FASHION

ถอดรหัส! ทำไมนักการเมืองชายถึงแต่งหน้าทั้งที่ไม่ได้เป็นตุ๊ด

ผู้ชายที่แต่งหน้าไม่จำเป็นต้องเป็นตุ๊ดเสมอไป และทำไมประธานาธิบดีชายของฝรั่งเศสจึงต้องจ่ายเงินแต่งหน้าเป็นล้าน?

ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนปัจจุบันซึ่งกำลังถูกโจมตีเรื่องค่าใช้จ่ายในการแต่งหน้าของเขา

 

กำลังเป็นประเด็นร้อนไปทั่วแวดวงการเมืองและเศรษฐกิจโลกเมื่อนิตยสาร Le Point ในประเทศฝรั่งเศสออกมารายงานแฉค่าใช้จ่ายของประธานาธิบดีหนุ่มรายล่าสุด Emmanuel Macron ผู้ชนะคะแนนเสียงการเลือกตั้งไปหมาดๆ เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ โดยมีหลักฐานระบุว่า มีการจ่ายเช็คราชการ 2 งวดให้กับช่างแต่งหน้าส่วนตัวของเขาภายใต้ชื่อ Natacha M เป็นจำนวนเงินสูงถึง 26,000 ยูโร (หรือราวหนึ่งล้านบาท!) แลกกับงานบริการตลอดไตรมาสแรกหลังเข้ารับราชการ

 

อย่าเพิ่งด่วนตัดสินข่าว! เพราะเราไม่ได้มาเชียร์เครื่องสำอางสำหรับชายหนุ่ม โดยเชื่อมโยงข่าวนี้กับกระแส “สไตล์ไร้เพศ” หรือเทรนด์ “เพศสภาพอันหลากหลาย” ซึ่งกำลังได้รับการขุนอย่างเต็มที่ในขณะนี้ และแน่นอนว่าเราจะไม่เพ้อเจ้อแถให้ข่าว Macron-Natacha นี้กลายเป็น Clinton-Lewinsky แห่งยุคมิลเลนเนียล แต่เราจะเจาะลึกให้คุณเข้าใจว่าภายใต้ฉากหน้าของเนื้อข่าวด้านเดียวของสื่อสมัยใหม่ ยังปรากฏความเป็นไปอีกด้านที่น่าสนใจใคร่เสพเสมอกัน

 

ก่อนอื่นใด หลังจากที่คุณกำลังตั้งคำถามว่า “ทำไมนักการเมืองชายต้องจ่ายเงินค่าเมกอัพมากขนาดนั้น” “เป็นตุ๊ดหรือเปล่า” ไปจนถึง “นี่คือรูปแบบการคอรัปชั่นแนวใหม่ใช่ไหม” เราขอยืนยันกับคุณว่าประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะย้อนกลับไปยังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในปี 1960 การแต่งหน้าของผู้ลงสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคือตัวแปรสำคัญที่คุ้มค่าการลงทุนชนิดดอลลาร์ต่อดอลลาร์ เพราะทำให้ John F. Kennedy ชนะใจผู้ชมทั่วประเทศตั้งแต่การโต้วาทีจนสามารถชนะโหวตคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Richard Nixon ได้ในท้ายที่สุด

 

 

John F. Kennedy (ซ้าย) เจ้าของรูปโฉมขวัญใจมหาชน และ Richard Nixon (ขวา) ผู้พ่ายแพ้เพราะความอัปลักษณ์

 

ขอให้นึกถึงยุคที่โลกยังตื่นเต้นกับนวัตกรรมโทรทัศน์และการรายงานสดภาพขาว-ดำ ประชาชนชาวอเมริกันต่างเฝ้าหน้าจอตามห้องรับแขกเพื่อรอชมการถ่ายทอดการโต้วาทีเพื่อแถลงนโยบายของสองพรรคการเมืองยักษ์ใหญ่จากช่อง CBS ในกาลสมัยซึ่งภาพลักษณ์คือสิ่งที่คุณเห็น...แต่กลับไม่ทันสังเกต เราจึงได้เป็นประจักษ์พยานกับแต้มต่อที่เกิดขึ้นโดยเจ้าของวิสัยทัศน์ผู้มองเกมขาดทิ้งห่างคู่ต่อสู้

 

เรื่องนโยบายเข้มข้นของทั้งคู่นั้นเราขอไม่พูดถึงเพราะขึ้นชื่อว่าบี้กันมาแต่ไหนแต่ไร สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือความจริงที่ว่าทั้งคู่เลือกนำเสนอกลยุทธ์ด้านภาพลักษณ์ในแบบฉบับของตนเองเป็นหลัก นักการเมืองทั้งสองต่างปฏิเสธบริการเมกอัพจากช่างแต่งหน้าชื่อดังซึ่งช่องโทรทัศน์เชิญตัวจากนิวยอร์ก มารอท่าไว้ให้ และแม้จะเป็นสื่อภาพสีขาว-ดำ แต่แสงเงานั้นยังมีผลต่อความเปล่งปลั่งและบรรยายรายละเอียดนานาได้เกือบจะครบถ้วนเสมือนจริง ฉะนั้น เมื่อผิวแทนโทนบลอนซ์ของ Kennedy ซึ่งบุ้ยใบ้ถึงสุขภาพนักกีฬาของคนหนุ่มฉกรรจ์อนาคตไกลถูกกล้องจับภาพอยู่ในเฟรมภาพเดียวกับคู่แข่งคือ Nixon ความอัปลักษณ์ของเครื่องหน้าและรูขุมขนของฝ่ายหลังจึงได้รับการขับเน้นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

 

 

บรรยากาศการโต้วาทีเพื่อชิงตำแหน่งประธานาบดีแห่งสหรัฐอเมริกาในปี 1960

 

ผิวบลอนซ์นักกีฬานี้เป็นผลลัพธ์จากทีมเมกอัพส่วนตัวที่ Kennedy เองลงทุนจ้าง มันเกิดจากการวิเคราะห์อย่างแยบยลว่า “นักการเมืองหนุ่มผู้ทุ่มเทตากแดดตากฝนเพื่อออกไปหาเสียงพบปะผู้คนควรจะมีสีผิวเป็นอย่างไร” เช่นเดียวกับรอยสิวและจุดด่างดำที่ทีมคำนวณมาแล้วเป็นอย่างดีให้แลดู “หล่อแบบเป็นธรรมชาติที่สุด” ยามอยู่หน้ากล้อง ผิดกันราวฟ้ากับเหวกับฟากของสายดิบเถื่อนแนวรีพับลิกันของ Nixon ซึ่งนอกจากจะผิวซีดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอหนวดสไตล์พวกขนดกก็ยิ่งทำให้ไม่น่ามองเข้าไปใหญ่ ซวยซ้ำซวยซ้อนเข้าไปอีกขั้นเมื่อผลิตภัณฑ์กลบตอหนวดที่เรียกกันว่า Lazy Shave ซึ่งเขาชโลมไปออกรายการกลับเยื้อมไหลละลายไปพร้อมกับแป้งเป็นคราบเหงื่อไคลเลอะคอปกเสื้อเละเทะเนื่องจากความร้อนของสปอตไลต์  ทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่นับรวมสูทสีเทาอ่อนชวนให้เขากลืนเป็นผืนเดียวกับฉากหลังของสตูดิโอ

 

ย้อนกลับมายัง Emanuel Macron แห่งเมืองน้ำหอม ความสำเร็จของเขาจึงมีเบื้องลึกเบื้องหลังซึ่งเกี่ยวพันกันอย่างชัดเจนกับแคมเปญในช่วงต้นของเก้าอี้ประธานาธิบดี ซึ่งว่ากันตามจริงแล้วชาวฝรั่งเศสเองก็คงไม่อยากได้ผู้นำที่ดูกระเซอะกระเซิงมาบริหารชาติที่ได้ชื่อว่าเนี้ยบคมในแง่สไตล์และความงามที่สุดในโลกแน่ๆ และตามที่วาระแห่งชาติได้ระบุชัดแล้วว่า “งบประมาณในส่วนนี้จะถูกปรับลดลง” ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลกับช่วงเวลาการพยายามครองคะแนนความนิยมในช่วงต้น ซึ่งจะเป็นอย่างไรต่อ ไปก็ต้องแล้วแต่ความสามารถ แต่ที่แน่ๆ หลายสำนักข่าวอาจเพียรเสนอข่าวโจมตีกันไปโดยไม่ค้นให้ดีว่ากลยุทธ์ด้านบิวตี้นี้มีมาแสนนานในทุกสมัยของแวดวงการเมือง...ที่เห็นกันชัดๆ ก็อดีตผู้นำรายก่อนๆ อย่าง Nicolas Sarkozy ที่จ่ายไป 8,000 ยูโรทุกเดือน หรือสายเปย์ตัวจริงอย่าง Francois Holland ที่ถมไป 30,000 ยูโรกับเมกอัพส่วนตัวในช่วง 3 เดือนแรกและอีก 9,895 ยูโรต่อเดือนกับช่างผมประจำตัว!

 

 

WATCH

คีย์เวิร์ด: Vogue Voices France Politics Beauty MakeUp Culture Paris Politician