดสนใจได้มากกว่ารอยเท้าล่ะ” มาแตงค์ มาเจลล่ากล่าว หลังจากนั้น แบรนด์เมซง มาเจลล่า ก็นำรอยเท้านั้นมาเป็นแรงบันดาลใจในการทำเสื้อผ้าอีกครั้งในคอลเล็กชั่นที่จับมือร่วมกับ SSENSE เว็บไซต์ที่รวมสินค้าจากแบรนด์ลักชัวรีต่างๆ เป็นเสื้อยืดเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยเท้าจากรองเท้าทาบิในตำนาน

รองเท้าที่นำแรงบันดาลใจมาจากถุงเท้า Tabi ของแบรนด์ Maison Margiela ถูกนำมาพัฒนากับวัสดุและสีใหม่ๆ อยู่เสมอ / ภาพ: Lipstick Alley

     เรียกได้ว่า รองเท้าบู๊ตทาบิเปรียบเสมือนผลงานศิลปะที่เรียกเสียงฮือฮาอย่างมากให้กับวงการแฟชั่น ด้วยรูปทรงและการออกแบบรองเท้าบู๊ตทาบิที่ถือเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับโลกตะวันตกในขณะนั้น จนถึงปัจจุบัน แบรนด์เมซง มาร์จีล่า ภายใต้การควบคุมของ John Galliano ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ รองเท้าบู๊ตทาบิในตำนานก็ยังคงเป็นสินค้าที่ขายดีจนถึงทุกวันนี้ คล้ายกับว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของแบรนด์ก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม รองเท้าบู๊ตทาบิก็เป็นสินค้าถูกพัฒนาอยู่เสมอ ทั้งในเรื่องของรูปทรงของรองเท้าที่ไม่ได้มีแค่รองเท้าบู๊ตอีกต่อไป เช่น ทรงสนีกเกอร์ ทรงแมรี่เจน ทรงโลเฟอร์ หรือไม่ว่าจะเป็นการนำวัสดุใหม่ๆ มาใช้แทนหนัง รวมถึงการออกแบบรองเท้าบู๊ตทาบิสำหรับเหล่าสุภาพบุรุษ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมผลงานศิลปะชิ้นนี้ถึงเป็นหนึ่งในสินค้าที่ถูกคอแลบอเรชั่นกับแบรนด์ดังต่างๆ และเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับสายแฟชั่นมาอยู่เสมอ

 

ข้อมูล: Maison Margiela, Ssense, Hypebae

WATCH