หลังจากที่คอลเล็กชั่นสุภาพบุรุษฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2022 จากแบรนด์ Louis Vuitton ได้เฉิดฉายอยู่บนรันเวย์ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งนับได้ว่าคอลเล็กเล็กชั่นนี้เป็นคอลเล็กชั่นอำลาวงการแฟชั่นของดีไซเนอร์หนุ่มอัจฉริยะอย่าง ‘Virgil Abloh’ ผู้สร้างตำนานและพลิกโฉมวงการแฟชั่นแก่แบรนด์หลุยส์ วิตตอง ให้มีความสนุกสนานและตอบโจทย์กับเหล่าคนแฟชั่นยุคใหม่มากยิ่งขึ้น

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1980 เวอร์จิล อาโบลห์ ชายหนุ่มผู้เกิดจากพ่อแม่ชาวกานาและเติบโตที่เมืองร็อกฟอร์ด รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ในช่วงวัยเยาว์ของเขาที่ถูกผู้เป็นแม่ปลูกฝังความรู้ในเรื่องการตัดเย็บให้กับเวอร์จิล ซึ่งเป็นการจุดประกายความชื่นชอบในโลกแฟชั่นของเขา ในขณะเดียวกันก็ถูกผสมผสานไปด้วยความคลั่งไคล้ในกิจกรรมสุดเอ็กซ์ตรีมอย่าง ‘สเกตบอร์ด’ เช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆ  ทำให้สเกตบอร์ดกลายเป็นสิ่งที่หล่อหลอมตัวตนของเขาให้มุ่งสู่ความชื่นชอบในเสื้อผ้าสไตล์สตรีตเเวร์ จนต่อมาเวอร์จิลได้พบเจอกับศิลปินหนุ่มชื่อดังอย่าง ‘คานเย เวสต์’ ผู้ประทับใจตัวตนของเวอร์จิลมากจนได้รับคำเชิญให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในผู้ร่วมก่อการสร้างสรรค์ ในปี 2002

ช่วงเวลาผ่านพ้นไปเวอร์จิลได้ลองทำหลายอย่างตามความต้องการและความสนใจของเขา ไม่ว่าจะเป็นการเปิดพื้นที่ค้าปลีกและแกลเลอรี ทำงานร่วมกับกลุ่มต่างๆ เพื่อเติมเต็มความฝันของตัวเอง จนกระทั่งปี 2013 ที่เวอร์จิลเริ่มหันมามุ่งมั่นกับแบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า Off White (ออฟ-ไวต์) ก่อนที่จะเปิดตัวคอลเล็กชั่นแรกในปีถัดมา ซึ่งออฟ-ไวต์ ถือว่าเป็นแบรนด์ที่พลิกโฉมวงการแฟชั่นในยุคนั้นเป็นอย่างมาก ทั้งในแง่งานดีไซน์ที่มีความสตรีตแวร์และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หันมาสนใจในรองเท้าสนีกเกอร์มากขึ้น ทำให้ต่อมาในปี 2018 เวอร์จิลถูกผลักดันให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์สัญชาติฝรั่งเศสอย่าง ‘หลุยส์ วิตตอง’

ความสามารถของเขาผสมผสานเข้ากับจินตนาการและความฝันทำให้เส้นทางบนโลกแฟชั่นของเวอร์จิลในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์แผนกเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ ของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง เติบโตและมีผู้ชื่นชมมากยิ่งขึ้นในทุกๆ คอลเล็กชั่น จนเมื่อวัย 41 ปีที่ชีวิตของเขาต้องจบลงอย่างกะทันหันด้วยโรคมะเร็งหลอดเลือดหัวใจ ทำให้คอลเล็กชั่นสุภาพบุรุษฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2022 เป็นคอลเล็กชั่นสุดท้ายของเวอร์จิลที่จารึกความสามารถของเขาไว้ในโลกแฟชั่น

จากเรื่องราวความประทับใจและความเชื่อของเวอร์จิลที่ต้องการพาผู้ใหญ่กลับไปสัมผัสความสนุกสนาน และความฝันในช่วงวัยเยาว์อีกครั้ง จนได้สร้างสรรค์คอลเล็กชั่นสุภาพบุรุษฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2022 ที่ถูกนำมาจัดโชว์สุดเอ็กซ์คลูซีฟในรูปแบบ Spin-Off ให้ชมกันถึงประเทศไทย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของแฟชั่นโชว์คอลเล็กชั่นนี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

โดยแฟชั่นโชว์ Spin-Off ของหลุยส์ วิตตองในครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ณ The Pinnacle ไอคอนสยาม กรุงเทพมหานคร โดยบรรยากาศภายในงานครึกครื้นไปด้วยเหล่าแขกคนสำคัญไม่ว่าจะเป็น ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์, ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, วิน-เมธวิน, มาริโอ้ เมาเร่อ เเละพัค โบกอม ที่ทยอยเข้ามาสัมผัสกับตัวตนของเวอร์จิลผ่านโชว์นี้ เริ่มตั้งแต่บริเวณส่วนแรกซึ่งถูกรังสรรค์ให้เป็นสนามเด็กเล่นขนาดย่อม ตรงตามคอนเซปต์ของดีไซเนอร์หนุ่มเจ้าของคอลเล็กชั่นที่เชื่อว่า "ความเยาว์วัยคือความเป็นสากล" ตกแต่งไปด้วยก้อนเมฆที่ให้บรรยากาศเหมือนฝัน และคุมธีมสีด้วยเฉดสีฟ้าช่วยเพิ่มความสดใสก่อนจะก้าวเข้าสู่พื้นที่รันเวย์แฟชั่นโชว์ในส่วนถัดไป

เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณพื้นที่จัดแสดงเราจะพบกับรันเวย์แฟชั่นโชว์ที่รังสรรค์ออกมาได้อย่างเหนือจินตนาการกับบ้านกลับหัวและเครื่องดนตรีที่ลอยอยู่ ซึ่งเปรียบเหมือนการหมุนวนอยู่ในพายุทอร์นาโด เป็นดั่งผลงานความคิดสร้างสรรค์ของเวอร์จิลที่ยังคงหมุนเวียนอยู่อย่างไม่สิ้นสุด เเละปิดท้ายด้วยพระอาทิตย์ดวงกลมโตค่อยๆ เคลื่อนที่ไปรอบๆ ตัวบ้านด้วยรันเวย์แบบรางเลื่อน ที่สื่อถึงวงโคจรของดวงอาทิตย์ ด้วยเซ็ตติ้งเหล่านี้ทำให้เราได้สัมผัสกับโลกอีกใบซึ่งเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ สิ่งสำคัญที่สะท้อนตัวตนของเวอร์จิลในตลอดระยะเวลาของการเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์

จนกระทั่งบรรยากาศภายในงานได้เปลี่ยนไปแสงไฟที่ถูกปิดไว้เริ่มสาดส่องเเละฉายเเสงไปทั่วบริเวณอีกครั้ง เสียงเพลงประกอบโชว์ได้บรรเลงขึ้นมาเพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้แก่เเขกฟรอนต์โรว์ว่าความยิ่งใหญ่ของโชว์กำลังจะเริ่มต้นขึ้นเเล้ว โดยแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้เป็นการผสมผสานชุดที่มีความโดดเด่นจากในเเต่ละคอลเล็กชั่นของเวอร์จิลตลอด 8 ฤดูกาลที่ผ่านมา เริ่มด้วยชุดสูทในลุคออลแบล็กที่สะท้อนถึงความคลาสสิกตลอดกาลของชายหนุ่ม ตามมาด้วยชุดแจ็กเก็ตสีม่วงสดใสที่สะท้อนตัวตนในด้านสตรีตสไตล์ของเวอร์จิลได้อย่างชัดเจน หรือจะเป็นเสื้อแจ็กเก็ตพิมพ์ลายดอกไม้ที่ให้กลิ่นอายของความเป็นเฟมินีนที่เพิ่มเข้ามาในชุดผู้ชาย เช่นเดียวกับชุดในโชว์ฟินาเล่อย่างชุดกระโปรงสีขาวมาพร้อมผ้าคลุมที่ได้เเรงบันดาลใจมาจากชุดเจ้าสาว ก่อนจะปิดท้ายโชว์ด้วยเสื้อผ้าที่ได้เเรงบันดาลใจมาจากเสากระโดงเรือที่ให้ความรู้สึกถึงผลงานเเฟชั่นที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของงานศิลปะไว้อย่างเต็มที่

จนกระทั่งเดินทางมาถึงช่วงท้ายของแฟชั่นโชว์กับการเดินแบบฟินาเล่ที่สร้างความประทับใจให้กับแขกผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก ทั้งดนตรีที่คอยส่งอารมณ์ตั้งแต่เริ่มจนพาทุกคนมาถึงช่วงท้าย และเหล่าเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์ที่เดินเฉิดฉายบนรันเวย์ ทำให้โชว์นี้เป็นที่น่าประทับใจอยู่ไม่น้อย แต่นอกจากรันเวย์แฟชั่นโชว์ที่จัดขึ้นจะตราตรึงใจแล้ว อีกหนึ่งความพิเศษของโชว์ครั้งนี้คงต้องพูดถึงชุดที่ถูกดีไซน์มาเพื่อรันเวย์ในประเทศไทยโดยเฉพาะ ทั้งหมด 9 ลุค ซึ่งโดดเด่นไปด้วยลวดลาย 'Damier Diamond' ที่ถูกประดับลงบนเสื้อผ้าไม่ว่าจะเป็นรูปแบบลายพิมพ์เเละลายปักเย็บต่างก็สร้างซิลูเอตชุดให้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ประกอบเข้ากับสีสันที่มีความชัดเจนและสดใสทำให้เป็นชุดที่สามารถหาชมได้จากแฟชั่นโชว์ครั้งนี้เท่านั้น

การจัดแฟชั่นโชว์นี้นับเป็นคอลเล็กชั่นสุดท้ายของดีไซเนอร์หนุ่มอัจฉริยะแห่งหลุยส์ วิตตอง อย่าง ‘เวอร์จิล อาโบลห์’ ผู้รังสรรค์ผลงานที่มากไปด้วยคุณภาพ ความฝัน จินตนาการและมุมมองที่แปลกใหม่ให้กับโลกแฟชั่นมาตลอดระยะเวลาหลายปี ถึงแม้การทำงานของเขาที่หลุยส์ วิตตอง จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็สร้างความประทับใจให้กับคนแฟชั่นไว้อย่างมากมาย

ติดตามคอลเล็กชั่นสุภาพบุรุษฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ได้แล้ววันนี้ที่ www.louisvuitton.com