“ ไม่ว่าคุณจะสื่อสารเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ของ Saint Laurent ออกไปในมุมไหน สุดท้ายแล้วมันก็จะพาคุณกลับมาบ้าน ”

 

คอลเล็กชั่นอันแสนเรียบง่ายในภาพยนตร์สั้น I Wish You Were Here ซึ่งเป็นพรีเซ็นเทชั่นของฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2021 เรียกเสียงชื่นชมจากเหล่าสาวแซ็งได้เกินคาด เครดิตนี้มอบให้ดีไซเนอร์หนุ่มชาวเบลเยียม Anthony Vaccarello ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์คนปัจจุบัน ซึ่งเจาะจงเลือกเซตติ้งแนวธรรมชาติของทะเลทรายเวิ้งว้างไกลสุดลูกหูลูกตามาเป็นฉากหลังของโชว์ ทริปท่องเที่ยว (ทิพย์) ของฤดูร้อนเต็มอิ่มด้วยบรรยากาศของมาร์ราเคช สถานที่พิเศษซึ่งมีความผูกพันกับ Yves Saint Laurent ผู้ก่อตั้งแบรนด์ คอลเล็กชั่น Pre-Fall ซึ่งเป็นผลงานล่าสุดนี้เลยมีหลายคนคาดการณ์กันว่าแอนโทนี่อาจกลับไปเลือก Fontaine du Trocadéro สถานที่จัดโชว์หลักของแบรนด์ซึ่งมีหอไอเฟลแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงปารีสเป็นฉากหลัง 

ทว่าครั้งนี้ดีไซเนอร์หนุ่มเลือกที่จะพาเราไปยังสถานที่เรียบง่าย แต่มีความพิเศษซ่อนอยู่ สถานที่ถ่ายทำคอลเล็กชั่นใหม่เป็นอาคารประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสในกรุงปารีสที่สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 17 เคยรู้จักกันในชื่อ Hôtel de Sénecterre และเป็นที่ว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในอดีต ปัจจุบันอาคารหมายเลข 24 บนถนน rue del’université คืออาเตลิเยร์เสื้อผ้าชั้นสูงและสำนักงานใหญ่สาขาปารีสของแซ็ง โลร็อง ก่อนหน้านี้อาคารเก่าแก่หลังนี้ก็เคยเป็นที่ถ่ายทำคอลเล็กชั่นโอตกูตูร์ในปี 2015 ซึ่งเป็นยุคของ Hedi Slimane ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์คนก่อน เรียกได้ว่าไม่ว่าจะมุมไหนของเซตติ้งแห่งนี้ล้วนมีเรื่องราวตลอดหลายทศวรรษของแบรนด์ ไม่ใช่แค่สถานที่ถ่ายทำซึ่งเลือกสรรมาอย่างดี กับงานออกแบบชิ้นล่าสุุดแอนโทนี่ก็หยิบเอาดีเอ็นเอของเสื้อผ้าจากทศวรรษ 1970 ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองของอีฟว์ แซ็ง โลร็อง ดีไซเนอร์รุ่นแรกมาเป็นแรงบันดาลใจหลักเหมือนกัน

“นี่เป็นการตอกย้ำว่าไม่ว่าคุณจะพาแบรนด์ไปที่ไหนบนโลก หรือสื่อสารเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ของแซ็ง โลร็องออกไปในมุมไหน สุดท้ายแล้วมันก็จะพาคุณกลับมาบ้าน สำหรับแอนโทนี่ งานนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างอันยอดเยี่ยมของการหยิบยกเจตจำนงและมรดกของผู้ก่อตั้งมาเผยแพร่ ทั้งยังสอดรับกับสถานการณ์และเปี่ยมด้วยความหมายสำหรับโลกปัจจุบัน” Mark Holgate นักวิจารณ์และผู้อำนวยการฝ่ายข่าวแฟชั่นของโว้กอเมริกาให้ความเห็นเกี่ยวกับคอลเล็กชั่นใหม่ ซึ่งแสดงถึงความเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ในยุคหลังการระบาดครั้งใหญ่ของโรคร้าย เสื้อผ้าของแอนโทนี่ถูกลดทอนให้เรียบง่ายและสวมใส่ง่ายขึ้น แต่ยังคงแฝงความเซ็กซี่บวกกับวิธีการตัดเย็บที่ซับซ้อน 

ลุคแรกเปิดตัวได้น่าสนใจด้วยแจ็กเกตผ้าทวีดคัตติ้งสวยสไตล์เทเลอริ่งแบบเสื้อผ้าผู้ชายกับกางเกงลายตาราง จับคู่กับบู๊ตหนังยาวระดับต้นขาที่ชวนให้นึกถึงงานเก่าของเมอซีเยอ Roger Vivier ดีไซเนอร์รองเท้าระดับตำนานที่ออกแบบให้อีฟว์ ลุคสวยสะกดสายตาถัดมาเป็นกางเกงคูลอตคลุมเข่าสีเทาเข้มคู่กับเสื้อผูกโบแบบ Lavallière สีเขียวมะกอก สวมทับด้วยแจ็กเกตลายตารางและเสื้อคลุมขนสัตว์นุ่มฟู ต่อด้วยพาเหรดสูท Le Smoking ชิ้นไอคอนของแบรนด์ในโทนสว่างและน้ำตาลเอิร์ทโทนที่ไล่ระดับความเข้มขึ้นจนไปถึงสีดำสนิท โดยใส่กับเสื้อคอระบายสีพาสเทลและกางเกงขายาวที่ตัดเย็บจากผ้าเดนิม กำมะหยี่ และหนังลาเทกซ์ สวมทับด้วยรองเท้าบู๊ตยาวแบบเครื่องแต่งกายของนักกีฬาขี่ม้า 

เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายแมสคิวลินช่วงทศวรรษ 1970 ได้รับการดัดแปลงให้ดูร่วมสมัยกับยุคปัจจุบันมากขึ้น ขณะที่อีกด้านแอนโทนี่ก็หยอดความเป็นผู้หญิงเพื่อสร้างสมดุลด้วยชุดกระโปรงคอเต่าพิมพ์ลายผูกโบขนาดใหญ่ ชุดกระโปรงผ้ากำมะหยี่ประดับแผงคอปักดิ้นทองดูหรูหรา ชุดกระโปรงค็อกเทลเกาะอกพิมพ์ลายดอกไม้หลากสี ชุดกระโปรงยาวพิมพ์ลายกราฟิกที่เลียนแบบลวดลายบนตารางบนเสื้อแจ็กเกต ก่อนจะเพิ่มระดับความเซ็กซี่ด้วยชุดกระโปรงตัวสั้นลายทางสีแดงเชอร์รี่ ขาว และเขียวที่ปักเลื่อมด้วยมือทั้งตัว ยังมีผ้าซีทรูที่ช่างฝีมือบรรจงปักประดับลูกปัดเป็นลายกราฟิกก่อนจะนำมาตัดเป็นชุดกระโปรง แต่งขอบด้วยกำมะหยี่และหูกระต่ายทักซีโด้ขนาดเล็ก

นอกจากดีไซน์ของเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ง่าย เคลื่อนไหวได้คล่องตัว และคู่สีที่ลงตัวแล้ว ความน่าสนใจของคอลเล็กชั่นนี้ยังอยู่ที่สไตลิ่งของแต่ละลุคที่แม้จะออกแบบมาเป็นชุดกลางวันทั้งหมด แต่รับรองได้เลยว่าสาวแซ็งคงเลือกใส่ไปดินเนอร์หรือออกเดตยามค่ำคืนได้ไม่ยาก