FASHION

เผย 4 ไฮไลต์สำคัญจากโชว์กูตูร์ FENDI ครั้งแรกของ Kim Jones ที่คุณต้องตามกลับไปดูซ้ำ!

นับเป็นอีกหนึ่งคอลเล็กชั่นที่หลายคนจับตามอง และคาดหวังเป็นอย่างมาก...

     กลายเป็นอีกหนึ่งโชว์ที่ถูกจับตามองมาตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มสัปดาห์โอต กูตูร์ ฤดูกาลใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ปี 2021เสียอีก สำหรับแบรนด์ FENDI ที่ความพิเศษของโชว์โอต กูตูร์ในฤดูกาลนี้อยู่ที่การโดดมาร่วมงานเป็นครั้งแรกของดีไซเนอร์ชาวอังกฤษแห่งยุคอย่าง Kim Jones อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ชิมลางกับงายเสื้อผ้าชั้นสูงที่ไม่เคยทำมาก่อน และแน่นอนว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาก็คงจะเป็นคำเฉลยของทุกคำตอบที่สายแฟ(ชั่น)ต่างคาดหวังกันมาร่วมเดือน ที่แม้ว่านักวิจารณ์สายแฟชั่นส่วนใหญ่ รวมถึงผู้เขียนเองที่ออกจะ "ผิดหวัง" เล็กน้อย ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นการคาดหวังที่ตั้งไว้แต่ต้น กับผลงานที่ออกมามันออกจะดูเพลย์เซฟไปหน่อย สำหรับผู้ชายที่ชื่อ คิม โจนส์ กระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโชว์เสื้อผ้าชั้นสูงของแบรนด์เฟนดิในฤดูกาลนี้ยังมีไฮไลต์อีกหลายอย่างที่น่าสนใจ และโว้กประเทศไทยได้ถอดรหัสทั้งหมดมา 4 ข้อสำคัญมาให้ได้อ่านกันแล้วที่นี่ และคุณจะต้องกลับไปดูโชว์นี้ซ้ำอีกครั้งแน่นอน

 

นักเขียนสตรีนิยม และกลุ่ม "Bloomsbury" 

Vita Sackville-West นักเขียนหญิงในกลุ่ม "Bloomsburry" (ภาพกลาง)

 

     คิม โจนส์ ไม่ทิ้งรากเหง้าความเป็นผู้ดีอังกฤษ พาพวกเรากลับไปสำรวจชีวิตของ Virginia Woolf นักคิดนักเขียนแนวสตรีนิยมยุคแรกๆ ผู้จุดประกายแนวคิดข้ามเพศ ผ่านตัวละครในนวนิยาย Orlando และที่สำคัญเธอคือสมาชิกกลุ่มนักคิด "Bloomsbury" ที่เป็นการรวมตัวกันของเหล่านักคิดนักเขียนในชนบทอังกฤษที่แยกย้ายกันออกมาสร้างงานจนกลายเป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมย่อมๆ ในยุคหนึ่ง ไม่เพียงเท่านั้นเพราะเธอยังเป็น "หญิงรักหญิง" รุ่นแรกๆ ซึ่งพาร์ทเนอร์ของเธอก็คือ Vita Sackville-West นักเขียนหญิงในกลุ่ม Bloomsburry เช่นเดียวกันกับเธอ และวีต้ารายนี้เองที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจของหลายภาพทีเซอร์ในคอลเล็กชั่นครั้งนี้ ที่ถูกปล่อยออกมาก่อนที่จะมีโชว์เสียอีก หรือกระทั่งสังเกตได้ง่ายๆ จากลุคของเหล่านางแบบที่ถูกแต่งแต้มออกมาให้เหมือนวีต้า ผู้เป็นคู่รักของเวอร์จีเนียก็ไม่ปาน

 

เสื้อผ้าชั้นสูง และความลื่นไหลทางเพศ

     "From Bloomsbury to Borghese" คือชื่อคอนเซปต์สำคัญของคอลเล็กชั่นนี้ เล่าเรื่องการเดินทางจากกลุ่ม Bloomsbury แห่งอังกฤษ สู่ Borghese แห่งอิตาลี ที่สื่อถึงตัวตนของดีไซเนอร์เอง และยังยึดโยงอยู่กับความสัมพันธ์ของ เวอร์จีเนีย วูล์ฟ และวีต้า ที่นับเป็นคู่รักหญิงรักหญิงยุคแรกๆ ซึ่งสะท้อน "ความลื่นไหลทางเพศ" ออกมาผ่านเสื้อผ้าชั้นสูงของคอลเล็กชั่นนี้ ดังที่เราได้เห็นชุดกระโปรงตัดต่อกับเบลเซอร์ หรือแม้แต่การจับนายแบบผู้ชายมาใส่ชุดกระโปรงยาวสีเขียว ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากซลูเอตของโลกแฟชั่นในยุค 1920s เพื่อท้าทายต่องขนบความคิดของสังคมในประเด็นเรื่องเพศสภาพ และฉีกทำลายธรนมเนียมความคิดปิดกั้นพรมแดนระหว่างเพศให้ขาดแย่างวุ่นวิ่น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นงานถนัดของคิม โจนส์ นั่นจึงทำให้ทั้ง 19 ชุดที่ออกมานั้นไม่ได้ดูประดักประเดิดแต่อย่างใด ในทางกลับกันยังสร้างความกลมกลืนอย่างน่าสนใจให้คอลเล็กชั่นนี้ได้ไม่น้อย

 

เหล่านางแบบ และซูเปอร์โมเดลตัวท็อป



WATCH




     ไม่เพียงแค่เสื้อผ้าชั้นสูง และรายละเอียดการปักเย็บสุดประณีตที่น่าสนใจเท่านั้น หากอีกหนึ่งองค์ประกอบที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็เห็นจะเป็นการหวนคืนสู่รันเวย์เหล่านางแบบชื่อดัง, เซเลบริตี้ และซูเปอร์โมเดลในตำนานอีกครั้ง ไล่มาตั้งแต่ Naomi Campbell ที่ปรากฏตัวพร้อมกับลุคฟินาเล่เป็นครั้งแรกในรอบปี 2021, การร่วมงานกันบนรันเวย์ของ Kate Moss ซูเปอร์โมเดลในตำนาน และลูกสาวอย่าง Lila Moss ที่นักวิจารณ์ทุกคนต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า "เชื้อไม่ทิ้งแถว", การเดบิวต์บนรันเวย์จริงจังเป็นครั้งแรกของปีของ Demi Moore ที่ดูเหมือนว่าจะถูกจับจ้องที่รูปหน้าที่เปลี่ยนไป มากกว่าการนำเสนอเสื้อผ้าของเธอเสียอีก หรือกระทั่ง Bella Hadid และ Kristen Stewart เองที่ยังคงดึงดูดสายตาของผู้ชมได้เสมอ และเซอร์ไพรส์กับการหวนคืนสู่รันเวย์อีกครั้งในรอบ 20 ปีของ Christy Turlington Burns ซึ่งทั้งหมดนี้เองอาจเรียกได้ว่า "Friends of Kim Jones" ก็ว่าได้ จึงไม่แปลกใจที่พวกเธอจะได้เป็นส่วนหนึ่งในคอลเล็กชั่นโอต กูตูร์แรกของคิม โจนส์

 

ความคาดหวัง และความผิดหวัง(เล็กน้อย)

     อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า คอลเล็กชั่นนี้คือปฐมฤกษ์ในวงการแฟชั่นเสื้อผ้าชั้นสูงของดีไซเนอร์มือฉมังอย่าง Kim Jones ที่คนแฟชั่นต่างพากันจับตามอง ทว่าความเพลย์เซฟที่มสกเกินไผในการนำดสนอเสื้อผ้าชั้นสูงในคอลเล็กชั่นนี้ ก็ต่างทำให้นักวิจารณ์ต่างลงความเห็นว่า "สวยเฉยๆ" แต่ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ หรือแปลกตาให้น่าสนใจโดดออกมากระแทกสายตาเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่คงมาตรฐานความเป็นคิม โจนส์ ไว้ได้ และเคารพอัตลักษณ์ของแบรนด์เฟนดิไว้ได้เท่านั้น (ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม) กระทั้งที่หลายคนยังหันไปให้ความสำคัญ และตีความฉากห้องกระจกประดับต้นไม้ที่ถูกเนรมิตขึ้นมาบนรัยเวย์ในครั้งนี้มากกว่าเสียอีก กระนั้นนี่ก็เป็นแค่คอลเล็กชั่นเดบิวต์ในสายทางของเสื้อผ้าชั้นสูงเท่านั้น เพราะในอีกไม่กี่อึดใจเราก็คงจะได้เห็นความเดือดในคอลเล็กชั่น Ready-To-Wear อย่างแน่นอน ต้องรอติดตามกันต่อไป

WATCH