FASHION
เปิดที่มาสิ่งของ 5 ชิ้นที่ถูกนำมาใช้ในวงการแฟชั่นเป็นครั้งแรก โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้บางอย่างถูกพัฒนามาอย่างก้าวกระโดด แต่ดีไซเนอร์ก็ไม่น้อยหน้านำมันมาทำให้เกิดสิ่งใหม่ต่อยอดได้เสมอมา |
ความเพียรพยายามในการสร้างสรรค์ศิลปะเครื่องแต่งกายนั้นไม่ใช่เพียงแนวคิดหรือไอเดียล้ำหน้าเท่านั้น หลายครั้งเหล่าดีไซเนอร์สมองเพชรหยิบจับความแปลกใหม่มาใส่ในเสื้อผ้าจนสามารถเปลี่ยนโลกแฟชั่นไปได้ตลอดกาล โฉมหน้าที่ถูกรังสรรค์ขึ้นในปัจจุบันอาจจะดูเรียบง่ายไม่แปลกใหม่นักในหลายแง่มุม ทว่าในยุคหนึ่งการหยิบจับอะไรมาใส่เป็นรายละเอียดของเสื้อผ้า เพิ่มมิติทั้งเชิงฟังก์ชั่นและความสวยงามนับว่าเป็นความสร้างสรรค์ในแบบที่ล้ำยุค วันนี้เราจะมาชมกันว่า 5 เทคนิคและสิ่งของอะไรบ้างที่ถูกหยิบมาใช้จากดีไซเนอร์และเปลี่ยนโลกแฟชั่นไปตลอดกาล
1.Zip โดย Elsa Schiaparelli
เสื้อแจ๊กเกตสีม่วงพร้อมการเปิดเผยซิปช่วงหน้าอกอย่างชัดเจน / ภาพ: Courtesy of Brand
สิ่งที่เบสิกที่สุดในเสื้อผ้าแทบทุกประเภทตอนนี้ก็คือซิป ทว่าเมื่อย้อนกลับไปในปี 1929 ที่ Elsa Schiaparelli หยิบซิปมาใช้อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก สิ่งนี้เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์แฟชั่นไปตลอดกาล เธอฉีกไอเดียด้วยการนำตัวล็อคแบบรูดมาตกแต่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในชุด เห็นได้ชัด และโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เชื่อไหมว่าเธอนำมาใส่ในเสื้อผ้าโอตกูตูร์ในแบบที่ไม่มีใครกล้าทำ และเอลซ่านี้เองที่ใช้ซิปอย่างเด่นชัดบนเสื้อผ้าจนมันล้ำนำเทรนด์ อีกทั้งเธอยังกล้าทดลองใช้ซิปในขณะที่ซิปพลาสติกยังไม่ถูกผลิตขึ้นเลยด้วยซ้ำ นับเป็นการเปลี่ยนโลกแฟชั่นไปขั้น เพราะทั้งตอนนั้นและตอนนี้หันไปมองทางไหนเรารับรองว่าเห็นซิปเต็มไปหมดแน่นอน
2.Jeans โดย Levi-Strauss
ภาพของเหล่าชายหนุ่ม (ไม่ระบุปี) ที่สวมกางเกงยีนส์ราวกับเป็นเครื่องแบบ / ภาพ: The Jeans Blog
จากผ้าเดนิสู่กางเกงยีนส์ กางเกงที่คนทั่วโลกต้องรู้จัก สำหรับเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าเดนิมต้องบอกว่ามีมาอย่างยาวนาน เมืองเจนัวและเมืองนีมส์เองก็เคลมตัวเองว่ามีความข้องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันน่าสนใจด้วยกันทั้งนั้น แต่ถ้าพูดกางเกงยีนส์จะไม่พูดถึง Levi Strauss แห่งแบรนด์ Levi’s คงไม่ได้ ปี 1873 เขามีจุดประสงค์ต้องการนำผ้าจากเมืองนีมส์มารังสรรค์กางเกงสุดทนให้กับเหล่าคนงาน ตลอดหลายทศวรรษกางเกงยีนส์กลายเป็นเครื่องแบบประจำของหนุ่มๆ ต้องขอบคุณลีวายส์ที่สร้างสรรค์ประกายด้านแฟชั่นจนตอนนี้กางเกงยีนส์ก็ยังเป็นไอเท็มสุดอมตะเรื่อยไป
3.Haute Couture Laser Cut โดย Iris Van Herpen
WATCH
แฟชั่นเซตของ Iris Van Herpen ประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน /2021 ภาพ: Design Scene
Iris Van Herpen ดีไซเนอร์ชาวดัตช์ที่ก้าวข้ามการทำเสื้อผ้าโอตกูตูร์แบบดั้งเดิมมารังสรรค์มันด้วยวิธีการล้ำอนาคต เลเซอร์คัตคือตัวเลือกในการรังสรรค์ศิลปะมาสักระยะหนึ่งแล้วในยุคปัจจุบัน ทว่าสำหรับการทำเสื้อผ้ายังไม่มีผู้ริเริ่มทำมันอย่างเป็นทางการ หรือทำจนเป็นลายเซ็นประจำตัว ไอริสคือบุคคลผู้นั้น เธอกลายเป็นดีไซเนอร์ที่ทุกคนจำได้ว่าใช้เทคนิคเลเซอร์คัตสร้างชุดตัดเย็บระดับสูงได้น่าตื่นเต้นสุดๆ ความพลิ้วไหวและรายละเอียดถูกผสมผสานจากใช้เทคนิคนี้ หรือแม้แต่การวางเลเยอร์เองที่ไอริสมุ่งเน้นทำให้เสื้อผ้าไม่เรียบแบน มีหลากมิติดึงดูดสายตา ทว่าถ้าจะพูดถึงการใช้เลเซอร์คัตทำเสื้อผ้าเป็นคนแรกจริงๆ อาจไม่ใช่ไอริส แต่เราต้องขอยกอีกเครดิตในการทำอีฟนิ่งแวร์ของ John Galliano ที่เรียกเสียงฮือฮาเมื่อ 25 ปีที่แล้ว
4.Nylon Stocking โดย DuPont
การสไตลิ่งถึงน่องไนล่อนท่ี่ยังคงเป็นวัสดุที่นิยมนำมาทำถุงน่องที่สุดจนถึงทุกวันนี้ /ภาพ: VV
ถุงน่องไอเท็มที่สาวๆ คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ความยืดหยุ่น บางเบาสะท้อนความเฟมินีนถึงขีดสุด ดั้งเดิมแล้วถุงน่องเป็นไอเท็มที่ทำจากผ้าสุดละเอียดอ่อนที่ให้พื้นผิวแบบนี้ได้ก็คือผ้าไหม แต่ยุคหนึ่ง Wallace Hume Carothers ทีมงานในกลุ่มทดลองของบริษัท DuPont ได้คิดค้นผ้าไนลอนขึ้นมาสำเร็จในปี 1935 หลังจากพยายามมายาวนานถึง 6 ปี หลังจากนั้นปี 1938 วัสดุประเภทนี้ก็ถูกนำไปผลิตเป็นถุงน่องแทนที่ผ้าไหมและผ้าคอตตอน ความถูกและคงทนทำให้มันติดตลาด ติดถึงขนาดมีการประท้วงเมื่อมันขาดแคลนยามสงครามเลยด้วยซ้ำ นับว่าดูปองต์ปฏิวัติวงการถุงน่องด้วยความสำเร็จในการทดลองวัสดุ และถุงน่องไนลอนนี้ก็ยังคงความนิยมอยู่จนถึงปัจจุบัน
5.Rubber Shoes โดย Keds
Keds Champion Sneaker รองเท้าพื้นยางผู้หญิงคู่แรกของโลก ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์รองเท้าเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา / ภาพ: Bata Shoe Museum
ถ้าพูดว่า “Rubber Shoes” หรือ “รองเท้ายาง” คนส่วนใหญ่ต้องส่ายหน้าและบอกไม่รู้จักอย่างแน่นอน แต่ถ้าพูดว่า “สนีกเกอร์” เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่รู้จัก และสิ่งนี้ก็คือสิ่งปฏิวัติโลกแฟชั่นอีกเช่นเดียวกัน ย้อนกลับไปปี 1916 บริษัท U.S. Rubber รังสรรค์ Keds ขึ้นมา รองเท้ายี่ห้อนี้นำยางมาทำพื้นรองเท้ากระกอบส่วนกับรองเท้าผ้าใบ ด้วยวัสดุพื้นยางทำให้เดินได้ค่อนข้างเงียบ ย่องไปไหนมาไหนได้ รองเท้าประเภทนี้จึงถูกเรียกว่าสนีกเกอร์ ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำว่า “Sneak” ที่แปลว่าแอบย่องนั่นเอง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาโลกของรองเท้าก็ไม่เคยหยุดพัฒนาสนีกเกอร์อีกเลย
ของทุกชิ้นเรื่องราวทุกเรื่องแสดงให้เห็นว่าความสร้างสรรค์และความกล้าออกนอกกรอบของเหล่าอัจฉริยะนั้นสร้างปรากฏการณ์ได้เสมอ ข้อจำกัดบางอย่างถูกทำลาย บ้างก็เกิดจากความสร้างสรรค์ บ้างก็เกิดจากความหัวรั้น บ้างเกิดจากการทดลอง ใช้เหตุและผล กว่าสิ่งใดจะเกิดมาและพัฒนาได้เฉกเช่นปัจจุบันมันมิได้ง่ายเหมือนปลอกกล้วย เพราะฉะนั้นถ้าวันหนึ่งเรามีโอกาสมองย้อนกลับไปถึงความสร้างสรรค์แบบวันนี้ อย่าลืมรำลึกถึงรากฐานการพัฒนาของพวกเขาเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
ข้อมูล: Bata Shoe Museum, The New York Times, Yahoo, Observer, Fashion History Timeline, The Desigers Studio, และ Study.com
WATCH