วิถีแห่งแฟชั่นสายคลาสสิกมักเต็มไปด้วยช่างฝีมือผู้เก่งกาจและสร้างความโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ได้อย่างชัดเจน ถนน Savile Row คือสถานที่เลื่องชื่ออันสะท้อนถึงวัฒนธรรมของสุภาพบุรุษแห่งเกาะอังกฤษ และกลายเป็นสถานที่ไอคอนิกระดับโลก ผลงานของช่างฝีมือระดับแนวหน้าต่างได้การยอมรับจากทั่วทุกมุมโลก ราคาสูทที่สนนราคาเกิน 200,000 บาทต่อตัวนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความพรีเมี่ยมมีระดับ ซึ่งสิ่งของราคาสูงลิ่วมิได้ถูกออกแบบด้วยการนำเสนอโลโก้หรือความหวือหวาเกินพอดี แต่เป็นค่างานเทเลอริ่งพร้อมเนื้อผ้าคุณภาพสูงสุด ห้องเสื้อแต่ละห้องเสื้อจึงหมั่นพัฒนาฝีมือ พร้อมสร้างเอกลักษณ์ที่ทุกคนจดจำได้ ทว่าสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้สนใจเรื่องซาร์ทอเรียลเป็นพิเศษ สูทชั้นยอดอาจมีหน้าตาคล้ายกัน ซึ่งมียอดฝีมือคนหนึ่งที่เขาเนรมิตโลกบนถนนเซวิลโรว์ให้สง่าและจัดจ้านในรูปแบบของตัวเอง เขาคือ Edward Sexton

ภาพของ Edward Sexton ณ สถานที่ทำงานที่ทางเพจทางการของแบรนด์โพสต์ไว้อาลัย / ภาพ: Edward Sexton

     ข่าวคราวการเสียชีวิตของเอ็ดเวิร์ดถูกรายงานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2023 ว่าช่างฝีมือคนนี้เสียชีวิตอย่างสงบด้วยวัย 80 ปี เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2023 โดยข่าวคราวดังกล่าวสร้างความเศร้าโศกเสียใจอย่างมากให้กับเหล่าผู้หลงใหลในแฟชั่นสุภาพบุรุษสไตล์คลาสสิก ซึ่งทุกคนนับถือเอ็ดเวิร์ดในฐานะช่างฝีมือระดับตำนาน เขาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับโลกแห่งสูทมาอย่างยาวนาน ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษสุภาพบุรุษผู้นี้นำเสนอแนวทางการทำงานเทเลอริ่งที่ทั้งจัดจ้านและเนี้ยบประณีตสมฐานะสุภาพบุรุษแห่งเซวิลโรว์เสมอมา

Tommy Nutter บุรุษผู้โจษจันด้านความจัดจ้านบนถนนเซวิลโรว์ ซึ่งกลายเป็นคู่หูทางธุรกิจที่ทำให้ Edward Sexton เติบโตไปพร้อมกับห้องเสื้อของเขาครั้งแรก / ภาพ: Chittleborough & Morgan

     หากจะเริ่มเล่าเรื่องของเอ็ดเวิร์ดคงต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก เขาคลุกคลีกับการทำงานด้านนี้มาตั้งแต่อายุ 12 ปี เขาเรียนรู้การทำงานทั้งเชิงเทคนิคซับซ้อนและแนวทางการธุรกิจประเภทนี้อย่างต่อเนื่อง เด็กหนุ่มจากย่านอีสต์ลอนดอนคนนี้ช่างเปี่ยมไปด้วยแพสชั่นในงานเทเลอริ่งโดยแท้ ก่อนที่ในปี 1966 จะได้ตำแหน่งจริงจังครั้งแรกกับช่างตัดเย็บ ณ ห้องเสื้อ Welsh and Jefferies จนกระทั่งเดินทางสู่จุดเปลี่ยนของชีวิตเมื่อพบกับ Tommy Nutter โคตรขบถแห่งวงการเทเลอริ่งที่ถูกจารึกว่าเป็นตำนานเช่นกัน

Edward Sexton กับสูทแพตเทิร์นจัดจ้านที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผลงานฉีกกรอบธรรมเนียมดั้งเดิมบนถนนเซวิลโรว์ / ภาพ: Luxury London

     จุดเริ่มต้นของ House of Nutter มาจากเสน่ห์ของทอมมี่และความสามารถที่ฝึกปรือด้วยแพสชั่นความหลงใหลมาอย่างช่ำชอง ปี 1967 พวกเขาจับมือกันและรับลูกค้าแบบส่วนตัวเท่านั้น และทั้งคู่ก็เริ่มพัฒนาสไตล์อันเด่นชัด ทั้งซิลูเอตแบบเข้าเอว ปกบานกว้างพิเศษ และกางเกงทรงขาบานใหญ่ รูปแบบแฟชั่นดังกล่าวถูกนำเสนอผ่านตัวตนของทอมมี่จนสามารถดึงดูดลูกค้าได้มหาศาล เบื้องหลังของความสำเร็จตรงนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเอ็ดเวิร์ด ต่อมาทั้งคู่ก็เปิดห้องเสื้อร่วมกันภายใต้ชื่อ “Nutters of Savile Row” ณ อาคารหมายเลข 35a ถนนเซวิลโรว์ เมื่อวันวาเลนไทน์ปี 1969

สไตล์สูทอันจัดจ้านอันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับการขนานนามว่า Sexton Look / ภาพ: Edward Sexton

     ความขบถของห้องเสื้อแห่งนี้เป็นที่โจษจันอย่างมาก เพราะแฟชั่นคลาสสิกของพวกเขาถูกตีความใหม่ทั้งหมดและสรรสร้างกลิ่นอายความสดใหม่คละคลุ้งไปทั่ว แม้แต่หน้าห้องเสื้อพวกเขาก็เป็นคนริเริ่มให้จัดแสดงงานผ่านกระจกหน้าร้าน นำเสนอสูทแบบไม่ต้องเนี้ยบกริบ มีความสร้างสรรค์เพิ่มเติมจนทำให้หน้าร้านของห้องเสื้อแห่งนี้แตกต่างไม่เหมือนใครเลยบนถนนเส้นนี้ นอกจากนี้สไตล์สูทของพวกเขายังมีเอกลักษณ์จนสร้างชื่ออย่างรวดเร็ว สไตล์จากฮอลลีวู้ดยุค ’30s – ‘40s ถูกนำมาปัดฝุ่นและนำเสนอใหม่ภายใต้ความเนี้ยบประณีตที่ถูกคิดค้นขึ้นเองตามนิยามของทอมมี่และเอ็ดเวิร์ด

ปกอัลบั้ม Abbey Road ของวง The Beatles กับภาพข้ามถนนอันคุ้นตา ซึ่งสมาชิก 3 จาก 4 คนสวมชุดสูทฝีมือการตัดเย็บของ Edward Sexton ภายใต้ชื่อห้องเสื้อ Nutters of Savile Row เมื่อปี 1969 / ภาพ: The Beatles - Amazon

     ต้องบอกว่ายุค ‘60s – ‘70s คือยุคทองของเอ็ดเวิร์โดยแท้ แม้หลายคนจะจดจำชื่อทอมมี่ได้มากกว่าเนื่องจากชื่อห้องเสื้อและการเป็นตัวละครออกหน้า ทว่าแท้จริงแล้วคนเบื้องหลังอย่างเอ็ดเวิร์ดนี้เองที่สรรสร้างผลงานร่วมกับทอมมี่จนก้าวกระโดดมาถึงจุดยอดพีระมิด ช่วงทศวรรษนั้นห้องเสื้อของพวกเขาโด่งดังและเป็นที่สนใจของคนดังจำนวนมาก หากจะพูดถึงผลงานชิ้นโด่งดังที่สุดคงต้องเป็นชุดของวง The Beatles บนหน้าปก Abbey Road ที่ทุกคนคุ้นเคยกับภาพข้ามถนนอันลือลั่น โดยสมาชิก 3 จาก 4 คนสวมชุดฝีมือการตัดเย็บของเอ็ดเวิร์ด โดยมี George Harrison เพียงผู้เดียวที่เลือกสวมชุดเดนิม

ชุดแต่งงานของคู่รัก Bianca และ Mick Jagger ผลงานของ Edward Sexton / ภาพ: British Vogue

     ศิลปินและคนดังจำนวนมากต่างชื่นชอบและเป็นลูกค้าคนสำคัญของห้องเสื้อสุดขบถบนถนนเส้นนี้ทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น Bianca และ Mick Jagger, Andy Warhol, David Bowie, Elton John และอีกหลายต่อหลายคนล้วนเป็นแฟชั่นไอคอนที่สนใจผลงานของเขาทั้งสิ้น แม้ทอมมี่จะออกจากแบรนด์ไปเมื่อปี 1976 แต่เอ็ดเวิร์ดยังคงพัฒนาแฟชั่นและรักษามาตรฐานไว้เสมอ จนกระทั่งเขาตัดสินใจเดินบนเส้นทางของตัวเองกับการเปิดห้องเสื้อภายใต้ชื่อตัวเองในปี 1982 หลังจากนั้นชื่อเอ็ดเวิร์ดก็โด่งดังขึ้นมาอีกครั้ง โดยครั้งนี้ไม่ได้รับบทเป็นบุคคลเบื้องหลังอีกแล้ว

สไตล์สูทที่จัดจ้านมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Edward Sexton ที่ยังคงถูกสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน / ภาพ: Edward Sexton

     โดยปกติเมื่อพูดถึงเซวิลโรว์ผู้คนทั่วไปจะนึกถึงความเนี้ยบกริบของสูทอันเป็นสัญลักษณ์ของสุภาพบุรุษสุดคลาสสิกขนานแท้ ทว่าสำหรับเอ็ดเวิร์ดเขาสร้างนิยามที่แตกต่าง ยุคสมัยอันเรืองรองของห้องเสื้อเอ็ดเวิร์ด เซ็กซ์ตันเปลี่ยนโฉมให้งานเทเลอริ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสร้างสรรค์และน่าดึงดูดทางเพศ สไตล์การแต่งตัวที่เขาตั้งใจสรรสร้างขึ้นและถูกตราหน้าว่าเป็นคนขบถแห่งเซวิลโรว์กำลังเฟื่องฟู อีกทั้งยังสามารถอนุมานได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในตำนานช่างฝีมือที่ดึงความสนใจจากโลกแฟชั่นเมนสตรีมเข้าสู่โลกแห่งงานเทเลอริ่งชั้นสูงได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ห้องเสื้อ Edward Sexton กลับมาสู่ถนนเซวิลโรว์อีกครั้งในยุค 2020s / ภาพ: Savile Row Style Magazine

     เอ็ดเวิร์ดไม่ใช่ไอคอนแห่งวงการแฟชั่นเกาะอังกฤษเท่านั้น เพราะเขาเดินทางเพื่อถ่ายทอดแฟชั่นของเขาไปหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่ครั้งหนึ่งเขาเคยได้รับเชิญจากประธานาธิบดี Ronald Reagan ให้นั่งเฮลิคอปเตอร์ไปทำเนียบขาวเพื่อแต่งกายให้กับลูกสาวเมื่อปี 1987 นับเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ประวัติศาสตร์ที่แนวทางอันชัดเจนของเขาดึงดูดความสนใจจากคนระดับสูง ไม่เพียงเท่านั้นชื่อของเขายังคงถูกพูดถึงหากใครต้องการนำเสนอตัวตนความจัดจ้านอันผสมผสานกับแนวทางความคลาสสิกเหนือระดับอยู่เสมอ

Harry Styles สวมลุคชุดสูทปกแหลมสีชมพูสดจาก Edward Sexton ขึ้นแสดงในรายการ Today Show / ภาพ: Fashionista

     การย้ายถิ่นฐานจากเซวิลโรว์ไม่ได้ทำให้ความนิยมของเอ็ดเวิร์ดเสื่อมคลาย เขาย้ายสถานที่ตั้งร้านจากถนนเซวิลโรว์สู่ย่านไนต์สบริดจ์ ต้อนรับการตัดเสื้อผ้าและแอ็กเซสเซอรี่แบบ Bespoke เท่านั้น ซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่บนรากฐานแนวทางสไตล์ “Sexton Look” มาโดยตลอด ภายหลังมีการเปิดไลน์เรดี้ทูแวร์เพิ่มขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และย้ายกลับสู่รากฐานบนถนนเซวิลโรว์อีกครั้ง ความแข็งแกร่งของชื่อเอ็ดเวิร์ดยังคงหนักแน่นเสมอ แม้จะไม่ได้รับการพูดถึงโด่งดังชนิดพลุแตกแบบยุคหลายทศวรรษก่อน แต่ศิลปิน นักแสดง และเซเลบริตี้จำนวนมากยังคงไว้ใจห้องเสื้อของเขาเสมอ Harry Styles, Andrew Garfield Benedict Cumberbatch และอีกหลายต่อหลายคนยังคงตัดสูทของเอ็ดเวิร์ดเพื่อสวมใส่ในโอกาสสำคัญเสมอ สะท้อนภาพให้เห็นว่าอิทธิพลตั้งแต่เอ็ดเวิร์ดเริ่มสรรสร้างความสดใหม่บนถนนแห่งตำนานยังคงส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น ดำรงความอมตะเหนือกาลเวลาอยู่เช่นเดิม วันนี้เขาจากโลกนี้ไปแล้วด้วยวัย 80 ปี แต่เชื่อว่าแฟชั่นแบบ “Sexton Look” จะอยู่เป็นนิรันดร์สืบไป โว้กขอร่วมอาลัยแด่การจากไปและระลึกถึงตำนานช่างฝีมือที่เปลี่ยนโลกเทเลอริ่งไปตลอดกาล “เอ็ดเวิร์ด เซ็กซ์ตัน”