FASHION

ลอนดอนกำลังจะล่ม! ผลสำรวจชี้ลอนดอนแฟชั่นวีกได้รับความสนใจในระดับที่น่าผิดหวัง

ลอนดอนแฟชั่นวีกกลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านแฟชั่นที่ได้รับความสนใจน้อยลงเรื่อยๆ ประกอบกับแบรนด์เมเจอร์ที่แทบไม่หลงเหลือในตารางแล้ว

หากจะพูดถึงกระแสความนิยมของโลกแฟชั่นยุคใหม่อาจเห็นการนำเสนอโชว์หรือแคมเปญต่างๆ อย่างหลากหลายจากทั้งแบรนด์ชั้นนำและแบรนด์ใหม่อันร้อนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้แบรนด์สามารถเติบโตได้อย่างเห็นได้ชัด ถึงเวลานี้แฟชั่นวีกจึงถูกตั้งคำถามมากว่ายังคงรักษาความสำคัญได้มากน้อยเพียงใด สำหรับหัวเมืองอย่างมิลานและปารีส นี่อาจไม่ใช่ข้อถกเถียงที่หนักแน่นมากนัก แต่สำหรับเมืองอย่างลอนดอนนี่อาจเป็นจุดหักเหครั้งสำคัญ เพราะช่วงเวลาร่วมสัปดาห์ ณ เมืองหลวงของเกาะอังกฤษ มูลค่าทางสื่อสะท้อนออกมาผ่านตัวเลขที่น่าเป็นห่วง

แน่นอนว่า Earned Media Value (EMV) กลายเป็นตัวชี้วัดของโลกแฟชั่นยุคใหม่โดยสมบูรณ์ การดึงตัวเหล่าเซเลบริตี้ไม่ว่าจากฝั่งตะวันตก เคป๊อป หรือแม้แต่ประเทศไทย สร้างมูลค่าทางสื่อได้อย่างมหาศาล จนแนวทางการนำเสนอหรือโปรโมตสิ่งต่างๆ ผูกติดกับมาตรวัดนี้ไปโดยปริยาย มูลค่าที่ตีออกมาเป็นจำนวนเงินเหรียญสหรัฐฯ นั้นค่อนข้างน่าตกใจ เพราะลอนดอนแฟชั่นวีกสร้างตัวเลขได้เพียง 20.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถ้าเทียบกับปารีสแฟชั่นวีกแล้วลอนดอนมีมูลค่าน้อยกว่าปารีสเกินกว่า 20 เท่า (ปารีสแฟชั่นวีกสร้างมูลค่าทางสื่อได้ (437 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) โดยข้อมูลอ้างอิงจาก Lefty ชี้ให้เห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ เพราะขนาดลอนดอนรวมกับนิวยอร์กยังไม่สามารถเทียบเท่าครึ่งหนึ่งของปารีสเลยด้วยซ้ำ
 

ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ลอนดอนซบเซาไปอย่างน่าใจหาย เดิมทีลอนดอนเป็นดั่งเมืองหลวงของแฟชั่นที่สำคัญ แนวทางความขบถและเอกลักษณ์​ด้านผลงานเชิงศิลป์มีคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจน รวมถึงมีดีไซเนอร์ฝีมือเก่งฉกาจจำนวนมากนำเสนอคอลเล็กชั่น ณ กรุงลอนดอนในช่วงเวลาสำคัญของแต่ละปี ทว่าเวลาล่วงเลยมาถึงปี 2025 เอกลักษณ์ของลอนดอนแฟชั่นวีกจืดจางลงไปอย่างเห็นได้ชัด แบรนด์ระดับเมเจอร์ที่ยังคงยึดตารางลอนดอนแฟชั่นวีกมีเพียง Burberry พร้อมด้วยแบรนด์คุ้นหู ตัวอย่างเช่น Simone Rocha และ Erdem เพียงเท่านั้น

อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่หลายคนอาจมองข้ามคือเรื่องสภาพอากาศ ลอนดอนไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่ขึ้นชื่อเรื่องสภาพอากาศอันงดงาม บางจังหวะเวลาอาจทำให้แฟชั่นวีกกลายเป็นนรกบนดินสำหรับทุกฝ่าย ตั้งแต่แบรนด์ ผู้จัดงาน นางแบบ ไปจนถึงสื่อและเซเลบริตี้ แม้จะเป็นเหตุผลที่ซ่อนอยู่อย่างลับๆ แต่ส่งผลบั่นทอนแฟชั่นวีกอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ยังมีเรื่องหลังบ้านอย่างสำนักงานใหญ่ กลุ่มผู้ซื้อ หรือแม้กระทั่งสื่อที่ถอนตัวจากลอนดอนกันไปสักระยะก่อนหน้านี้ นำมาสู่ตัวเลขตามมาตรวัดต่างๆ ที่น่ากังวล แต่ถ้าถามว่าเซอร์ไพรส์หรือ ผู้เขียนตอบได้ทันทีว่า “ไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย”

อีกหนึ่งเหตุผลหลักคือเมื่อแบรนด์แฟชั่นจากเกาะอังกฤษไม่แข็งแกร่ง แฟชั่นวีกก็ไม่แข็งแรง ความสนใจของผู้คนจำนวนมากไม่ว่าจะทางออฟไลน์หรือออนไลน์ไม่มีจุดโฟกัสกับลอนดอนแฟชั่นวีก นอกจากโชว์ไฮไลต์เพียงหยิบมือ ซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้ตอบโจทย์ความคาดหวัง Imran Ahmed ผู้ก่อตั้ง Business of Fashion ถึงขั้นระบุว่านิวยอร์กและลอนดอนควรปรับตารางเหลือเพียง 1 ครั้งต่อปีในช่วงเดือนกันยายนเท่านั้น ซึ่งอาจดึงดูดให้แบรนด์ต่างชาติมานำเสนอผลงานด้วยกรอบของต้นทุนที่ไม่หนักหนาจนเกินไป ซึ่งสิ่งนี้นำมาสู่เหตุผลหลักเรื่องการถดถอยของแฟชั่นวีกในภาพรวม

อย่างที่กล่าวไปว่าการสร้างสรรค์ผลงานเข้าระบบแฟชั่นวีกใช้ทรัพยากรมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเม็ดเงิน การจัดโชว์รันเวย์หรือแม้กระทั่งอีเวนต์นำเสนอใช้ทุนมหาศาล สวนทางกลับกระแสโลกยุคใหม่ที่หลายสิ่งอย่างถูกแปรสภาพเป็นผลงานศิลปะบนโลกออนไลน์ เสิร์ฟผู้คนได้กว้างขวางทั่วทุกมุมโลกและยังสร้างกระแสนิยมรูปแบบใหม่ๆ ผ่านความสร้างสรรค์โดยมีอุปสรรคด้านต้นทุนที่น้อยกว่า แบรนด์หน้าใหม่หันมาพึ่งโซเชียลมีเดียกันอย่างหนักหน่วง การคิดลงทุนเพื่อเข้าสู่แฟชั่นวีกอาจเป็นตัวเลือกในลำดับหลังๆ นั่นหมายความว่าแบรนด์แฟชั่นน้องใหม่ไฟแรงที่อาจดึงดูดผู้คนสู่แฟชั่นวีกจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแฟชั่นวีกอีกต่อไป เพราะโลกออนไลน์คือโลกของดีไซเนอร์ยุคใหม่แบบพวกเขาไปเรียบร้อยแล้ว

 

(สามารถอ่านเรื่อง 'ฟรีน-สโรชา' คนไทยเพียงหนึ่งเดียว ที่ติด 1 ใน 10 อินฟลูเอนเซอร์สายแฟชั่นสร้างค่า EMV สูงสุดปี 2024 เพิ่มเติมได้ที่นี่)

ภาพ : Courtesy of Simone Rocha / Erdem

WATCH