ช่างภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช

แฟชั่นไดเร็กเตอร์: จงกล พลาฤทธิ์

นางแบบ: จรินทร์พร จุนเกียรติ

แต่งหน้า: อลงกรณ์ สุนทรพจน์

ทำผม: สันติพงศ์ ขวัญเซ่ง

ผู้ช่วยสไตลิสต์: พิพัฒน์ โพธิ์ทอง

เรื่องและสัมภาษณ์: ปภัสรา นัฏสถาพร

อาร์ตไดเร็กเตอร์: วิวาน วรศิริ

กราฟิกดีไซเนอร์: บพิตร วิเศษน้อย

 

VOGUE EXTRA ฉบับแรกเราหยิบเอาประเด็นที่โว้กประเทศไทยและโว้กทั่วโลกจริงจังที่สุดในขณะนี้ นั่นคือความสำคัญและความหมายของ Sustainability หรือ "ความยั่งยืน" มาเป็นหัวข้อหลักต้อนรับปี 2021 การมาของ VOGUE EXTRA ฉบับแรกภายใต้หัวข้อนี้ทำให้เรานึกถึงนางเอกสาวคนหนึ่งที่เป็นกระบอกเสียงในเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างเอาจริงเอาจังมานานหลายปี "เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ" เธอคือตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่มีความศรัทธาในเรื่องนี้อย่างแรงกล้า และลงมือทำจริง

V: ทุกวันนี้คำว่า Sustainability ถูกนำไปตีความในหลากหลายรูปแบบ เราควรอธิบายความหมายของคำนี้อย่างไร

T: จริงๆ คำว่า Sustainability หรือความยั่งยืนมันครอบคลุมหลายด้านมาก แต่ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายอยากให้ทุกคนไปลองค้นหาคำว่า "SDGs" ใน Google ดู แล้วจะเข้าใจคำนี้อย่างลึกซึ่ง เล่าง่ายๆ คือมันย่อมาจากคำว่า Sustainable Development Goals เป็นเป้าหมายในเรื่องความยั่งยืนของ UN ซึ่งชวนร้อยกว่าประเทศทั่วโลกมาร่วมทำเป้าหมายนี้ให้เป็นจริงด้วยกัน ซึ่งมีอยู่ 3 หัวข้อหลักๆ คือ เรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ แต่สำหรับเต้ยก็คงเหมือนทุกคน ตอนที่ได้ยินคำว่า "ความยั่งยืน" ครั้งแรกก็จะนึกถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมก่อนเลย น่าจะเป็นเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เราอิน ช่วงแรกเราจะคิดแค่นั้น แต่พอศึกษาเพิ่มเติมเราถึงมารู้ว่าความยั่งยืนมันเป็นหัวข้อที่กว้างกว่านั้นมาก 

 

ชุดกระโปรงยาวตัดต่อผ้ารีไซเคิลพิมพ์ลาย จาก Savestudios 

 

V: ชีวิตประจำวันที่ยั่งยืนของเต้ย-จรินทร์พรเป็นอย่างไร

T: เริ่มจากไลฟ์สไตล์ก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวนี้ตื่นนอนมาเราจะปิดแอร์ก่อนอย่างแรก พลังงานไหนที่ไม่ใช้หรือมองว่าไม่จำเป็นแล้วจะรีบปิดทันที สมัยก่อนบ้านเต้ยชอบซื้อน้ำเป็นแพ็คมาตุนไว้ที่บ้าน เพราะเวลามีแขก เช่น ช่างแต่งหน้า มาที่บ้านเราก็เสิร์ฟน้ำเป็นขวดๆ ให้เขา มันสะดวกดี เมื่อก่อนเราคิดแค่ว่าอันไหนทำแล้วสะดวกสุดก็อันนั้นแหละ แต่ทุกวันนี้เราอยู่แบบนึกถึงสิ่งรอบๆ ตัวมากขึ้น ตอนนี้เลิกซื้อน้ำแพ็ค ใช้การกรองน้ำจากที่บ้านแทน หรือเรื่องง่ายๆ ที่หลายคนก็คงทำอยู่เหมือนกันอย่างการใช้กระบอกน้ำเวลาออกไปนอกบ้าน ซึ่งเราก็พยายามไม่ไปซื้อใหม่ ใครให้อันไหนมาเราก็ใช้ กรองน้ำมาเองจากบ้าน ไปจนถึงเรื่องหลอดพลาสติก ถุงพลาสติก เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้ มันลามไปจนถึงเรื่องการแคร์สุขภาพจิตของคนในครอบครัว ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด

 

V: ความตระหนักเรื่องความยั่งยืนในอุตสาหกรรมแฟชั่นกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เต้ยคิดอย่างไรกับกระแสที่เกิดขึ้น

T: เต้ยรู้สึกดีใจมากที่คนในอุตสาหกรรมโดยเฉพาะโว้ก เห็นคุณค่าในเรื่องนี้ ทราบมาว่าในปี 2021 โว้กเองก็จะลุยในเรื่องนี้ตลอดทั้งปี เรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นตัวแทนในการพูดเรื่องความยั่งยืน สำหรับภาพของอุตสาหกรรมตอนนี้ที่เต้ยมองเห็นชัดๆ เลยคือการปรับตัวของดีไซเนอร์ที่หันมาทำผลงานอัปไซเคิลกันเยอะ ยกตัวอย่างงานล่าสุดของ Miu Miu ที่เอาเสื้อผ้าจากคอลเล็กชั่นวินเทจของตัวเองในอดีตมาทำใหม่ หรือแม้กระทั่งแบรนด์ไทยที่ทำชุดขึ้นมาจากเศษผ้าเหลือใช้ ไปจนถึงรองเท้าจากขวดพลาสติก ซึ่งพวกเขาทุ่มแรงความคิดสร้างสรรค์ทำงานหนักเพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม ซึ่งเต้ยมองว่ามันดีมาก

 

ชุดกระโปรงตัดต่อวัสดุรีไซเคิล จาก Jenjira Puttana

 

V: การจัดการกับเสื้อผ้ากองโตของนักแสดงชื่อดัง

T: เรื่องนี้มันจี้จุดเต้ยมาก ด้วยความที่เราทำงานในวงการก็จะมีเสื้อผ้าเยอะมาก ล่าสุดเต้ยย้ายบ้าน เราเลยถือโอกาสในการจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองที่มีอยู่ วิธีที่เต้ยใช้คือเต้ยเอาเสื้อผ้าเหล่านั้นไปขายต่อเป็นมือสอง แล้วนำเงินที่ได้ไปช่วยเหลือคนที่เขาขาดแคลน เช่นเด็ก ผู้สูงอายุ หรือสัตว์ที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่สิ่งที่มันสะท้อนใจเราคือตอนที่เห็นกองผ้าของตัวเอง เราถามกับตัวเองในหัวเลยว่าเราเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งทำไมต้องมีเสื้อผ้าประมาณพันกว่าชิ้น ทำไมคนคนหนึ่งถึงต้องมีเสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ มันสะท้อนกลับตัวเราเองในวินาทีนั้นเลยว่า ที่ผ่านมาเราโลภอะไรหนักหนา แต่ไม่ได้หมายความว่าให้หยุดซื้อเสื้อผ้านะคะ (หัวเราะ) พูดตามตรงคือเรายังซื้ออยู่ แต่วิธีการซื้อของเราต้องเปลี่ยน เราต้องมีสติกับการซื้อของ เลือกชิ้นที่มันมีคุณค่าจริงๆ ในที่นี้คือสามารถใส่ได้นาน ใส่ได้บ่อย พยายามไม่ซื้อฉาบฉวย เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องสร้างขยะเพิ่ม

ชุดกระโปรงยาวตัดต่อผ้ารีไซเคิลพิมพ์ลาย จาก Savestudios 

 

V: ประเด็นเรื่องความยั่งยืนทำให้เราใช้ชีวิตยากขึ้นหรือไม่

T: เต้ยมองว่ามันท้าทายมากกว่าค่ะ โดยเฉพาะสำหรับคนในสังคม เพราะทุกคนต้องพร้อมที่จะปรับไปด้วยกันมันถึงจะเป็นความยั่งยืนในภาพใหญ่ ไม่ใช่แค่เรื่องของสิ่งแวดล้อมอย่างเดียว แต่รวมถึงเรื่องสังคมและเศรษฐกิจด้วย แต่เราก็เริ่มจะเห็นบริษัทหรืออุตสาหกรรมใหญ่ๆ ที่เขาหันมาสนใจเรื่อง SDGs อย่างจริงจัง การที่หนึ่งอุตสาหกรรมหันมามองฟุตปรินต์ของตัวเองว่าที่ผ่านมาเขาได้สร้างผลกระทบอะไรไปบ้าง และพยายามปรับ เต้ยมองว่าแค่นี้มันก็สร้างความเปลี่ยนแปลงได้แล้ว แล้วถ้าทุกๆ อุตสาหกรรมให้คุณค่ากับมัน ประเทศเราก็น่าจะไปในทางที่ดีมาก

ชุดกระโปรงตัดต่อผ้ารีไซเคิลพิมพ์ลาย จาก Savestudios 

 

V: คิดอย่างไรกับการที่ทุกวันนี้คนบางกลุ่มยังคงมีกำแพงในการปรับตัวเรื่องความยั่งยืน

T: เต้ยมองว่าเขาแค่ไม่ตระหนักมากกว่า เขาอาจจะยังไม่ได้รับแรงบันดาลใจ ไม่มีโอกาสได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและหนักแน่น หรือได้เห็นด้วยตาของตัวเอง เต้ยเชื่อว่าถ้าเขาได้สัมผัสและเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับโลกทุกวันนี้ ทุกคนน่าจะยอมปรับได้ไม่ยาก มันเป็นสิ่งที่ต้องทำ เพราะความยั่งยืนมันคือความสมดุล เราไม่สามารถที่จะเอามาอย่างเดียว เราต้องเป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ ถ้าพูดถึงเรื่องของธรรมชาติและทรัพยากร มนุษย์เราใช้เป็นอย่างเดียวเลย แล้วเราก็คิดว่าทรัพยากรมันมีเหลือเฟือให้เราได้ใช้ทิ้งขว้างไปตลอด ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่ ถ้าเรายังคิดแบบนี้กันอยู่ วันหนึ่งมันก็ต้องหมดไป เราต้องให้กลับคืนธรรมชาติบ้าง ต้องปกป้อง ต้องดูแล ไม่อย่างนั้นวันหนึ่งแม้กระทั่งอากาศเราก็จะไม่มีให้หายใจ

 

V: เรื่องราวการเป็นกระบอกเสียงเรื่องความยั่งยืนของเซเลบริตี้

T: เราเป็นนักแสดง มีชื่อเสียง มีคนรู้จัก มีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย เราก็ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ในการกระจายข้อมูล แต่เราเองต้องมีความรู้ที่ถูกต้องและหนักแน่นพอ เต้ยตัดสินใจเข้าเรียนปริญญาโทด้านสังคมศาสตร์สิ่งแวดล้อมเพื่อการนี้ ด้วยความที่เราทำโครงการ EEC (Environmental Education Centre Thailand หรือศูนย์การเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อม) กับอเล็กซ์ด้วย ซึ่งเป็นค่ายที่พาเด็กๆ ไปเรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ความรู้ตรงนี้มันสำคัญ เราพยายามจะให้การศึกษาทางด้านนี้กับเด็กๆ ให้เขามีประสบการณ์ที่ดีในการออกมาสัมผัสสิ่งแวดล้อม ให้เขามีแรงบันดาลใจในการช่วยดูแลธรรมชาติ เพื่อที่เขาจะสานต่อ ถึงแม้เวลาที่ไปออกค่ายเต้ยจะไม่ได้เป็นคนสอนน้องๆ เอง เราจะมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นผู้สอน แต่ถึงอย่างไรเต้ยก็ต้องมีความรู้ในเรื่องนี้

ชุดกระโปรงตัดต่อผ้ารีไซเคิลพิมพ์ลาย จาก Savestudios 

 

V: ตอนนี้ EEC เป็นอย่างไรบ้าง

T: หลายคนเข้าใจว่า EEC เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร แต่เต้ยขอพูดตรงๆ ว่า EEC คือธุรกิจๆ หนึ่ง ธุรกิจที่ให้การศึกษาเรื่องการอนุรักษ์ เต้ยว่า 5 ปีที่ผ่านมา EEC ไปในทิศทางที่ดีมาก บริษัทโตไวและคิดว่าจะโตขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เรามีกันอยู่แค่ไม่กี่คน ทำทุกอย่างกันเอง ตอนนี้เราเป็นบริษัทที่มีพนักงานเยอะขึ้น และได้ร่วมงานกับอาจารย์เก่งๆ หลายท่าน เต้ยกับอเล็กซ์ก็เติบโตไปด้วยกัน อย่างอเล็กซ์เองเขามาบริหาร EEC เต็มที่ 

 

V: สิ่งสำคัญที่สุดที่เต้ยได้เรียนรู้จากธรรมชาติ

T: น่าจะเป็นเรื่องความถ่อมตนค่ะ ธรรมชาติเค้าใหญ่มาก แต่เราเป็นแค่จุดเล็กๆ บนโลกใบนี้ แต่คนโลภหนึ่งคนก็สามารถทำให้ธรรมชาติที่เรามีมันหายไปได้อย่างรวดเร็วได้ เราจะคิดและบอกกับตัวเองเสมอว่า เราเป็นเพียงแค่คนตัวเล็กๆ เท่านั้น ธรรมชาติเขาอยู่โดยไม่มีเราได้ค่ะ แต่เราอยู่โดยไม่มีเขาไม่ได้

  

ติดตาม VOGUE EXTRA ได้ทุกวันจันทร์ที่ 2 และ 4 ของเดือนตลอดปี 2021 นี้!