ทีมยิมนาสติกเยอรมันสร้างบรรทัดฐานชุดแข่งแบบใหม่ด้วยการสวมชุดแนบเนื้อคลุมถึงข้อเท้า

     หลังจากการแข่งขันยิมนาสติกในเวทีโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียวดำเนินไปอย่างเข้มข้น ผู้คนต่างโฟกัสถึงความเก่งกาจของนักกีฬาจาก ROC, ญี่ปุ่น, อิตาลี, สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ รวมถึงข่าวการถอนตัวเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพจิตของ Simon Biles ที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลก แต่มีการเปล่งเสียงของนักกีฬาอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้เราเก็บตกนำมาเล่าอีกครั้ง เพราะเรื่องนี้สำคัญต่อเรื่องสิทธิของนักกีฬา และเสียงที่พวกเธอส่งออกมาอาจยังไม่ดังไม่กว้างพอ เราจึงมาช่วยเพิ่มระดับเสียงให้ดังและกระจายในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

ความยาวของชุดยิมนาสติกที่คลุมถึงข้อเท้าของทีมชาติเยอรมัน / ภาพ: Deseret News

     แม้ทีมยิมนาสติกของประเทศเยอรมันจะไม่ใช่ตัวเต็งจ๋าในการคว้าเหรียญรางวัลในครั้งนี้เท่าไรนัก แต่ก็มีเรื่องให้พูดถึงและเป็นเรื่องที่ทุกคนควรหันมามอง โดยเหล่านักกีฬาจากทีมอินทรีเหล็กต้องการลดภาพความจำเรื่องเพศเกี่ยวกับยิมนาสติกที่หลายครั้งถูกใช้เป็นเครื่องมือในการนำเสนอและเสพความบันเทิงนอกเหนือการแข่งขันกีฬา เพราะชุดนักกีฬาหญิงที่มักเป็นชุดแนบเนื้อมีส่วนเว้าแนบเนื้อเผยเนื้อหนังช่วงล่างอย่างชัดเจน พวกเธอไม่ต้องการสวมใส่ชุดเหล่านั้น ทางสมาคมจึงตัดสินใจให้นักกีฬาเลือกใส่ชุดแนบเนื้อตามกฎแต่ปกคลุมทุกส่วนของร่างกายไปจนถึงข้อเท้าได้อย่างอิสระ

ชุดยิมนาสติกของนักกีฬาประเทศเยอรมันที่สวมในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2021 / ภาพ: Popsugar

     GGF หรือ German Gymnastics Federation ตัดสินใจให้นักกีฬาเลือกสวม “Unitard” หรือชุดแนบเนื้อชิ้นเดียวได้ในรูปแบบความยาวที่ต้องการ โดยทีมเยอรมันสวมชุดแบบนี้มาตั้งแต่การแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปเมื่อเดือนเมษายน 2021 ทางสมาคมกล่าวว่าการทำเช่นนี้คือการแสดงสัญลักษณ์ต่อต้าน “Sexualization” ผ่านเกมกีฬา และยังเปิดโอกาสให้นักกีฬาแสดงความสามารถโดยไม่รู้สึกอึดอัดใจ ซึ่งสมาคมกล่าวเสริมอีกว่าต้องการเป็นตัวอย่างให้ทุกคนเห็นว่าผู้หญิงหรือใครก็แล้วแต่มีสิทธิ์ที่จะสวมเสื้อผ้าอย่างไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนรู้สึกอย่างไรและอยากใส่เสื้อผ้าแบบไหนลงทำการแข่งขัน

การแสดงท่วงท่าผาดโผนในชุดยาวคลุมถึงข้อเท้าของนักยิมนาสติกทีมชาติเยอรมัน / ภาพ: Cultura Colectiva

     แท้จริงแล้วกีฬายิมนาสติกและกีฬาหลายประเภทที่มีนักกีฬาสวมสุดเผยเนื้อหนังส่วนเว้าส่วนโค้งต้องเผชิญกับการคุกคามทางเพศเสมอ ซึ่งเครื่องแบบนักกีฬาหลายประเภทก็บีบบังคับให้ผู้หญิงต้องสวมในสิ่งที่เธออาจไม่อยากสวม ในขณะที่ผู้ชายได้สวมเครื่องปกปิดร่างกายแบบสบายๆ สิ่งเหล่านี้แสดงถึงความไม่เป็นธรรมระหว่างเพศอย่างยิ่ง และถ้าใครเกิดอยากเปลี่ยนแปลงหรือตั้งคำถามก็จะถูกมองเป็นเอเลี่ยนของวงการเสมอมา วันนี้ไม่ใช่แค่นักกีฬาแต่สมาคมของประเทศยักษ์ใหญ่เดินหน้าต่อสู้กับประเด็นดังกล่าว ต่อไปเราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเรื่องชุดนักกีฬาที่เปิดกว้างมอบความเท่าเทียมและไม่บีบบังคับความรู้สึกของนักกีฬามากขึ้นในอนาคต

 

ข้อมูล:

cnn.com

thecut.com

thairath.co.th