blazer
FASHION

ลิสต์ 5 ประเภท 'เบลเซอร์' ไอเท็มแฟชั่นที่มีติดกรุไว้ ยังไงก็ใส่ได้คุ้ม!

เหตุผลที่ไม่ว่าใครก็ควรมีเบลเซอร์ตัวเก่งติดตู้เสื้อผ้าไว้สักหนึ่ง!

     เบลเซอร์คือเสื้อแจ็กเก็ตประเภทหนึ่งที่มีหน้าตาคล้ายเสื้อสูท นับเป็นไอเท็มแฟชั่นที่มีติดกรุไว้แล้วคุ้มค่าแน่นอนเพราะสามารถนำไปแมตช์กับไอเท็มต่างๆ ได้มากมาย และครีเอตลุคได้หลากหลายทั้งลุคทางการ ลุคสมาร์ตแคชชวล ไปจนถึงลุคแฟชั่นชิกๆ เบลเซอร์จึงเป็นสิ่งที่หลายคนมีติดตู้เสื้อผ้าไว้ ไม่ใช่แค่ตัวเดียวหรือสีเดียวเท่านั้น เพราะนอกจากทรงพื้นฐานแล้ว เบลเซอร์ก็ยังแบ่งได้อีกหลายประเภทหลายดีไซน์ตามวิวัฒนาการของแฟชั่น ซึ่งวันนี้โว้กจะพาไปทำความรู้จักให้มากขึ้น พร้อมทิปส์การแต่งตัวกับเบลเซอร์แต่ละแบบอย่างไรได้บ้าง

 

 

1. เบลเซอร์ทรงครอป (Cropped Blazer) 

     เสื้อเบลเซอร์ทรงครอปจะมีความสั้นกว่าเบลเซอร์สไตล์คลาสสิก (สั้นระดับช่วงเอว) โดยสามารถแบ่งย่อยเป็นอีก 4 ดีไซน์ คือ Bolero (เบลเซอร์สั้น ไม่มีปก เปิดด้านหน้า ไม่มีกระดุม), Square (เบลเซอร์สั้น ชายเสื้อแคบ และด้านหน้าตั้งตรงในแนวตั้ง), Peplum (เบลเซอร์สั้น มีตะเข็บรอบเอว) และ Buttoned (เบลเซอร์สั้น มีกระดุม ติดแล้วทรงจะดูพอดีตัว) ซึ่งเบลเซอร์ครอปเป็นสไตล์ที่เป็นลำลอง ใส่ง่าย จะเอาไปแมตช์กับกางเกงหรือกระโปรงเอวสูงจะช่วยสร้างภาพให้ช่วงขาดูยาว และลำตัวดูสูงโปร่งมากขึ้น 

 



WATCH




 

2. เบลเซอร์ระดับเหนือสะโพก (High Hip Blazer)

     เบลเซอร์ที่ชายเสื้ออยู่ระดับเหนือสะโพก หรืออยู่ต่ำกว่าแนวสะดือประมาณ 2-3 นิ้ว มักมาพร้อมดีไซน์กระเป๋าด้านหน้าและแขนที่ยาวระดับเดียวกับชายเสื้อ ถือเป็นสไตล์เบลเซอร์ที่เหมาะมากสำหรับแมตช์กับกระโปรง ชุดเดรส หรือกางเกงขายาว เนื่องจากค่อนข้างดูเป็นทางการ ส่วนใหญ่จึงนิยมเป็นตัวเลือกสำหรับแมตช์ลุคที่ต้องการความสุภาพ เช่น ลุคสาวออฟฟิศไปทำงาน ไปสัมภาษณ์งาน หรือออกงานทางการ แต่เพราะแฟชั่นไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ดังนั้นจะหยิบเบลเซอร์ตัวนี้มาใส่ลุคอื่นๆ ก็ไม่ถือว่าผิดแต่อย่างใด

 

 

3. เบลเซอร์แบบคลาสสิก (Classic Blazer)

     เบลเซอร์สไตล์คลาสสิกสังเกตได้ง่ายๆ ที่ชายเสื้อเบลเซอร์จะมีระยะห่างจากเป้าประมาณ 2-3 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับความยาวลำตัว) ส่วนชายเสื้อและช่วงปลายแขนเสื้อจะมีความยาวใกล้เคียงกัน ดีไซน์โดยทั่วไปมักมาพร้อมกับปกเสื้อ กระเป๋า และกระดุม ถึงแม้เบลเซอร์คลาสสิกนี้จะมีรูปแบบดั้งเดิมและดูเป็นทางการมากทีเดียว แต่ใช่ว่าจะหยิบมารังสรรค์ลุคสุดแฟชั่นไม่ได้ เพราะเมื่อลองหยิบเบลเซอร์ตัวเดิมมาแมตช์เข้ากับเสื้อครอปหรือเกาะอกก็จะปรับลุคให้ดูเปรี้ยวแซ่บขึ้นทันที

 

 

4. เบลเซอร์แบบยาว (Longline Blazer)

     ลองไลน์คือเบลเซอร์ที่มีความยาวมากกว่าแบบคลาสสิก นิยมใส่เป็นลุคสมาร์ตแคชชวล ไม่เน้นให้ดูเป็นทางการ โดยทั่วไปแล้วเบลเซอร์ประเภทนี้จะมีความยาวใต้เป้าไปจนถึงเข่าได้เลยขึ้นอยู่กับความต้องการ ส่วนเรื่องของดีไซน์ก็ค่อนข้างมีความหลากหลายทั้งรูปแบบของปกเสื้อ กระดุม และกระเป๋า จึงเป็นสไตล์เบลเซอร์ที่มีความอเนกประสงค์ ใส่ได้หลายโอกาส สามารถเลือกมารังสรรค์เป็นลุคเท่ๆ ลุคสวยแพง หรือลุคแคชชวลสบายๆ ก็ยังได้

 

 

5. เบลเซอร์โอเวอร์ไซซ์ (Oversized Blazer)

     ชั่วโมงนี้ต้องยกให้เบลเซอร์ทรงโอเวอร์ไซซ์เป็นที่หนึ่ง โดยลักษณะเด่นคือมีขนาดที่ใหญ่ ใส่แล้วดูหลวมโคร่ง นับเป็นเทรนด์มาแรงทั้งสายฝอ สายเกา(หลี) และเหล่าเซเลบฯ ได้ยกขบวนมาใส่อวดโฉมกันมากมาย โดยเบลเซอร์โอเวอร์ไซซ์สามารถหยิบมาครีเอตลุคชิกๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแมตช์กับกางเกงขายาวกระบอกใหญ่ในลุคแนวสตรีต หรือจะแมตช์กับไอเท็มสไตล์ยิม เช่น ชุดออกกำลังกายและสนีกเกอร์สักคู่จะได้เป็นลุคสปอร์ตตี้เท่ๆ เป็นต้น เรียกว่าแมตช์ลุคได้เยอะ ไม่จำเจ มีติดกรุใส่คุ้มอย่างแน่นอน

 

WATCH

คีย์เวิร์ด: #Blazer