ระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ทุกคน ทุกวงการ ทุกอุตสาหกรรมจะต้องปรับกลยุทธ์เพื่อการอยู่รอดในภาวการณ์ระบาดไวรัส COVID-19 ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการแฟชั่นที่ยังต้องสร้างสรรค์จุดขายใหม่ที่สอดคล้องกับการปรับการใช้ชีวิตแบบ new normal ให้ทันท่วงที และมิใช่แค่เพียงในภาวะวิกฤตการณ์ที่เริ่มมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้นเท่านั้น หากต้องรองรับวิถีชีวิต ความคิด และความสนใจของผู้คนหลังจากที่ผ่านพ้นภาวะ COVID-19 ไปแล้วด้วย และนี่คือเทรนด์แฟชั่นที่เราเห็นว่าน่าสนใจหลังจากวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ผ่านพ้น

‘ไอรีน’ อินฟลูเอนเซอร์หน้าใหม่ของเมืองไทยที่ถูกสร้างจากปัญญาประดิษฐ์ (ซ้าย) Zeekit แอปพลิเคชั่นที่ถูกพัฒนาเพื่อช่วยผู้ใช้งานได้ลองเสื้อผ้าจากแหล่งเสื้อผ้าออนไลน์ได้ก่อนตัดสินใจซื้อ (ขวา) / ภาพ: WWD

Digital More and More

     การใช้ช่องทางดิจิตัลสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่นนิยมใช้มาก่อนที่จะเกิดภาวะระบาด COVID-19 แล้ว หากแต่เน้นไปที่การขยายช่องทางการขายมากขึ้นเท่านั้น แต่ในช่วงภาวะโรคระบาดที่ผ่าน เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในวงการแฟชั่นมากขึ้นหลายคนจนเกือบตามไม่ทัน เช่น การกำเนิดขึ้นของผู้แสดงแบบที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI fashion model) เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยงการแพร่เชื้อจากการใช้งานผู้แสดงแบบที่เป็นคน, เทคโนโลยีการลองเสื้อผ้าเสมือนจริง (virtual fitting) เพื่อแก้ปัญหาการไม่ได้ทดลองเสื้อผ้าผ่านช่องทางออนไลน์ หรือจะเป็นการจัดแฟชั่นโชว์รูปแบบดิจิตัลที่สามารถจัดควบคู่กับการจัดแฟชั่นโชว์จริงเพื่อให้ผู้คนจากทุกมุมโลกสามารถเกาะติดแฟชั่นโชว์พร้อมกันได้

ชุด pajamas suit ที่กลายเป็นไอเท็มนิยมในช่วง COVID-19 เพราะใส่สบาย และสามารถไปได้ทุกที่ / ภาพ: @vatanika_official

Comfort Wear

     ในภาวะโรคระบาดที่เกิดขึ้น (และหวังว่าจะผ่านพ้นไปในเร็ววัน) ทำให้ผู้คนต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในที่พักอาศัยมากขึ้น อาจจะมีบางครั้งที่ได้ออกไปข้างนอกเพื่อซื้อของใช้ หรือบางช่วงเวลาที่ผ่อนผันให้ได้ใช้ชีวิตนอกบ้านบ้าง ดังนั้นสิ่งที่ผู้คนจะมองหาจากเสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นอาจจะไม่ใช่เสื้อผ้าที่สวยงามแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจจะเพิ่มเติมฟังก์ชันที่มากขึ้น และข้อสำคัญคือความสบายเมื่อสวมใส่ เพราะคุณจะต้องใช้เสื้อผ้าทั้งอยู่ในบ้าน และยังต้องดูดีมากพอหากจำเป็นจะต้องออกนอกบ้านด้วย นั่นเป็นไปได้ว่ารองเท้าแตะที่ดูสวยงาม, ชุดสไตล์ pajamas suit, หรือชุดเดรสเรียบๆใส่สบายอาจจะกลายเป็นไอเท็มที่ได้รับความนิยมมากขึ้น

เสื้อผ้าที่เรียบง่ายช่วยประหยัดเวลาแต่งตัว และยังสามารถเพิ่มเครื่องประดับเพื่อสร้างลุคใหม่ ๆ ได้ด้วย / ภาพ: @basicstouch

Simple and perfect

     เมื่อความสะดวกสบายเป็นสิ่งที่ผู้คนมองหา ดังนั้นความเรียบง่ายแต่สมบูรณ์แบบนั้นจึงกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนคำนึงถึงสำหรับการเลือกซื้อสินค้าแฟชั่นมากกว่าชิ้นที่ถูกประดับประดาไปด้วยสิ่งประดับมากมาย ผู้คนจะสนใจที่ความเรียบง่าย ดูดี และรายละเอียดของสินค้าเพื่อที่จะสามารถนำไอเท็มนั้นไปจับกลุ่มกับไอเท็มอื่นๆและสร้างลุคที่น่าสนใจได้หลากหลายกว่า เพราะภาวะโรคระบาดที่เกิดขึ้นได้ให้บทเรียนสำคัญแล้วว่า การมีเงินเก็บ และการลงทุนกับสิ่งที่ใช้ได้ง่าย บ่อย และใช้ได้นานยิ่งดีกว่าเสมอ

สปอร์ตสไตล์ที่ได้รับแรงบันดาลมาจากหนึ่งลุคที่คุ้นตาของเจ้าหญิงไดอาน่า ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าลุคออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องอยู่ในยิมเสมอไป (ซ้าย) Pangaia แบรนด์ใหม่โด่งดังจากการออกแบบเสื้อผ้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชุดออกกำลังกาย แต่ปรับให้สวยงามมากขึ้น (ขวา) / ภาพ: Vogue France

Sport Wear

     แม้ว่าความสนใจเกี่ยวกับสุขภาพจะเป็นกระแสตั้งแต่ก่อนจะเกิดภาวะ COVID-19 แต่เชื่อได้เลยว่าหลังจากที่สภาวะการระบาดเริ่มคงที่และลดลง ความสนใจเกี่ยวกับสุขภาพและการดูแลร่างกายจะได้รับความนิยมสูงขึ้น นั่นอาจรวมถึงความนิยมเสื้อผ้ากีฬาน่าจะสูงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใส่เสื้อผ้ากีฬาในชีวิตประจำวัน เพื่อความสะดวกจากการใช้ชีวิตทำงานปกติ เพื่อไปสู่โหมดการออกกำลังกายหลังจากเลิกงาน คุณอาจจะได้เห็นการสะพายกระเป๋าแบบ gym bag, ได้เห็นรองเท้าออกกำลังกาย, ได้เห็นกางเกงเลกกิ้ง และสปอร์ตบราเข้ามาเป็นองค์ประกอบการแต่งตัวของผู้คนมากขึ้นนับจากนี้ก็เป็นได้

เสื้อผ้ามือสองคืออีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ยังสนุกกับการแต่งตัว / ภาพ: The New York Times

Sustainable Fashion

     กระแสแฟชั่นเพื่อความยั่งยืนนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ หากแต่เป็นเรื่องที่ถูกยกมาพูดถึงในวงการแฟชั่นมากกว่า 10 ปี และยิ่งมากขึ้นเมื่อกระแสการรณรงค์สิ่งแวดล้อมโดยเยาวชนนักรณรงค์เกรต้า ธันเบิร์กเข้ามาตอกย้ำประเด็นนี้ให้เกิดความตระหนักเป็นวงการในโลกแฟชั่น คาดว่าหลังจากวิกฤตการณ์โรคระบาดนี้ผ่านพ้นไปจะยิ่งทำให้ผู้บริโภคสินค้าแฟชั่นตระหนักรู้ถึงความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ผู้คนจะมองหาจากสินค้าแฟชั่นจะมองที่อรรถประโยชน์ การใช้งานที่คุ้มค่า และความตระหนักรู้ของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สาเหตุมาจากผู้คนได้มีเวลาศึกษา ไตร่ตรอง และตระหนักถึงผลเสียที่มนุษย์กระทำต่อธรรมชาติมากขึ้นนั่นเอง

     บทเรียนที่ได้จากวิกฤตการณ์ COVID-19 นี้อาจนับได้ว่าเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ให้กับทั้งผู้คน และธุรกิจต่าง ๆได้ตระหนักถึงการวางแผน และตั้งสติในทุกสถานการณ์ และที่สำคัญคือการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที เราขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่อาจจะท้อ หรือหมดแรงจะสู้ต่อกับวิกฤตครั้งนี้ให้ยังพอมีแรงที่จะก้าวต่อไปในทุกวัน เพราะเชื่อเหลือเกินว่าวิกฤตครั้งนี้กำลังจะผ่านไปแล้วแน่นอน

               

ข้อมูล:

criteo.com

washingtonpost.com

nbcnews.com