นอกจากสไตล์ ‘Shirt under Dress’ ที่ใช้เทคนิคการเลเยอร์มาเพิ่มความน่าสนใจให้กับลุคแล้ว อีกหนึ่งลุคสไตล์ที่โชว์ศักยภาพของเทคนิคการเลเยอร์ได้เป็นอย่างดีก็คือ ‘Dress over Pants’ การสวมกางเกงไว้ใต้เดรสที่ถือว่าแหวกแนวไปจากการสวมเดรสตามปกติ ซึ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับลุคในแต่ละวัน และยังเป็นการสร้างสรรค์ลุคใหม่ๆ จากแฟชั่นไอเท็มที่มีอยู่แล้วในตู้เสื้อผ้า ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าสไตล์ Dress over Pants ในแต่ละประเทศก็จะมีเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป อาทิ ฝรั่งเศส อเมริกา เกาหลี หรือญี่ปุ่น เป็นต้น อย่างไรก็ตามสไตล์นี้นับว่าเป็นสไตล์แคชชวลที่มาพร้อมความเก๋อย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งเหมาะกับวันสบายๆ เป็นอย่างมาก

     สไตล์ Dress over Pants นั้นนับได้ว่าอยู่เคียงคู่กับวงการแฟชั่นมานานพอสมควร ไม่เพียงแค่สตรีตแฟชั่นเท่านั้น แต่แม้กระทั่งบนรันเวย์ก็ยังมีให้เห็นอยู่เสมอ ถึงอย่างนั้นสไตล์นี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเอาต์แต่อย่างใด เพราะบนรันเวย์ฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2022 เราก็ยังคงเห็นสไตล์ Dress over Pants ได้จาก Chloé ที่มีทั้งเดรสผ้านิต (Knitwear) และเดรสลาเท็กซ์ ในขณะที่ Marques Almeida และ Marc Jacobs เลือกใช้เดรสตาข่าย ไปจนถึง COS และ Courrèges ซึ่งนอกจากแฟชั่นประจำซีซั่นนี้แล้ว รันเวย์ฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2023 ก็ยังมีสไตล์นี้มาให้เห็นอยู่เช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นเดรสหนังและเดรสซีทรูสวมทับกางเกงเลกกิ้งลูกไม้จาก Louis Vuitton โททัลลุคสีขาวจาก Chanel และ Sacai ที่ดูเหมือนจะหลงใหลในสไตล์นี้อย่างจริงจัง เพราะนำเสนอ Dress over Pants หลากหลายลุคมากๆ ซึ่งนี่เท่ากับเป็นการการันตีว่าสไตล์ Dress over Pants จะยังไม่เอาต์อย่างแน่นอน ดังนั้นโว้กจึงขอแนะนำไอเดียในการสไตลิ่งลุค Dress over Pants ไว้เป็นแนวทางการแต่งตัวให้กับสาวๆ เพื่อลดความจำเจ

ภาพโดย: (จากซ้าย) Fa-s-sion, Lookbook.th และ Co-collections

1. The Coolest Dress Shirt

     โดยปกติแล้วเดรสจะมีภาพลักษณ์ของความสวยหวาน แต่พอเปลี่ยนเป็นเดรสเชิ้ตภาพลักษณ์หวานๆ ก็จะถูกลดทอนและจะมีความเท่เพิ่มขึ้น ดูเป็นสาวสายแฟ (ชั่น) ที่ทะมัดทะแมง พร้อมลุย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสไตล์ Dress over Pants ด้วยแล้ว ซึ่งเดรสเชิ้ตนับว่าเป็นไอเท็มที่นำมาสไตลิ่งลุคนี้ได้ง่าย เนื่องจากไม่จำเป็นต้องกังวลในการเลือกกางเกงที่จะนำมาแมตช์แต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นกางเกงสไตล์เทเลอลิ่ง กางเกงขากว้าง (Wide Leg) หรือกางเกงยีนส์ก็สามารถแมตช์ได้อย่างลงตัว อย่างไรก็ตามกางเกงเลกกิ้งนั้นอาจเป็นไอเท็มที่ไม่เหมาะนักหากจะนำมาแมตช์กับเดรสเชิ้ต

ภาพโดย: (จากซ้าย) Vogue US, Vogue US และ Winter Browne

2. Power of Unity

     ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นสไตล์ไหน หากใช้เทคนิคการคุมโทนสีเข้ามาร่วมด้วย ก็การันตีได้ว่ารอดทุกแนว เทคนิคการคุมโทนคือหนึ่งในเทคนิคการจับคู่สีแบบโมโนโทน ซึ่งจะเรียกว่าเป็นวิธีเพลย์เซฟก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะนอกจากการคุมโทนจะให้โททัลลุคที่เพอร์เฟกต์แล้ว ยังง่ายสำหรับมือใหม่หัดสไตลิ่งลุคแฟชั่นด้วย การอาศัยเทคนิคนี้ในการสไตลิ่งลุคนั้นไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์หรือทักษะการมิกซ์แอนด์แมตช์ไอเท็มอย่างโชกโชนก็สามารถทำได้ ขอเพียงแค่เลือกไอเท็มที่เป็นสีในโทนเดียวกันมาอยู่ด้วยกันเท่านั้น

ภาพโดย: (จากซ้าย) Who What Wear, POPSUGAR และ Mimi

3. Do the Contrast

     การสร้างคอนทราสต์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ลุคดูมีมิติ น่าสนใจ และดึงดูดสายตาได้เป็นอย่างดี และเทคนิคการสร้างคอนทราสต์ก็ยังสามารถทำได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคอนทราสต์ด้วยสี (ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของเทคนิคการจับคู่สี) การสร้างคอนทราสต์ด้วยสไตล์ ด้วยการเลือกเดรสกับกางเกงที่ให้สไตล์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อย่างเดรสผ้าทูลล์ฟูฟ่องจับคู่กับกางเกงยีนส์แต่งดีเทลขาดสุดเซอร์ ทำให้ได้ลุคสตรีตที่มีทั้งความหวานและความเก๋ ตอกย้ำภาพลักษณ์แฟชั่นนิสต้าตัวยงอย่างดีเยี่ยม ตลอดจนการสร้างคอนทราสต์ด้วยดีเทลของไอเท็มที่เลือก โดยเลือกเดรสที่มีดีเทลโดดเด่น (เช่นลวดลาย ดีไซน์ หรือเนื้อผ้า) แมตช์กับกางเกงสีพื้นเรียบๆ หรือเลือกเดรสสีพื้นแมตช์กับกางเกงที่มีดีเทลโดดเด่น เพื่อเป็นการสร้างลุคสุดชิกที่ไม่ได้ดูล้นจนเกินไป

ภาพโดย: (จากซ้าย) Vogue US, Vogue US และ Tiffany Tsai

4. Over & Under

     หากตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกสไตล์ Dress over Pants หรือ Shirt under Dress โว้กขอแนะนำให้จับทั้ง 2 สไตล์มารวมกันเสียเลย ด้วยการใส่ทั้งเสื้อ เดรส และกางเกง อย่างไรก็ตามการเลือกวิธีนี้มีข้อควรระวังอยู่พอสมควร เพราะหากเลือกไอเท็มชิ้นใดชิ้นหนึ่งพลาด ก็สามารถทำให้ลุคที่ได้ออกมาล้นจนเกินไปได้ ข้อแนะนำที่จะทำให้ได้ลุคที่มีสไตล์คือ ‘เลือกไอเท็ม 2 ใน 3 ชิ้นให้มีสีโทนเดียวกัน’ เช่น เลือกเสื้อกับเดรสสีเดียวกันเพื่อแมตช์กับกางเกงต่างสี หรือเลือกเดรสกับกางเกงสีเดียวกันเพื่อแมตช์กับเสื้อสีอื่น แต่หากไอเท็มทั้ง 3 ชิ้นไม่มีสีเหมือนกันเลย ขอแนะนำให้เลือกเสื้อสีขาวเพื่อดึงให้เดรสและกางเกงที่มีสีต่างกันดูเข้ากันได้ดียิ่งขึ้น

     ในกรณีที่เดรสของสาวๆ มีลวดลายโดดเด่นแล้ว ขอแนะนำให้เลือกเสื้อกับกางเกงด้านในเป็นสีพื้นและเป็นสีเดียวกัน ส่วนจะเลือกเสื้อกับกางเกงสีไหนเพื่อให้เข้ากับเดรสที่มีนั้นต้องอาศัยเทคนิคการจับคู่สีเข้ามาช่วย นอกจากนี้โว้กขอแนะนำให้เพิ่มแอ็กเซสเซอรี่สักเล็กน้อย เช่นหมวกสักใบที่มีสีเดียวกันกับเดรส เพื่อเป็นการคอมพลีตลุคให้กลมกล่อม

ภาพโดย: (จากซ้าย) lune, MoA และ Lookbook.th

5. Put on a Jacket

     การสวมแจ็กเก็ตเพิ่มอีก 1 เลเยอร์นั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเพิ่มความเท่ให้กับลุค Dress over Pants ของคุณ และเทคนิคนี้ยังเหมาะกับช่วงฤดูหนาวที่อากาศเริ่มเย็นลงในตอนนี้ ส่วนวิธีการเลือกแจ็กเก็ตก็อ้างอิงเทคนิคเดียวกันกับการเลเยอร์ Shirt under Dress เพิ่มตามที่กล่าวไปด้านบน อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเทคนิค ‘Triple Layer’ แต่โททัลลุคที่ได้จาก 2 วิธีนี้จะมีสไตล์และภาพลักษณ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

ภาพโดย: (จากซ้าย) LOCARI, Lookbook.th และ TF Knitwear

6. Knitwear On Top

     อีกหนึ่งเทคนิค Triple Layer ที่เข้ากับฤดูหนาวคือการเพิ่มนิตแวร์มาเป็นเลเยอร์ชั้นนอกสุด โดยอาจจะเลือกเสื้อกั๊กผ้านิตมาสวมทับเดรสแขนยาว เพื่อเป็นการประยุกต์ใช้เทรนด์ Vest over Shirt ร่วมกันกับ Dress over Pants หรือจะเลือกสเวตเตอร์ดีไซน์เก๋ เป็นเอกลักษณ์ สวมทับเดรสและกางเกงเรียบๆ ก็ได้เช่นกัน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อเลือกสไตลิ่งลุคด้วยเทคนิคนี้ คือสไตล์และดีไซน์ของนิตแวร์ที่เลือกมาแมตช์นั้นจะมีผลต่อโททัลลุคของคุณค่อนข้างมาก ต่อให้เดรสและกางเกงเหมือนกัน แต่ถ้านิตแวร์ที่เลือกมาเลเยอร์เป็นชิ้นสุดท้ายต่างกัน ก็จะได้ลุคที่แตกต่างกันด้วย

ภาพโดย: (จากซ้าย) AliExpress, Roo และ Treemingbird

7. Double Your Dress

     ถ้าการเพิ่มนิตแวร์นั้นยังให้ความรู้สึกว่าไม่แอดวานซ์พอ และต้องการอะไรที่ท้าทายทักษะด้านแฟชั่นของตัวเอง ขอแนะนำให้เลเยอร์เดรสเพิ่มอีก 1 ตัวไปเลย โดยเทคนิคนี้ค่อนข้างเปิดกว้างให้สาวๆ ได้เลือกเดรสหลากหลายแบบมาอยู่ในลุคเดียวกัน ตั้งแต่การเลือกเดรสแขนกุดมาสวมทับเดรสเชิ้ตสีขาว การเลือกเดรสสายเดี่ยว 2 ตัวที่ต่างสีกัน การเลือกเดรสแบบเสื้อยืด ไปจนถึงการเลือกเดรสซีทรูหรือเดรสผ้าทูลล์มาเป็นเลเยอร์ชั้นนอกสุดเพื่อให้ได้ลุคที่มีความเฟมินีนมากขึ้น

ภาพโดย: (จากซ้าย) Bitna, Vogue US และ MINTBUU

8. Get Along with Y2K

     อีกหนึ่งวิธีในการทำให้ลุค Dress over Pants ของสาวๆ น่าสนใจ คือการนำเทรนด์ Y2K ที่กำลังฮิตมาเพิ่มเติมเข้าไป ด้วยการหยิบกางเกงขายาวเอวต่ำสไตล์สตรีต มาแมตช์เข้ากับเดรสทรงตรงเข้ารูปที่ให้ความรู้สึกเหมือนเสื้อตัวจิ๋วสไตล์ Y2K จะทำให้สาวๆ ได้ลุคสตรีตที่ทั้งเปรี้ยวและเท่ในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้เดรสสำหรับเทคนิคนี้ควรมีการแหวกสูงขึ้นมาถึงช่วงสะโพกหรือเอว เพื่อไม่ให้เป็นข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว นอกจากนี้หากใช้เดรสทรงตรงที่ไม่มีการแหวกกับเทคนิคนี้จะทำลุคที่ได้ดูอึดอัด ไม่มีมิติ

ภาพโดย: (จากซ้าย) Refinery29, Team Peter Stigter และ Cosmopolitan

9. Make It Short

     ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสไตล์ Dress over Pants ที่เราเห็นส่วนมากนั้นจะเป็นการใช้เดรสยาวระดับต่ำกว่าหัวเข่าลงมา ซึ่งมีความพลิ้วและความทิ้งตัว เพื่อให้ซิลูเอตของลุคไม่ทื่อจนเกินไป แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเดรสสั้นหรือมินิเดรสจะไม่สามารถนำมาสไตลิ่งลุค Dress over Pants ได้เลย เพียงแต่การนำเดรสสั้นมาใช้งานลักษณะนี้จะมีข้อควรระวังค่อนข้างมาก แต่ถ้าหากทำตามข้อแนะนำต่อไปนี้ รับรองว่าเดรสสั้นของสาวๆ ก็จะเนรมิตลุค Dress over Pants ได้สวยเก๋ไม่แพ้ใครเลยทีเดียว

     สำหรับเดรสสั้นทรง Tent ที่มีซิลูเอตบานกว้างในช่วงปลายเดรส ถือว่าเป็นเดรสที่นำมาสไตลิ่งลุค Dress over Pants ได้ค่อนข้างง่าย เพราะกระโปรงที่บานออกของเดรสทรงนี้ทำให้แทบจะไม่มีข้อจำกัดในการเลือกกางเกงที่จะนำมาใส่คู่กัน อีกทั้งยังมีความพลิ้วและทิ้งตัวคล้ายเดรสยาว นอกจากเรื่องของพื้นที่ภายในเดรสแล้ว ซิลูเอตของเดรสยังตัดกับซิลูเอตของกางเกงอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นกางเกงทรงตรง กางเกงทรงขากว้าง กางเกงทรงพอดีตัว (Slim Fit) หรือกางเกงทรงบอยเฟรนด์ก็ตาม แต่อาจต้องเลือกระดับความยาวของกางเกงให้อยู่บริเวณเหนือข้อเท้า เพื่อไม่ให้รู้สึกขัดกันกับเดรสสั้น

     แต่หากจำเป็นต้องใช้เดรสสั้นที่มีความอยู่ทรง ไม่พลิ้ว ขอแนะนำให้เลือกเป็นเดรสทรงเอ (A-Line) เพื่อให้ช่วงปลายเดรสมีพื้นที่บานออกเล็กน้อย และกางเกงที่นำมาจับคู่ได้ต้องเป็นกางเกงทรงเล็กอย่างกางเกงเลกกิ้ง กางเกงสกินนี่ กางเกงทรงพอดีตัว หรือกางเกงทรงบู๊ตคัตที่แคบช่วงบนแล้วช่วงปลายขากว้างเล็กน้อย ควรหลีกเลี่ยงกางเกงทรงหลวมหรือกางเกงขากว้าง และหากในตู้เสื้อผ้ามีเพียงเดรสทรง Sheath หรือทรง Peg-Top สาวๆ อาจจำเป็นต้องยอมถอดใจจากสไตล์ Dress over Pants