FASHION
เจาะลึกการนำเสนอแฟชั่นโดยให้ความสำคัญกับผู้พิการ สิ่งนี้ทำได้โดยไม่ต้องใช้วิธีล้อเลียนแบรนด์ระดับโลกต่างกำลังพูดถึงประเด็นความหลากหลายด้านนี้ แต่ทำไมการผลักดันจึงใสสะอาดและไม่มายึดติดกับความงี่เง่าในการล้อเลียนผู้อื่น |
ในปัจจุบันโลกเปิดกว้างเรื่องความหลากหลายทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ ชาติพันธุ์ หรือแม้แต่ความแตกต่างของมนุษย์ทุกรูปแบบ ดังนั้นแคมเปญของแบรนด์ดังจำนวนมากจึงมุ่งเน้นในการผลักดันความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นรอบด้าน ทว่าหลายครั้งที่แพตเทิร์นดั้งเดิมที่หลงเหลือจากโลกยุคเก่ายังคงมีอิทธิพลและมีพื้นที่ขึ้นมาในสังคมเสมอ ผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบ เพราะพวกเขาได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม มิหนำซ้ำยังไม่ได้รับการให้เกียรติหลายแง่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการล้อเลียนเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง ทั้งเพื่อโปรโมตสินค้า หรือเพื่อความบันเทิง เนื่องด้วยสังคมยุคใหม่ไม่ได้เปิดรับและมองเป็นเรื่องปกติ พร้อมทั้งเมินเฉยอีกต่อไป
แคมเปญแฟชั่นสำหรับผู้บกพร่องทางร่างกายแรกของ Tommy Hilfiger / ภาพ: Fashionista
ช่วงวันที่ 5 และ 6 พฤษภาคม 2022 มีแฮชแท็กแบนองค์กรอี-คอมเมิร์ซรายหนึ่ง เพราะปล่อยแคมเปญที่ออกมาทำให้ผู้คนทั่วไปรู้สึกเหมือนการล้อเลียนหรือหาประโยชน์โดยไม่สนใจความรู้สึกของผู้บกพร่องด้านร่างกาย งานนี้เป็นประเด็นใหญ่โตที่ได้รับการถกเถียงในวงกว้าง และคนส่วนใหญ่ต้องการคนรับผิดชอบกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทว่าแคมเปญที่มีตัวแสดงเป็นผู้บกพร่องด้านร่างกายรูปแบบต่างๆ ไม่จำเป็นต้องออกมาในเชิงล้อเลียนเสมอไป เพราะในโลกแฟชั่นและโลกบันเทิงระดับโลกยุคใหม่ ล้วนเกิดแคมเปญที่ผลักดันความหลากหลายอย่างจริงใจและให้เกียรติ
Tommy Adaptive ไลน์เสื้อผ้าที่ใส่ใจความละเอียดในการใช้งานของผู้บกพร่องทางร่างกายโดยเฉพาะ / ภาพ: Vogue Business
แบรนด์อย่าง Tommy Hillfiger จับมือกับ “Runway of Dreams” องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ผลักดันเรื่องเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ รังสรรค์โปรเจกต์พิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้อย่างจริงจังในปี 2016 ก่อนจะขยายไลน์สำหรับเพิ่มเติมในปีต่อมา และในปี 2018 พวกเขาก็เผยโฉมไลน์ “Tommy Adaptive” ไลน์เสื้อผ้าใหม่ที่มุ่งเน้นการออกแบบเพื่อผู้บกพร่องด้านร่างกาย ไม่เพียงแต่เน้นฟังก์ชั่นการใช้งาน แต่ยังเป็นทางเลือกให้ทุกคนได้สวมเสื้อผ้าเก๋ๆ ได้อย่างอิสระ จะเห็นว่าทอมมี ฮิลล์ฟิเกอร์นำเสนอแคมเปญของไลน์การผลิตเหล่านี้ด้วยความจริงจัง และเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้ได้นำเสนอตัวตนความยอดเยี่ยมผ่านเสื้อผ้าของแบรนด์ ไม่มีความจำเป็นใดเลยที่ต้องพาพวกเขามาเพื่อเป็นเพียงตัวประกอบหรือตัวตลก เพราะพวกเขาก็เป็นมนุษย์ที่ควรได้รับการให้เกียรติเฉกเช่นทุกคน
WATCH
Jillian Mercado ในแคมเปญของแบรนด์ Diesel เมื่อปี 2014 / ภาพ: Chicago Tribune
ย้อนกลับไปช่วงปี 2014 Diesel แบรนด์ดังจากอิตาลีก็เผยโฉมแคมเปญโดยมี Jillian Mercado นำเสนอแฟชั่นเซ็ตที่น่าสนใจ เธอมีความปกติเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่ใช่นางแบบพิมพ์นิยมที่เราเห็นกันตามแคมเปญทั่วไป แต่เธอก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง จิลเลียนนำเสนอเสื้อผ้าของดีเซลออกมาได้อย่างงดงาม และแบรนด์เองก็เปิดโอกาสให้เธอใช้ตรงนี้เป็นจุดยืนเพื่อแสดงพลังพูดถึงความเป็นธรรมในสังคม เธอเองก็ดีใจมากที่ดีเซลพยายามส่งเสริมความหลากหลาย ไม่เพียงตั้งมาตรฐานความงามว่าใครควรจะมาสวมเสื้อผ้าของแบรนด์ แต่กำลังมองหาความหลากหลายเพื่อแสดงให้เห็นว่ามันเหมาะสำหรับทุกคนจริงๆ นับเป็นวิธีการทำการตลาดที่ชาญฉลาด แต่ในขณะเดียวกันแคมเปญดังกล่าวก็สร้างมิติแห่งความเท่าเทียมได้อย่างดี ไม่มีใครต้องรับบทรองหรือถูกกระทำเพียงเพื่อสร้างคอนเทนต์ ทุกคนสามารถยืนหยัดเป็นตัวของตัวเองได้อย่างภาคภูมิใจ เรื่องนี้ไม่ได้สร้างเพียงข้ามคืนหรือหลังการถ่ายภาพ แต่มันต้องสร้างตั้งแต่กระบวนการคิดขณะอยู่ ณ จุดเริ่มต้น
ลุคบุ๊กคอลเล็กชั่นฤดูใบร่วง/ฤดูหนาว 2019 จากแบรนด์ Collina Strada ที่ใส่ใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง / ภาพ: Collina Strada
ความยอดเยี่ยมของแฟชั่นคือความไร้ขีดจำกัด Collina Strada แบรนด์ที่สร้างสรรค์แฟชั่นสุดสนุกสนานก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ใส่ใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทีมสร้างสรรค์ของแบรนด์ผุดแคมเปญและโปรเจกต์ลุคบุ๊กที่ให้ผู้มีความบกพร่องทางร่างกายได้เฉิดฉายในฐานะตัวละครเอก แน่นอนล่ะธุรกิจต้องเน้นการขายของและทำให้เกิดกำไร แต่สุดท้ายเราก็ยังต้องมองเห็นความเป็นมนุษย์ด้วยกัน แคมเปญตลอดหลายซีซั่นของแบรนด์มีการสนับสนุนเรื่องนี้อย่างจริงจัง พวกเขากำลังสนับสนุนความหลากหลายทุกรูปแบบ เพศเหรอ ใช่! สีผิวเหรอ ใช่! แล้วอื่นๆ ล่ะ คำตอบก็คงเป็นใช่ทั้งหมด นี่คือสิ่งที่ความเท่าเทียมในอุดมคติควรจะเป็น
แฟชั่นเซ็ตของ Teen Vogue ที่ผลักดันความเท่าเทียมเรื่องสภาพร่างกายอย่างเข้มแข็ง / ภาพ: Camilla Falquez - Teen Vogue
Teen Vogue เองก็เคยผุดแฟชั่นเซ็ตที่น่าสนใจ พวกเขากำลังพูดถึงเรื่องความหลากหลาย และความไม่ปกติด้านร่างกายบางอย่างก็ทำให้หลายคนไม่เหมือนใครเช่นกัน ทว่าบางครั้งพวกเขาถูกมองข้ามหรือถึงขั้นถูกทำให้เป็นผู้ด้อยกว่าทางสังคมไปอย่างโหดร้าย การยกย่องพวกเขาด้วยการหาความลงตัวระหว่างแฟชั่นกับตัวตนของพวกเขาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างมาก จะทำอย่างไรให้ไม่รู้สึกว่าพาพวกเขามาเป็นแค่นายแบบเรียกร้องความสนใจ สิ่งสำคัญคือแนวคิดเบื้องหลัง ผู้รังสรรค์โปรเจกต์ต้องเชื่อก่อนว่าจะสนับสนุนและเคารพตัวตนที่พวกเขาเป็น ไม่พยายามดัดแปลง จัดแต่งจนเกินความพอดี สิ่งที่โลกยุคใหม่ควรจะเป็นคือการเปิดกว้าง พร้อมสร้างโอกาสโดยไม่มองพวกเขาต่ำกว่าตั้งแต่แรก ผู้เขียนเน้นย้ำเสมอว่าเราไม่ควรใช้คำว่า “ยอมรับ” เพราะแค่คิดว่าจะยอมรับใครสักคนนั่นหมายถึงการมองคนเหล่านั้นต่ำกว่าหรืออยู่ในพื้นที่นอกสังคมของตัวเองมาตั้งแต่แรก แล้วค่อยมาเปิดประตูรับเข้ามาภายหลัง ไม่ต้องขวนขวายให้ยากว่าต้องทำอย่างไร เพียงแค่ตั้งต้นด้วยแนวคิดการเคารพมนุษย์ด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องเปิดโอกาสให้ใครหรือแสวงหาช่องทางพิเศษเพียงเพราะรู้สึกเป็นคนดี จงเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่มองเห็นผู้อื่นเป็นมนุษย์เฉกเช่นเดียวกับเราก็เพียงพอแล้วจริงๆ
WATCH