FASHION
ถอดรหัสโลโก้ Burberry ในยุค Daniel Lee กับการหวนคืนสู่รากเหง้าความเป็นแบรนด์อังกฤษดั้งเดิมถ้าเป็นในหนังเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็คงต้องพูดว่า "ยินดีต้อนรับกลับสู่ยุคเลือดบริสุทธ์ของ Burberry" อีกครั้ง! |
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า แบรนด์ที่ถูกจับตามองมากที่สุดแบรนด์หนึ่งในช่วงนี้คือ Burberry แบรนด์แฟชั่นสัญชาติอังกฤษ เพราะหลังจากที่ Riccardo Tisci โบกมือลาบังเหียนไปอย่างเงียบๆ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทิ้งคอลเล็กชั่นประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ปี 2023 เอาไว้ให้ดูต่างหน้า ระหว่างนั้นหลายคนก็คาดเดากันไปต่างๆ นานาว่าใครกันที่จะขึ้นเถลิงศกที่เบอร์เบอรี่แทนที่ริคคาร์โด แต่แล้วแทบจะทันที ทางแบรนด์ก็ได้สร้างเซอร์ไพรส์ประกาศชื่อ Daniel Lee ที่เพิ่งอกหักจาก Bottega Veneta มาได้ไม่นาน ขึ้นเป็นหัวเรือใหญ่คนถัดไปของเบอร์เบอรี่ พร้อมรั้งตำแหน่งสำคัญอย่าง Chief Creative Officer สร้างความหวั่นใจและประหลาดใจให้กับเหล่าสาวกแบรนด์สัญชาติอังกฤษไปตามๆ กัน เพราะแดเนียล ลี ที่แม้ว่าจะเดินทางมาพร้อมกับฝีมือการสร้างสรรค์เสื้อผ้าระดับพระกาฬ แต่เขาคนเดียวกันนี้ก็ยังมาพร้อมกับคำร่ำลือหนาหูในการ “ล้างไพ่” ที่ไม่ว่าจะไปปรากฏตัวที่แบรนด์ใดก็ล้วนล้างไพ่ ล้างไอจี และล้มเกมกระดานเก่าเสียจนราบคาบ เฉกเช่นที่เขาเคยทำมาแล้วกับ Bottega Veneta ซึ่งครานั้นดูจะหนักหนาพอสมควร เพราะแดเนียลไม่ใช่แค่ลบโพสต์เก่า แต่เขาสั่งปิดไอจีทันที ในขณะที่แบรนด์อื่นๆ ในโลกแฟชั่นต่างกระโจนลงสนามโซเชียลมีเดียกันอย่างคึกคัก จากพิษของโควิด-19 เวลานั้น
และเช่นเดียวกัน การมาถึงของแดเนียล ลี ที่เบอร์เบอรี่ก็ยังคงกลยุทธ์การเดินหมากแบบเดิม ด้วยการล้มกระดานล้างไพ่ไอจีใหม่ทั้งหมด ซึ่งทวีความหวั่นใจให้กับเหล่าสาวกแบรนด์ขึ้นไปอีก เมื่อโพสต์บนบัญชีอินสตาแกรมเบอร์เบอรี่ถูกลบจนหมด พร้อมๆ กับที่โลโก้สุดโมเดิร์นที่ริคคาร์โดเคยสถาปนาเอาไว้ก็ถูกเททิ้งไปด้วย เกิดสภาวะสูญญากาศที่ยากจะคาดเดาว่า แดเนียล ลี จะมาไม้ไหนในครั้งนี้...
แต่หลังจากนั้นไม่นาน แบรนด์เบอร์เบอรี่ก็ได้เปิดตัวแคมเปญแฟชั่นเซ็ตแรกในยุคของแดเนียล ลี ออกมาเป็นที่เรียบร้อย กับปรากฏการณ์ที่เรียกได้ว่า ‘ผิดคาดเล็กน้อย’ เพราะแคมเปญแฟชั่นเซ็ตปฐมฤกษ์ของแดเนียลนั้น คือการขุดเอารากเหง้าของเบอร์เบอรี่ยุคดั้งเดิมกลับมาเกือบทั้งหมด เริ่มต้นตั้งแต่ชุดต่างๆ ที่เหล่าคนดังสวมใส่ในแคมเปญครั้งนี้ที่ล้วนแล้วแต่เป็นเสื้อผ้าและแฟชั่นไอเท็มชิ้นอาร์ไคฟ์ของแบรนด์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเทรนช์โค้ตไอคอนิก หรือลวดลายเช็กบนเสื้อผ้าที่สาวกดั้งเดิมคุ้นเคย หรือแม้แต่ฟอนต์ชื่อ Burberry ที่แดเนียล ลี อนุมัติให้กลับมาใช้ฟอนต์ดั้งเดิมของแบรนด์อีกครั้ง ตอกย้ำการสิ้นสุดของยุคแห่งความโมเดิร์นที่ริคคาร์โดเคยสร้างสรรค์ไว้ก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน
และต่อมาที่สำคัญที่สุด ซึ่งสร้างความประหลาดใจและคงถูกใจสาวกแบรนด์รุ่นดั้งเดิมหลายคน นั่นคือการหันกลับไปใช้โลโก้อัศวินบนหลังม้า Equestrian Knight Design พร้อมภาษาละติน Prorsum ที่หมายถึง Forward หรือการมองไปข้างหน้า อันเป็นโลโก้แบรนด์ดั้งเดิมที่ถูกตราขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1901 ในเฉดสีน้ำเงินเข้ม โดยแต่ละส่วนแฝงความหมายอย่างลึกซึ้ง ทั้งเกียรติยศบนตัวของอัศวิน, การปกป้องดูแลบนโล่ของอัศวิน เรื่อยไปจนถึงการปฏิวัติบนหอกของอัศวิน ทั้งหมดนี้คือการส่งสัญญาณให้เหล่าคนแฟชั่นรู้อย่างชัดแจ้งว่า การเดินทางมาถึงของ แดเนียล ลี ก็เพื่อดึงเอาตัวตนของแบรนด์สัญชาติอังกฤษที่ห่างหายไปนาน ให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
ท้ายที่สุดแล้วก็อาจจะอนุมานได้ว่า การเข้ามาล้มกระดานเกมเดิมที่เบอร์เบอรี่ในครั้งนี้ อาจเป็นการหวนคืนสู่ 'ยุคเลือดบริสุทธิ์' ของเบอร์เบอรี่อย่างเป็นทางการ เพราะอย่าลืมว่าแดเนียล ลี ก็เป็นคนอังกฤษโดยแท้ ซึ่งดูเหมือนว่าทุกอย่างดูเหมาะเจาะพอดีกันไปเสียหมด แต่เชื่อเถอะว่าวงการแฟชั่นไม่เคยมีเรื่องบังเอิญ ทุกรายละเอียดถูกเตรียมการมาแล้วอย่างถี่ถ้วน
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมาตามดูกันว่าคอลเล็กชั่นแรกของแดเนียลที่บ้านหลังใหม่แห่งนี้จะออกมาเป็นอย่างไร 20 กุมภาพันธ์ 2023 นี้ ได้รู้กัน
WATCH
WATCH