FASHION

เกิดอะไรขึ้น! เมื่อแบรนด์แฟชั่นลุกขึ้นมาเปลี่ยนโลโก้ใหม่หมด

     คล้ายกับว่าจะกลายเป็นเทรนด์ในโลกอุตสาหกรรมแฟชั่นไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยในช่วงปีที่ผ่านมา สำหรับการเปลี่ยนโลโก้ หรือตราสัญลักษณ์ประจำแบรนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์แฟชั่นระดับลักชัวรี ที่จับมือกันพาเหรดเปลี่ยนโฉมโลโก้ประจำแบรนด์กันเสียยกใหญ่ หากสิ่งหนึ่งอันเป็นที่น่าสังเกตว่า การเปลี่ยนโลโก้ครั้งนี้เป็นไปในทางเดียวกันเสียหมด... ประการแรกคือการหันมาใช้ตัวอักษรที่มีขนาดหนามากขึ้น อีกทั้งการจัดเรียง และวางตัวอักษรยังถูกทำให้ดูสบายตากว่าปกติที่เคยเป็น และอีกประการสำคัญคือ การพร้อมใจกันเลือกใช้ฟอนต์ตัวอักษรตระกูล San Serif ซึ่งสื่อถึงความโมเดิร์นแห่งยุคสมัย ความสดใหม่ และสามารถเข้าถึงได้ง่าย (กว่าแต่ก่อน) นั่นจึงหมายถึงว่า การพาเหรดเปลี่ยนโลโก้ของเหล่าแบรนด์ลักชัวรีในปีที่ผ่านมา ไม่เพียงเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อจุดประสงค์ทางความงามเพียงเท่านั้น หากสิ่งที่แฝงเร้นอยู่ในปรากฏการณ์ครั้งนี้ยังหมายถึง ความคิดของบรรดาแบรนด์เหล่านี้ที่ต้องการก้าวออกจากกรอบเดิม ความคลาสสิกที่พ่วงติดมาในรูปแบบเก่าจึงไม่ตอบโจทย์ และไม่ใช่จุดขายสำหรับแบรนด์ระดับลักชัวรี และแบรนด์ไฮเอนด์อีกต่อไป...

ภาพ : Sansmania

 

     เช่นเดียวกันกับที่ Riccardo Tisci ผู้กุมบังเหียนแห่งแบรนด์ Burberry เคยได้ให้สัมภาษณ์ไว้กับทาง Hypebeast ว่า การเปลี่ยนโลโก้ของแบรนด์ในครั้งนี้เป็นไปเพื่อการใช้งานที่ทันสมัย และร่วมสมัยมากขึ้น มันผสมผสานไว้ทั้งความสะอาดสะอ้าน และชัดเจน ซึ่งคุณสมบัติที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เหมาะสมที่สุดแล้วในยุคโลกาภิวัตน์ ที่แบรนด์ของเรานั้นต้องเข้าไปอยู่ในหลายๆ แพลตฟอร์ม ทั้งออนกราวน์ และออนไลน์ อีกทั้งความคลีนของรูปแบบตัวอักษรเอง ยังทำให้แบรนด์ต่างๆ ที่หันมาใช้ฟอนต์ตระกูลนี้ได้รับการเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่ผ่านมา และนั่นก็นับเป็นโอกาสอันดีที่เราจะใช้ช่วงเวลานี้ ประโคมความคิดสร้างสรรค์อันหลากหลายให้กับลูกค้าที่เข้ามาหาเราได้ และยังเป็นดังเช่นนิยามครั้งใหม่ของบรรดาแบรนด์แฟชั่นระดับลักชัวรีทั้งหลายอีกด้วย

     กระนั้นก็ยังมีเสียงความคิดต่างที่เล็ดลอดออกมา สะกิดให้เราฉุกคิดได้อยู่สักพักใหญ่ว่า For a global creative industry however, homogeneity is dangerous” (อย่างไรก็ตามในโลกอุตสาหกรรมแห่งความคิดสร้างสรรค์นั้น ความเป็นเนื้อเดียวกันไปเสียหมดนั้น เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง) ที่ท้ายที่สุดแล้วนั้น เราจะสามารถมองหาความแตกต่างของแต่ละแบรนด์ได้อย่างไร ในเมื่อทุกแบรนด์ต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันไปเสียหมดเช่นนี้ (การเปลี่ยน และปรับปรุงโลโก้ไปในทางเดียวกัน) ซึ่งก็นับเป็นอีกเรื่องที่หลายๆ แบรนด์หลังจากนี้จะต้องขบคิดต่อไป...

ภาพ : underconsideration

 

     หากล่าสุดเมื่อแบรนด์สตรีทไฮเอนด์ที่เราต่างรู้จักกันดีอย่างแบรนด์ ZARA ได้เผยโฉมโลโก้ปรับปรุงใหม่ ที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นด้วยฝีมือของเอเจนซี่นามว่า Baron & Baron โดยโลโก้ใหม่ในครั้งนี้แตกต่างจากโลโก้ดั้งเดิมตรงที่ พื้นที่ห่างระหว่างตัวอักษรทั้ง 4 ตัวนั้นถูกลดลง มีการไขว้กันของตัวอักษรเกิดขึ้นจนได้รูปลักษณ์ที่แปลกตา และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สองแล้วที่ทาง ZARA ได้ปรับปรุงโลโก้ของแบรนด์ใหม่นับจากเมื่อปี 2011 ที่ผ่านมา และนับเป็นอีกแบรนด์ล่าสุดที่ก้าวขาเข้าร่วมพาเหรดเปลี่ยนโลโก้แบรนด์ หากก็มิได้ตามกระแสไปเสียหมด เพราะเรายังได้เห็นว่า ZARA เองยังได้เพิ่มลูกเล่น เช่นการไขว้ตัวอักษร (ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น) และการเพิ่มดีไซน์ที่เป็นลูกเล่นบนตัวอักษร Z และ R สวนทางกระแสนิยม หากก็น่าสนใจไม่แพ้แบรนด์ใด



WATCH




ภาพ : twitter     

 

     การเปลี่ยนโลโก้ของแบรนด์ ZARA ในครั้งนี้ ยังมีผู้คนในทวิตเตอร์ออกมาแสดงความคิดเห็นมากมาย ทั้งในทางที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย อีกทั้งยังมีการทำภาพล้อเลียนเชิงตลกร้ายออกมาเป็นระลอก เพื่อสร้างสีสันให้กับหน้าฟีดทวิตเตอร์ จนสามารถเรียกกระแสให้กับแบรนด์ได้อย่างเต็มที่... อย่างไรก็ตามเราก็คงจะต้องจับตาดูต่อไปว่า แบรนด์ต่อไปที่จะเข้าร่วมแคมเปญเปลี่ยนโลโก้คือแบรนด์ใด อีกทั้งโลโก้ปรับปรุงใหม่ของแบรนด์ต่างๆ ที่กล่าวมานี้ จะมีผลต่อการกำหนดทิศทางแบรนด์ในอุตสาหกรรมแฟชั่นมากน้อยเพียงใด … นับเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูอยู่ไม่ห่างจริงๆ 

WATCH

คีย์เวิร์ด: #ZARANewLogo