ถ้าจะมีรองเท้าสักครู่ที่ปฏิวัติวงการแฟชั่นหนึ่งในนั้นคงต้องมีชื่อของ ‘Tabi’ ผลงานไอคอนิกจาก Maison Margiela ที่แบ่งสัดส่วนของนิ้วเท้าคล้ายกับถุงเท้าทาบิแบบญี่ปุ่นที่ปรากกฏในหน้าประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ก่อนจะเริ่มพัฒนาสู่รองเท้า ‘Jika Tabi’ และกลายเป็นรากฐานสำคัญ ถึงกระนั้นก็ยังไม่ใช่รองเท้าที่ ‘mass’ แพร่กระจายอิทธิพลไปทั่วโลก หรือแม้แต่ในโลกแฟชั่นเองก็มีการหยิบจับสิ่งนี้มาใช้น้อยหรือแทบไม่มีเลย จนกระทั่งการรังสรรค์ผลงานของ Martin Margiela เมื่อปี 1988 มันก็เปลี่ยนโฉมโลกแห่งรองเท้าในมิติด้านแฟชั่นไปอย่างสิ้นเชิง (อ่านที่มาของรองเท้า ‘Tabi’ เพิ่มเติมได้ ที่นี่)

จากจุดเริ่มต้นสู่ความสร้างสรรค์ที่แปลกใหม่คือกุญแจที่ทำให้รองเท้า ‘Tabi’ ทั้งในรูปแบบของรองเท้าโลเฟอร์ รองเท้าบู๊ต และอีกหลากหลายรูปแบบยังคงครองใจคอแฟชั่นทั่วโลกเสมอมา ไม่แม้แต่จะเสื่อมความนิยมไปตามเทรนด์ต่างๆ เพราะ ‘Tabi’ สามารถสอดผสานเข้ากับทุกเทรนด์ได้อย่างน่าสนใจ ปัจจุบันหลังจากการเปลี่ยนยุคสมัยจาก John Galliano มาสู่ Glenn Martens รองเท้า ‘Tabi’ ยังคงเป็นไอเท็มในคอลเล็กชั่นถาวรที่วางจำหน่ายตามบูติกหรือห้างสรรพสินค้าชั้นนำภายใต้ชื่อเมซงมาจีร์ล่าอยู่ตลอด คำถามต่อมาคือจะทำอย่างไรให้รองเท้าไอคอนิกเหล่านี้ถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น

ปีแล้วปีเล่า จะผ่านมากี่คอลเล็กชั่นรองเท้า ‘Tabi’ ก็มีความหลากหลายออกมาให้เลือกสรรกันได้ตลอด ทว่าในมุมหนึ่งรองเท้ารุ่นต่างๆ เปลี่ยนแปลงแค่รายละเอียด รูปทรงบางสัดส่วน สี และวัสดุ แต่ไม่ใช่การเนรมิตหรือยกระดับเปลี่ยนแปลงให้รู้สึก ‘Tabi’ นั้นพิเศษกว่าที่เคย ปี 2025 จึงเป็นเวลาถือกำเนิดของโปรเจกต์ ‘Tabi Collector’s Series’ ที่จะนำเสนอรองเท้ารุ่นไอคอนิกในแบบฉบับพิเศษ อาจจะเป็นมากกว่าแค่รองเท้า แต่เป็นงานศิลปะชั้นยอดที่ควรค่าแก่การสะสม และ ‘Tabi’ อาจกลายเป็นแรร์ไอเท็มที่คนทั่วโลกถวิลหา

ผลงานเปิดตัว ‘Tabi Collector’s Series’ คือ ‘Tabi Broken Mirror Embroidery’ ที่พัฒนาผ่านเทคนิคอันสร้างสรรค์และการค้นคว้าหาวัสดุใหม่ๆ เพื่อสรรสร้างรองเท้าแบ่งนิ้วเท้าที่ไม่เคยปรากฏในสารบัญแฟชั่นของเมซงมาก่อน ซึ่งรองเท้า ‘Tabi’ โฉมพิเศษถูกเนรมิตขึ้นจากเทคนิค “Broken Mirror” ที่ปรากฏในคอลเล็กชั่น Artisanal AW15 จุดเด่นคือการเคลือบเงินบนหนังให้เกิดเอฟเฟกต์กระจกแตกสะท้อนแสง พร้อมการเผยรายละเอียดงานปักลูกปัดแก้ว เลื่อม รวมถึงเศษโลหะตัดเลเซอร์มากกว่า 8,000 ชิ้น เลียนแบบพื้นผิวกระจกแตกที่มีมิติความลึก

เบื้องหน้าอาจเห็นถึงรายละเอียดการแตกหักราวกับเศษกระจกที่แตกกระจายไปทั่วรองเท้า แต่เมื่อเจาะลึกถึงไปจะพบกับเทคนิคการสรรสร้างรองเท้าเงาวาว สอดคล้องกับไปรายละเอียดการตกแต่งที่ใช้ความชำนาญของช่างฝีมือ ต่อยอดจากรองเท้า ‘Tabi Broken Mirror’ ที่วางจำหน่ายอยู่เป็นปกติ ดังนั้นเท่ากับว่าเมซงคงรากฐานดั้งเดิมของการใช้เทคนิคอันน่าทึ่งมานำเสนอใหม่ด้วยองค์ประกอบที่เสริมเติมแต่งจนกลายเป็นงานศิลปะ ดังนั้นรองเท้าคู่นี้จึงไม่เพียงแต่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกาย ทว่าเป็นงานฝีมือสำหรับเก็บสะสมอย่างเป็นทางการ

รองเท้า ‘Tabi Broken Mirror Embroidery’ ผลิตขึ้นเพียง 25 คู่เท่านั้น แน่นอนว่ารองเท้า ‘Tabi’ รุ่นอื่นๆ อาจผลิตจำกัดตามซีซั่นเช่นกัน ทว่านี่เป็นครั้งแรกของเมซงที่เผยโฉมรองเท้าคู่นี้ในรูปแบบที่แปะป้ายประกาศว่าจะเป็นรองเท้าลิมิเต็ด เอดิชั่น และออกแบบมาเพื่อเก็บสะสมมากกว่าใช้งานจริงด้วยซ้ำ จุดนี้จึงสะท้อนภาพของการยกระดับรองเท้า ‘Tabi’ ให้ก้าวไปอีกขั้น เพราะบางส่วนจะกลายเป็นไอเท็มหายาก และสาวกแฟชั่นทั่วโลกจะต้องหมายมั่นจะครอบครองสักครั้ง คอนเซปต์นี้มีแนวโน้มจะถูกพัฒนาต่อเนื่องเพื่อสร้างจุดยืนให้กับ ‘Tabi’ ทวีความไอคอนิกเพื่อการสะสม ในขณะเดียวกันรองเท้า ‘Tabi’ รุ่นเบสิกหรือรุ่นใหม่ประจำซีซั่นก็ยังเป็นไอเท็มขายดีที่เป็นรากฐานของเมซงต่อไป
(สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมของเมซง มาร์จีล่าได้กับบทความ ไขรหัสลับ….ความหมายของตัวเลขต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ใน Maison Margiela)

.webp&w=2048&q=100)