เปิดโลกเจ้าพ่อเครื่องเพชรผู้ทำ Grillz ให้ทั้ง Post Malone, Travis Scott และแรปเปอร์ดังทั่วโลก
Johnny Dang กับชีวิตที่ไม่ธรรมดา จากเด็กในครอบครัวเทรดจิวเวลรีในเวียดนามสู่มหาอำนาจแห่งวงการเครื่องเพชรในอเมริกา
“Grillz” ไอเท็มแสดงอัตลักษณ์ของเหล่าศิลปินฮิปฮอปทั่วโลก เมื่อพูดชื่อนี้ออกมาหลายคนอาจงุนงงและสงสัยว่ามันคืออะไร แต่ถ้านิยามให้มันเป็นฟันทอง ฟันเพชรล่ะก็เราเชื่อว่าทุกคนจะต้องนึกภาพออกอย่างแน่นอน เหล่าแรปเปอร์ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่มักใช้เงินเพื่อ “Flex” ตามกรอบวัฒนธรรมและกริลซ์เองก็กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของวงการฮิปฮอปทั่วโลกไปโดยปริยาย แต่ความน่าสนใจอยู่ที่บุคคลสำคัญของวงการที่ไม่ใช่แรปเปอร์ ไม่ใช่โปรดิวเซอร์ เขาไม่ใช่แม้แต่คนในรากวัฒนธรรมคนผิวสีด้วยซ้ำ แต่เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังกริลซ์ล้ำค่าที่เหล่าศิลปินต้องติดต่อเพื่อให้เขาทำกริลซ์และเครื่องประดับอื่นๆ ให้ เขาคือ “Johnny Dang”
Johnny Dang กับความอู้ฟู่หรูหราที่คนไม่คิดว่าจะเคยเป็นคนพลัดถิ่นมาก่อน / ภาพ: Todd Spoth - Texas Monthly
จอห์นนี่เกิดในเมืองดั๊กลัก ประเทศเวียดนามในช่วงปลายสงครามเวียดนามพอดิบพอดี นับเป็นช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกามีบทบาทสำคัญในประเทศแถบอาเซียนนี้ เขาอาศัยอยู่กับครอบครัวที่ข้องเกี่ยวกับอัญมณีมาตั้งแต่เด็ก แต่ครอบครัวของเขาไม่ใช่นักธุรกิจมหาอำนาจอย่างที่ใครหลายคนคิด เป็นเพียงนักเทรดจิวเวลรีสืบทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ ช่วงภาวะสงครามอาชีพความมั่นคงด้านนี้ก็ไม่ได้ตอบโจทย์ชีวิตมากนัก แต่พอสงครามสงบลงนับสิบปีพ่อของจอห์นนี่ก็ย้ายไปอยู่สหรัฐอเมริกาเพื่อโอกาสใหม่ในชีวิต จนมาถึงปี 1996 จอห์นนี่และสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ ก็ย้ายตามไปเพื่อเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ และนี่คือจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรจิวเวลรีแห่งนี้
Johnny Dang และ Paul Wall ผู้เปิดโอกาสจุดไฟให้ธุรกิจเติบโตจนถึงทุกวันนี้ / ภาพ: Popsugar
จุดเริ่มต้นในอเมริกาก็ไม่ได้ง่ายเท่าไรนัก จอห์นนี่เลือกเดินอาชีพข้องเกี่ยวกับจิวเวลรีเหมือนคนในสายเลือดของเขา โดยงานหลักคือการซ่อมเครื่องประดับและสร้างสรรค์ชิ้นงานด้วยการใช้เพชรมาประกอบ กริลซ์คือไอเท็มชิ้นซิกเนเจอร์ของจอห์นนี่มาตลอด เขาทำได้ไม่เหมือนใครมีเอกลักษณ์น่าสนใจ และแล้วโชคชะตาแห่งความโชติช่วงก็มาเยือนจอห์นนี่ ณ ตลาดนัดขายเพชรพลอย เขามีโอกาสพบกับ Paul Wall แรปเปอร์และนักธุรกิจชื่อดัง เขาประทับใจในฝีมือการทำไอเท็มชิ้นต่างๆ โดยเฉพาะกริลซ์ของจอห์นนี่อย่างมาก หนุ่มเวียดนามโดดเด่นเรื่องการเลือกวัสดุให้แตกต่างหลากหลาย แต่ละคนจะได้ไอเท็มประจำตัวแบบไม่เหมือนใคร จุดนี้ทำให้พอลเห็นแววและร่วมลงทุนทำธุรกิจกันในปี 2002 พร้อมเปิดโลกของเหล่าแรปเปอร์ให้จอห์นนี่ได้ขยายธุรกิจจนขนาดมหึมาจนถึงปัจจุบัน
WATCH
Quavo กับกริลซ์สุดประณีตจาก Johnny Dang / ภาพ: Urban Islandz
พอเข้าสู่วงการแรปเปอร์เต็มตัวจอห์นนี่กลายเป็นที่รู้จักของเหล่าศิลปินชื่อดังอย่างรวดเร็ว ชื่อเสียงการทำกริลซ์คัสตอมชิ้นพิเศษให้กับลูกค้าโด่งดังในหมู่แรปเปอร์ระดับซูเปอร์สตาร์ เขาไม่หยุดพัฒนา กริลซ์ของเขาไม่ใช่แค่กรอบฟันหรูหราสะท้อนแสงระยิบระยับเท่านั้น แต่เขายังสอดพัฒนาเทคนิคการทำให้มีมิติน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น “Channel Cut” ที่เป็นกรอบเบสิกใส่เพชรได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย “Honeycomb” การเรียงเพชรเม็ดเล็กๆ จนเกินเป็นรูปทรงฟันที่น่าสนใจ และไฮไลต์ที่ขาดไม่ได้คือ “Baguette” หรือการใช้เพชรเจียระไนแบบ Emerald เม็ดเป้งมาเรียง 1 เม็ดต่อฟัน 1 ซี่ให้ดูเป็นกรอบฟันล่องหน ซึ่ง Quavo แรปเปอร์ชื่อดังเป็นผู้ครอบครองมันเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว กลายเป็นว่าจากนักซ่อมแซมตอนนี้กลายเป็นนักธุรกิจที่ขายกริลซ์ชิ้นเดียวในราคา 250,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 7,890,000 บาทได้แล้ว!
Kanye West กับลุคสวมกริลซ์ที่เราอาจไม่ได้เห็นมากนัก / ภาพ: Pinterest
เขาโด่งดังสุดขีดในวงการแรปเปอร์ อย่างที่บอกว่าใครอยากได้กริลซ์ชั้นยอดต้องมาร้าน “Johnny Dang & Co” ที่เมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส แขกคนสำคัญเคยแวะมาเยี่ยมเยียนบ่อยครั้งไม่ว่าจะเป็น Snoop Dogg, Beyoncé, Kanye West, Lil Wayne, Nicki Minaj, Cardi B, Rick Ross, Quavo, Gucci Mane, Lil Pump และศิลปินฮิปฮอประดับท็อปของวงการอีกมากมาย อย่าเพิ่งคิดว่าจอห์นนี่จะเย่อหยิ่งไม่บริการลูกค้าทั่วไป เพราะเศรษฐีชาวเวียดนามคนนี้ไม่เคยลืมรากฐานความเป็นมาของตัวเอง ลูกค้าทุกคนจะได้รับบริการรวมถึงมอบความจริงใจให้แบบเถรตรง เขารับประกันว่าไม่ว่าจะลูกค้ารายใหญ่จนถึงรายย่อยจะได้รับของตามมาตรฐาน ไม่ถูกหลอกลวง และไม่โดนยัดเยียดให้ซื้อเกินราคาอย่างแน่นอน
ภาพปกมิวสิกวิีดีโอเพลง Grillz ของ Nelly ที่ Johnny Dang มีส่วนร่วมด้วย / ภาพ: Nelly
มันไม่ใช่แค่การดวงดีถูกหวยเพราะถูกใจเหล่าแรปเปอร์เงินหนาเท่านั้น แต่จอห์นนี่คอยศึกษาวัฒนธรรมฮิปฮอปเพิ่มเติมอยู่เสมอ เข้าใจว่าพวกเขาต้องการอะไร อยากได้อะไรจนสุดท้ายก็ได้เป็นส่วนหนึ่งในสังคมกับสถานะคนสำคัญของวงการ เขาปรากฏตัวอยู่ในมิวสิกวิดีโอเพลง “Grillz” ของ Nelly เพลง “Wild Boy” ของ Machine Gun Kelly และยังถูกกล่าวถึงในท่อนแรปในเพลงของศิลปินชั้นนำอยู่ตลอด นั่นคงเป็นเพราะตอนนี้เขาเหมือนสัญลักษณ์แห่งการ “Flex” อย่างมีคุณภาพ อยากได้สร้อยเพชร กริลซ์ กำไล หรือแม้แต่จะตกแต่งนาฬิกาเพิ่มเติมด้วยเม็ดหินล้ำค่าร้านของจอห์นนี่ก็พร้อมให้บริการเสมอ
ร้าน Johnny Dang & Co อันโด่งดัง / ภาพ: Courtesy of Brand
ความเข้าใจตลาดไม่ใช่แค่กับกลุ่มสังคมใดสังคมหนึ่ง แต่หมายถึงการเติบโตทางเทคโนโลยีด้วย “งานคราฟต์อาจไม่ได้ดีที่สุดในมุมมองตลาดที่นี่ (อเมริกา)” ที่ต้องกล่าวเช่นนี้เพราะจอห์นนี่เรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าการใช้เทคโนโลยีช่วยผลิตสินค้าประเภทจิวเวลรีสำคัญมากในอเมริกา มันไม่เหมือนกับเวียดนามหรือโซนเอเชียที่สนใจเรื่องการทำมือเป็นหลัก เพราะฉะนั้นการรักษามาตรฐานของแบรนด์ไปพร้อมกับผลิตของจำนวนมากขึ้นมา จอห์นนี่ต้องเรียนรู้ระบบและทำความเข้าใจกับเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัยเพื่อให้ตัวเองใหม่สุดอยู่เสมอ มากไปกว่านั้นไอเดียความสร้างสรรค์ต้องไม่หมด เขาหมั่นหาแรงบันดาลใจ นอกจากตัวเองเขาทีมเขาที่อยู่กันมานับสิบปีก็มีคาแรกเตอร์ขวนขวายหาสิ่งใหม่ให้กับแวดวงอยู่แบบไม่มีพัก
Johnny Dang กับบุรุษผู้ถือเป็นราชาแห่งความวิบวับตัวจริง / ภาพ: Wiki Library
Post Malone, Travis Scott และ Migos เหล่าศิลปินฮิปฮอปแห่งยุคก็ล้วนผ่านการช็อปปิ้งกับเจ้าพ่อเครื่องเพชรชาวเวียดนามคนนี้มาแล้ว แต่ละคนก็เลือกทั้งความเอ็กซ์คลูซีฟและจำนวนเพชรมหาศาล คงไม่น่าแปลกใจแน่ถ้าจอห์นนี่จะกล่าวว่า “เราไม่ได้ซื้อเพชรเป็นกะรัต เราซื้อมันเป็นกิโล” กว่าเขาจะมาจุดนี้ไม่ใช่แค่สินค้าเขามีคุณภาพ แต่เขารักษาตัวตน คอนเนกชั่น ดูแลคนรอบตัวอย่างดีที่สุด อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เคยลืมที่มาของตัวเอง เขาพูดเสมอว่า “จากร้านแค่ 300 ตารางฟุต วันนี้ผมมี 16,000 ตารางฟุต ผมคิดไม่ถึงเลย ผมมองไปกลับทีไรก็ต้องร้อง ‘ว้าว’ ทุกครั้ง” และกลยุทธ์สุดท้ายที่ทำให้จอห์นนี่เป็นตำนานคือการจ้างงาน เขาไม่นิยมจ้างผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพชร เขาจ้างคนธรรมดาและมาฝึกปรือฝีมือภายหลัง เหมือนกับการมอบโอกาสคน คนเหล่านี้เองก็จะอยู่กับองค์กรอย่างยาวนาน บางคน 15 ปีบ้าง 19 ปีบ้างนับว่าเป็นการมองเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยื่นซึ่งมีความโอบอ้อมอารีสอดแทรกที่เรารู้สึกได้ เขาอาจจะไม่ใช่อัจฉริยะที่เจียระไนเพชรได้งดงามที่สุด หาเพชรได้เม็ดใหญ่โตที่สุด หรือสามารถมอบความรู้เรื่องจิวเวลรีได้เก่งที่สุด แต่เขาบุคคลผู้เดินหน้าในเส้นทางของตัวเองได้อย่างมีคุณภาพ จนตอนนี้ใครๆ ก็เรียกเขาว่า “King of Bling”
ข้อมูล: Forbes, VICE, Texas Monthly และ TV Johnny
WATCH