Vogue Thailand

FASHION

กฎการแต่งกายบนพรมแดงคานส์...กฎอันศักสิทธิ์หรือแค่ระเบียบจุกจิกที่ล้าสมัย!

จากกฎระเบียบใหม่ที่แบนชุดโป๊เปลือยและชุดกรุยกราย พาเราย้อนถึงกฎระเบียบที่ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และเป็นประเด็นสังคมระดับโลกที่เกี่ยวพันกับการพัฒนาสังคมตามยุคสมัย

โดย Nattanam Waiyahong
16 พฤษภาคม 2568

     “สุดยอดพรมแดงระดับโลก” หากกล่าวถึงคำนี้เชื่อว่าคนทั้งโลกจะต้องนึกถึงเทศกาลหนังเมืองคานส์เป็นลำดับต้นๆ อย่างแน่นอน คานส์อาจไม่ใช่เวทีแห่งความเสรีที่เปิดโอกาสให้เผยโฉมลุคได้อย่างอิสระแบบครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะมีกฎระเบียบ ข้อจำกัด และบทบังคับเกี่ยวกับการแต่งกายอยู่ไม่น้อย เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นถกเถียงใหญ่โตเมื่อโลกก้าวสู่ยุคใหม่ ยุคแห่งความเท่าเทียมและการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพอันพึงประสงค์ แม้ในหน้าประวัติศาสตร์เทศกาลหนังเมืองคานส์จะมีลุคแฟชั่นไอคอนิกมากมาย ทว่าข้อบังคบที่มีก็อาจไม่ได้ตอบโจทย์สอดคล้องกับยุคสมัยอีกต่อไป

     ความน่าสนใจในประเด็นนี้สืบเนื่องมาจากข่าวการประกาศแบนชุดโป๊เปลือยและชุดที่นิยามว่า ‘Voluminous’ หรือชุดที่มีความกรุยกราย สิ่งเหล่านี้เปรียบเหมือนองค์ประกอบสำคัญของชุดพรมแดงของแขกคนสำคัญฝ่ายหญิงเป็นอย่างมาก เพราะด้วยรูปแบบชุดเดรสหรือชุดสำหรับงานกลางคืนที่หรูหรา ผสมผสานกับความอลังการที่ผ่านเทคนิคการตัดเย็บหลากหลายรูปแบบ สอดผสานเข้ากับจิวเวลรีและแอ็กเซสเซอรี่ชิ้นต่างๆ ล้วนทำให้ลุคต่างๆ มีความโดดเด่นและกลายเป็นที่จดจำ แน่นอนว่า ‘ชุดใหญ่’ อาจไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่ง ทว่าความตระการตาบนพรมแดงก็เป็นเสน่ห์ที่สาวกแฟชั่นทั่วโลกต่างรอคอยเช่นกัน (อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกาศแบน ที่นี่)

     เหตุผลหลักๆ ของการแบนชุดที่มีความกรุยกรายทางฝ่ายเทศกาลหนังเมืองคานส์ระบุอย่างชัดเจนว่าต้องการลดความยุ่งเหยิงบริเวณพรมแดง รวมถึงความติดขัดบริเวณพรมแดง ซึ่งมีแขกจำนวนมากต้องเดินขึ้นบันไดไอคอนิกที่เป็นภาพจำของคนทั้งโลก ณ จุดนี้แม้อาจจะฟังดูมีเหตุผล แต่ความกรุยกรายของชุดต่างๆ นั้นส่งผลขนาดนั้นจริงหรือไม่ ตามหน้าประวัติศาสตร์มีชุดพรมแดงอันตราตรึงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชุดของ Brigitte Bardot ในปี 1953, Olivia de Havilland ในปีเดียวกัน หรือจะเป็น Madonna ในปี 1991 ที่แต่ละคนก็มีรายละเอียดความกรุยกรายของชุดเช่นเดียวกัน มากน้อยต่างกันไปตามความเหมาะสม หากจะตัดมนต์เสน่ห์ส่วนนี้ไปดูเหมือนว่าจะลดทอนวิถีความงดงาม และขีดเส้นข้อจำกัดสำหรับชุดของสุภาพสตรีไปไม่น้อยเลยทีเดียว

     ประเด็นเรื่องกฎการแต่งกายของเทศกาลหนังเมืองคานส์ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มาอย่างต่อเนื่อง ตลอดหน้าประวัติศาสตร์มีรายงานว่ามีการปฏิเสธการเข้าร่วมงานสำหรับสุภาพสตรีที่สวมรองเท้าแบบไม่มีส้นเข้าร่วมงาน กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ไอคอนิกของ Kristen Stewart ที่เลือกถอดรองเท้าบนพรมแดงอย่างโฉ่งฉ่างเมื่อปี 2018 ส่งข้อความประท้วงถึงกฎระเบียบได้แบบชวนตั้งคำถาม หากอ่านมาถึงจุดนี้อาจสงสัยว่าในเมื่อมีเดรสโค้ดอยู่แล้วว่าเป็น ‘Black-Tie’ ทำไมเรื่องรองเท้าส้นสูงถึงเป็นประเด็น เพราะรองเท้าส้นสูงคือองค์ประกอบเสริมความงามที่สง่างามก็จริง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดหรือทรมานในการสวมใส่ไม่มากก็น้อย การที่สุภาพสตรีคนหนึ่งจะเลือกปฏิเสธการสวมรองเท้าส้นสูงและหันมาสนใจความสบายในการสวมใส่ (ในรูปแบบที่สุภาพ เช่นรองเท้าส้นเตี้ยปิดหน้าเท้า) แล้วโดนปฏิเสธเพราะไม่ตรงตามข้อบังคับจึงเป็นสิ่งที่หลายคนเรียกร้อง นำมาสู่การปฏิวัติแนวทางของการสวมรองเท้าสำหรับเดินพรมแดง ณ เมืองคานส์ในยุคหลัง

    กลับมาที่เรื่องชุดกรุยกรายอันยิ่งใหญ่ของเซเลบริตี้ชั้นนำระดับโลก หลังกฎใหม่ออกมาก็ได้รับคำวิจารณ์อย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการจำกัดการแต่งกายของสุภาพสตรีอีกระลอก มันคงเป็นความรู้สึกราวกับว่า “ในวันที่ฉันอยากสวมใส่สิ่งสบายและเรียบง่ายก็ไม่ถูกใจ ในวันที่ฉันอยากสง่างามเต็มรูปแบบก็ไม่ถูกต้องเสียอีก” สิทธิ์ในการเลือกสรรชุดสำหรับพรมแดงกลายเป็นถูกจำกัดด้วยระเบียบที่สามารถจัดการได้หลากหลายวิธี การจัดการหน้างาน หรือการจัดระเบียบอย่างมีโครงสร้างเรื่องคิวและพื้นที่อาจเป็นคำตอบมากกว่าการขีดเส้นข้อห้ามที่อาจลดทอนความน่าสนใจของแฟชั่นพรมแดงเทศกาลหนังเมืองคานส์อันเป็นดั่งอีเวนต์ไอคอนิกอีกหนึ่งอีเวนต์ของโลกแฟชั่น ปีนี้จึงเห็นคนดังระดับโลกหลายคนปรากฏตัวในชุดกรุยกรายที่สง่างามอย่างที่แฟนๆ หลายคนรอคอย อาทิ Heidi Klum, Alessandro Ambrosio และ Eva Longoria เป็นต้น

     “สิทธิ์ความเท่าเทียมหรือเดรสโค้ดที่เหมาะสม” สิ่งนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในทุกๆ ปีสำหรับงานใหญ่ระดับโลก ไม่เพียงแต่เทศกาลหนังเมืองคานส์ แต่ยังหมายถึงงานสำคัญที่มีระเบียบการแต่งกายที่ค่อนข้างชัดเจนและอนุรักษ์นิยม เดรสโค้ด ‘Black-Tie’ คือความคลาสสิกเหนือกาลเวลา ภาพสุภาพบุรุษสวมทักซิโด้และสุภาพสตรีสวมชุดเดรสสง่างามคือภาพจำ แต่แล้วเมื่อกระแสสังคมพัดเวียนเปลี่ยนไป ความผ่อนปรนก็เริ่มเกิดขึ้น สุภาพบุรุษสวมชุดสูทสีเข้มเข้ากับเนกไทได้ ในขณะที่สุภาพสตรีก็เปิดโลกด้วยชุดเดรสที่อาจไม่ได้ตรงตามบัญญัติ ‘Eveningwear’ เสียทีเดียว จุดนี้แสดงให้เห็นพลวัติการเปลี่ยนแปลงในโลกแฟชั่นที่ไม่มีใครสามารถหยุดได้ มากไปกว่านั้นถ้ากฎระเบียบข้อบังคับขวางหรือสวนกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลง กฎนั้นย่อมพังทะลายไปเป็นธรรมดา

     ก้าวข้ามมาถึงอีกหนึ่งกฎที่ได้รับการพูดถึงเป็นวงกว้างไปทั่วโลกกับการประกาศแบนชุดโป๊เปลือย ความคิดเห็นจำนวนมากกระจายไปหลายทิศทาง บ้างก็มองว่าเป็นกฎระเบียบที่เหมาะสม บ้างก็ว่าเป็นกฎข้อบังคับที่เพิ่มข้อจำกัดและลดทอนสิทธิเสรีภาพ ในมุมหนึ่งการบังคับใช้กฎนี้ ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายฝรั่งเศสตามการอ้างอิงของฝ่ายผู้ออกกฎเทศกาลหนังเมืองคานส์ ต้องการไม่ให้เกิดเหตุการณ์อื้อฉาวกับลุคพรมแดงที่สุ่มเสี่ยงการจุดประเด็น อย่างเช่น Bianca Censori บนพรมแดงงานประกาศรางวัลแกรมมี่ที่ทำให้ทั้งโลกช็อกกับการเผยเรือนร่างเปลือยเต็มรูปแบบ หรืออาจจะเรียกได้ว่าทางผู้เกี่ยวข้องอาจประกาศไม้แข็งเพื่อรักษาระเบียบให้อยู่ในความเหมาะสม และไม่ได้ตั้งใจจะขีดจำกัดความน่าสนใจของลุคแฟชั่นบนพรมแดงให้มีกรบแคบเข้าไปอีกระดับก็เป็นได้
 

     ในอีกด้านหนึ่งหากมองเรื่องสิทธิเสรีภาพ หลายคนวิจารณ์หนักหน่วงว่ากฎข้อบังคับนี้ไม่ได้มีการระบุที่ชัดเจน ขอบเขตคำว่า “เปลือย” คือมากน้อยแค่ไหน ตามรายงานยังไม่มีการสรุปหรือชี้ชัด ซึ่งจุดนี้เองก็สอดประสานกับแนวทางของแนวคิดเสรีนิยมที่ต่อต้านบทบังคับต่อร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะผู้หญิง การเผยเรือนร่างบางส่วนหรือนำเสนอความสวยงามของตัวเอง ในขณะที่กฎระเบียบของสุภาพบุรุษยังคงรักษามาตรฐานไว้ที่ทักซิโด้หรือสูทสีเข้มเพียงเท่านั้น ข้อความซ่อนเร้นภายใต้กฎนี้อาจไม่ใช่เพียงข้อบังคับสำหรับลุควาบหวิวบนพรมแดงเท่านั้น แต่อาจเป็นการส่งสารให้ขีดจำกัดแฟชั่นพรมแดงให้พอเหมาะพอดีและไม่นำความโป๊เปลือยมาดึงดูดความสนใจจนกลายเป็นไวรัลทั่วทุกสารทิศ จุดโฟกัสสำคัญก็อาจกลับสู่โลกภาพยนตร์ได้มากขึ้นกว่าเดิม

     หากย้อนกลับไปในหน้าประวัติศาสตร์การพัฒนาก้าวหน้าของแฟชั่นสำหรับสุภาพสตรีเจอกฎระเบียบข้อบังคับครอบงมาโดยตลอด หากคุณค้นหาเกี่ยวกับเรื่องบิกินี่ ชุดที่เหมาะสำหรับสถานที่อย่างหาดทรายหรือชายฝั่งริมทะเล ก็จะพบกับภาพถ่ายจากปี 1957 ที่ตำรวจออกใบสั่งเกี่ยวกับการแต่งกายของสุภาพสตรี ณ เมืองริมินี ประเทศอิตาลี กระโดดข้ามมาสู่โลกปัจจุบันหรือย้อนไปสักไม่กี่ทศวรรษ เทศกาลหนังริมชายฝั่งทะเลก็มีปัญหาเกี่ยวกับการตรวจเครื่องแต่งกายของสุภาพสตรีด้วยระเบียบปฏิบัติที่ต่างกันไป และนับวันก็จะยิ่ง ‘make sense’ น้อยลงไปทุกที แต่เมื่อโลกวิวัฒนาการก้าวต่อไป กฎระเบียบที่เข้ามาควบคุมก็เปลี่ยนไป ปฏิเสธไม่ได้ว่าแฟชั่นพรมแดงของสุภาพบุรุษอาจไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก กฎระเบียบทุกอย่างจึงยังคงเดิมได้ ในขณะที่แฟชั่นพรมแดงของสุภาพสตรีลื่นไหลไปตามกระแสนิยม และถึงยุคแห่งตัวเลขและความโด่งดังบนโลกออนไลน์ด้วยวิธีการต่างๆ ความโป๊เปลือยก็อาจเป็นคำตอบที่ไม่ประทับใจใครหลายคนสักเท่าไหร่นัก คำถามคือ “ความโป๊เปลือยบนพรมแดงคือสิ่งที่เหมาะสมจริงหรือ” และถ้าถามลึกไปกว่านั้นคือ “ความเหมาะสมของพรมแดงเหล่านี้คืออะไรและทำไมต้องเป็นแบบนั้น” คำถามเหล่านี้คำถามปลายเปิดที่ทำให้ทุกคนได้คิดไตร่ตรองกันอย่างสนุกสมอง และแน่นอนว่าไม่มีถูกผิดมีเพียงเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเท่านั้น

     หากย้อนศรกลับไปถึงจุดตั้งต้นถึงคำว่า “เท่าเทียม” เมื่อข้อบังคับถูกปรับเปลี่ยนและพัฒนาจนมาถึงปัจจุบัน ความโป๊เปลือยที่กล่าวถึงอาจครอบคลุมถึงเหล่าสุภาพบุรุษด้วยเช่นกัน เท่ากับว่าหากสุภาพบุรุษอยากจะเปลื้องผ้าถอดทักซิโด้ก็ผิดเช่นเดียวกัน ถ้าเป็นเช่นนี้กฎระเบียบดังกล่าวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เท่าเทียมและจำกัดสิทธิ์ของสุภาพสตรีจะยังคงถูกตั้งคำถามต่อไปหรือไม่ และกฎระเบียบบังคับของสุภาพบุรุษมีแค่ทักซิโด้กับสูท (เดิมทีจำกัดเพียงทักซิโด้) นั้นจะไม่ใช่กฎระเบียบที่ปิดกั้นเสรีภาพสุภาพบุรุษเช่นกันหรอกหรือ นี่อาจเป็นอีกคำถามที่คำตอบอยู่ที่แนวคิดและมุมมองของแต่ละคนเป็นสำคัญ
 

     สุดท้ายเทศกาลหนังเมืองคานส์ตามชื่อคือ “เทศกาลหนัง” สาระสำคัญนอกเหนือจากพรมแดงที่ถูกถกเถียงกันมาอย่างยาวนานคือเรื่องผลงานศิลปะฉายผ่านหน้าจอ เดรสโค้ดถูกกำหนดอาจเพื่อต้องการความเป็นอันหนึ่งอันเดียวในแนวทางด้านแฟชั่น และจุดโฟกัสสำคัญอาจอยู่ที่ผลงานที่ฉายในอีกไม่กี่นาทีหลังจากเวลาพรมแดงในแต่ละช่วงจบลง ดังนั้นคำตอบสุดท้ายคงออกได้หลายหน้า ไม่ว่าจะเป็น “ไม่สนใจแฟชั่นก็ปล่อยอิสระไม่ต้องมีกฎเกณฑ์ใดๆ” หรือจะเป็น “เดรสโค้ดตามธรรมเนียมดั้งเดิมสะท้อนภาพความคลาสสิกและระดับความเป็นทางการ” เรื่อยไปจนถึง “ปรับเปลี่ยนเดรสโค้ดจนเหมาะสมกับยุคสมัย” และยังมีคำตอบจากคำถามปลายเปิดอีกมากมายให้แต่ละคนได้คิดและหาคำตอบด้วยตัวเอง แล้วแฟนโว้กล่ะคิดเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้บ้าง

ภาพ : Gerson Lirio
กฎการแต่งกายบนพรมแดงคานส์...กฎอันศักสิทธิ์หรือแค่ระเบียบจุกจิกที่ล้าสมัย!