เรื่องราวการเดินทางในโลกแฟชั่นมักถูกเล่าขานออกมาเป็นผลงานแฟชั่นที่เชื่อมโยงถึงสถานที่สำคัญหรือหมุดบันทึกการเดินทาง ซึ่งสิ่งเหล่านี้แบรนด์ยักษ์ใหญ่จำนวนมักหยิบยกมาเป็นแรงบันดาลใจเพื่อสร้างความสดใหม่และเข้าถึงห้วงอารมณ์ความรู้สึกเกี่ยวกับประสบการณ์ที่อาจผูกโยงคนหลายพื้นที่เข้าด้วยกัน สำหรับ Dior เองก็ใช้คอนเซปต์ไอดียนี้มาเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างสรรค์เสื้อผ้าและแอ็กเซสเซอรี่เช่นเดียวกัน โดยแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเน้นเชื่อมเรื่องราวด้านศิลปะเข้ากับจังหวะเวลาและสถานที่ นำเสนอผ่านสัญญะด้านสถานที่และบรรยากาศจนสามารถถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของสถานที่นั้นผ่านรูปแบบแฟชั่นตามอัตลักษณ์เฉพาะตัว

เสื้อโค้ตและกระเป๋า Book Tote ในลวดลายของมหานครนิวยอร์กจากคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง 2024

     ซึ่งโชว์คอลเล็กชั่นก่อนฤดูใบไม้ร่วง 2024 ดิออร์ข้ามน้ำข้ามทะเลสู่มหานครนิวยอร์กเพื่อนำเสนอแฟชั่นผ่านมุมมองของ Maria Grazia Chiuri พร้อมหยิบยกเอาความงดงามของมหานครแห่งความฝันนี้มาเป็นลวดลายสำคัญในการนำเสนอคอลเล็กชั่นนี้ ซึ่งมันถูกตีความและสร้างสรรค์ออกมาเป็นลักษณะของสถานที่สำคัญและพื้นที่อันคุ้นตาของนิวยอร์ก จุดเด่นสำคัญคือลวดลายของเทพีเสรีภาพและเหล่าตึกระฟ้าจำนวนมากที่บ่งบอกถึงเมืองใหญ่แห่งนี้อย่างชัดเจน โดยลวดลายนี้ถูกใช้บนกระเป๋า ‘Dior Book Tote’ สุดไอคอนิก แมตช์เข้ากับเสื้อโค้ตที่ใช้ลวดลายนี้เช่นเดียวกัน

กระเป๋า Book Tote สีขาวสลับดำกับลวดลายหอไอเฟลสะท้อนภาพกรุงปารีส

     การเดินทางของดิออร์นั้นถูกนำเสนอผ่านลวดลายแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง โดยปกติกระเป๋าโท้ตใบเด่นจะถูกนำมาผสมผสานกับความสร้างสรรค์ผ่านลวดลายรูปแบบต่างๆ แต่ครั้งที่เชื่อมโยงกับลวดลายของมหานครนิวยอร์กคือลวดลายของกรุงปารีสที่เพิ่งถูกรังสรรค์ขึ้นในคอลเล็กชั่นก่อนหน้า มาพร้อมโทนสีขาวสลับดำ ต่างจากนิวยอร์กที่มาแพตเทิร์นดำสลับขาว แต่ทั้ง 2 ใบมีความเชื่อมโยงถึงลักษณะเด่นประจำเมือง (กรุงปารีสใช้สัญลักษณ์หอไอเฟล) แม้มันอาจเป็นลวดลายที่ดูเรียบง่าย สามารถเข้าถึงคนทั่วไปได้อย่างรวดเร็ว ทว่าเบื้องหลังของกระเป๋าโท้ตใบนี้เต็มไปด้วยรายละเอียดการเย็บสุดประณีตที่บ่งบอกคุณภาพของเมซงเป็นอย่างดี

กระเป๋า Book Tote จากคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วงที่อัดแน่นด้วยลวดลายของมหานครนิวยอร์ก

     กระเป๋าโท้ตใบไอคอนิกจากดิออร์คือผลงานชั้นยอดที่สร้างความประทับใจให้กับสาวกแฟชั่นมานานหลายปี โดยตั้งแต่กระเป๋าใบนี้ปรากฏโฉมบนรันเวย์คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2018 ทุกคนก็ให้ความสนใจและได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘It Bag’ อีกใบโลกแฟชั่น ต้องบอกว่านี่คือสุดยอดแห่งงานฝีมือที่เต็มไปด้วยรายละเอียดสำคัญ เช่นเดียวกับลวดลายนิวยอร์กและปารีสที่ถูกทุกฝีเข็มบรรจงปักลงไปอย่างละเอียดเพื่อสร้างลวดลาย แม้จะไม่มีข้อมูลออกมาว่ากระเป๋าโท้ตลวดลายเมืองหลวงด้านแฟชั่นของ 2 ทวีปมีการลงจำนวนฝีเข็มจำนวนมากและใช้เวลาผลิตนานเพียงใด แต่จากมาตรฐานการรังสรรค์กระเป๋าใบนี้กับลวดลายแสนละเอียดในช่วงแรกของการเปิดตัวที่จำนวนตัวเลขฝีเข็มกว่า 1,200,000 ฝีเข็ม และใช้เวลาผลิตนานกว่า 32 ชั่วโมงก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่านี่คือกระเป๋าใบเด่นที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางที่เหมาะสำหรับการใช้เดินทางอันเปี่ยมด้วยความประณีตสะท้อนอัตลักษณ์ของเมซงอย่างสมบูรณ์แบบ (อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับเบื้องหลังการผลิตกระเป๋าใบนี้ได้ ที่นี่)

 

ภาพ: Courtesy of DIOR