CELEBRITY
นางฟ้าวิกตอเรีย Liu Wen หมากตัวสำคัญผู้ถางทางรันเวย์ให้กับนางแบบชาวเอเชียรุ่นหลังความสำคัญของหลิว เหวิน ผู้ปูทางให้กับนางแบบภาคพื้นเอเชียได้มีโอกาสชิงแสงสีบนรันเวย์ |
แม้รันเวย์แห่งนางฟ้า Victoria's Secret จะปิดตัวไปแล้วอย่างเป็นทางการ หากต้องยอมรับว่าแบรนด์นี้เองมีส่วนช่วยในการผลิตนางแบบรุ่นท็อประดับโลกมากมายมาประดับวงการทั้ง Miranda Kerr, Candice Swanepoel, Adriana Lima, Gisele Bündchen, Rosie Huntington-Whiteley และ Liu Wen ผู้ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อนางแบบชาวเอเชียในอุตสาหกรรมนี้ ในบทความนี้เองเราจะพาทุกคนไปย้อนรอยจุดเริ่มต้นและความสำคัญของหลิว เหวิน ผู้ที่ปูทางให้กับนางแบบภาคพื้นเอเชียได้มีโอกาสชิงแสงสีบนรันเวย์เฉกเช่นคนอื่นๆ
Liu Wen คือสาวชาวจีนขายาวผู้มีใบหน้าโฉบเฉี่ยวและรอยยิ้มสดใส เธอมาพร้อมท่วงท่าการเดินที่แสนจะมั่นใจ และไม่เก้อเขินสักนิดยามต้องแชร์รันเวย์ร่วมกับนางแบบที่ส่วนมากเป็นผิวขาวผมบลอนด์กว่าอีก 20 ชีวิต หลิวคือคนสำคัญแห่งวงการนางแบบในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะวงการของนางฟ้าวิกตอเรียซีเคร็ต การเข้ามาของเธอช่วยดึงดูดความสนใจของเหล่าโปรดิวเซอร์ผู้เฟ้นหาสาวๆ มากหน้าหลายตาที่จะเข้ามาเป็นภาพลักษณ์ความเป็นนางฟ้าวิกตอเรียได้ดี หลิวทำให้โลกนางแบบได้เห็นว่าทวีปเอเชียนั้นมีอัญมณีงดงามอีกหลายชิ้นที่รอการค้นพบ และเธอก็เบิกฤกษ์ให้วงการได้เห็นถึงความสามารถของสาวเอเชียในเวลาต่อมาด้วยเช่นกัน
ภาพ: Model.com
จุดเริ่มต้นของหลิวนั้นเรียบง่ายไม่ได้หวือหวา เธอเป็นเด็กหญิงชาวจีนจากครอบครัวชนชั้นกลางทั่วไปที่โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ ด้วยรอยยิ้มสดใสไร้เดียงสากับส่วนสูงมากถึง 180 ซม. วัยเด็กไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่าเด็กคนอื่นๆ หากเธอได้โอกาสเริ่มต้นการเป็นนางแบบสมัครเล่น เนื่องมาจากแม่ของเธอสนับสนุนให้เธอลงสนามนางแบบด้วยความต้องการเดียวคืออยากให้หลิวนั้นมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น เพราะความสูงของเธอมันบดบังคนอื่นจนทำให้เธอติดการเดินหลังค่อมอยู่บ่อยครั้ง
แม้ในวัย 17 ปีเธอจะสามารถคว้ารางวัลรอบรองชนะเลิศการประกวดนางแบบจากงาน New Silk Road World ในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน มาเป็นเครื่องการันตีได้ หากเส้นทางการเดินแบบดูไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เธอโดนปฏิเสธจากงานเดินแบบและถ่ายแบบจำนวนมาก ด้วยใบหน้าและรูปร่างของเธอไม่ได้เป็นที่นิยมในด้านการโฆษณาของประเทศจีนเท่าไหร่นักในช่วงนั้น แต่ในเมื่อประเทศจีนไม่ใช่แหล่งอาหารของเธอ หลิวจึงออกเดินทางหอบสัมภาระข้ามโลกเพื่อมาตามฝันในเมืองใหญ่ประเทศสหรัฐฯ เมืองที่มากไปด้วยหญิงสาวหุ่นสูงเพรียวและต้องการจะเป็นนางแบบอีกเป็นล้านๆ คน สถานที่แห่งโอกาสและการแย่งชิงแสงสีจึงเกิดขึ้น
ภาพ: Burberry
ในปี 2008 เธอได้โอกาสเดินแบบที่มิลานแฟชั่นวีก โดยมี Burberry เป็นแบรนด์แรกที่ให้โอกาสชาวเอเชียผิวเหลืองคนนี้ได้ส่องแสงบนรันเวย์ หนึ่งอาทิตย์ต่อมามีแบรนด์ดังมากมายจ่อคิวให้เธอไปร่วมเดินแบบด้วยทั้ง Chanel, Jean Paul Gaultier และ Hermès ที่ปารีส และนั่นเป็นเหมือนการให้คิวจากผู้กำกับ เพราะต่อจากช่วงเวลานั้นนักแสดงหลักอย่างหลิวก็ได้เวลาเริ่มฉายแสง เธอขยายพอร์ตโฟลิโองานของเธอให้แน่นขึ้น ร่วมเดินแบบให้กับแบรนด์ดังจำนวนมากทั้ง Calvin Klein, Dolce & Gabbana, Roberto Cavalli, Oscar de la Renta เป็นต้น ต่อเนื่องด้วยการร่วมงานกับนิตยสารแฟชั่นแถวหน้าทั้ง Vogue, GQ, V Magazine, Harper's Bazaar, Pop Magazine, Allure, i-D และอีกมากมาย
WATCH
ภาพ: Vogue US
พอร์ตแน่นโปรไฟล์เริ่ดพาเธอก้าวสู่ปีทองแห่งชีวิตนั่นคือปี 2009 แบรนด์วิกตอเรียซีเคร็ตตกลงเลือกเธอมาร่วมงานบนรันเวย์แห่งนางฟ้า นับเป็นครั้งแรกของแบรนด์ที่เปิดโอกาสความหลากหลายบนพื้นที่รันเวย์ให้ชาวเอเชียได้มาปล่อยของบ้าง และหลิวก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง เธอเข้ามาเบรกความเลี่ยนของสาวผมทองผิวขาวแบบบอมเชล และสร้างความสมดุลให้รันเวย์ดูมีความหลากหลายและสวยงามมากขึ้น จากนั้นในทุกปีที่เหล่านางฟ้าวิกตอเรียต้องออกมาเดินยักย้ายส่ายสะโพกโปรยยิ้มหวาน แฟนๆ ที่เกาะขอบจอโทรทัศน์ต่างก็ตั้งตารอดูสาวหมวยอินเตอร์คนนี้ด้วยเช่นกัน นี่เองที่ทำให้เธอได้ปีกนางฟ้าและร่วมเดินรันเวย์ติดกันตั้งแต่ปี 2010-2012 และปี 2016-2018 เธอกลายมาเป็นหมากตัวสำคัญผู้บุกเบิกเส้นทางความฝันในการเป็นนางแบบให้บรรดาหญิงผิวเหลืองคนอื่นๆ ในช่วงเวลานั้น
หลิวถางทางให้นางแบบชาวเอเชียคนอื่นๆ ได้เจริญรอยตาม และได้แสดงให้แบรนด์เห็นถึงความสวยงามที่หลากหลายของสุภาพสตรีต่างเชื้อชาติ ภาคพื้นเอเชียเองก็อุดมไปด้วยหญิงงามสูงชะลูดและมีความสามารถไม่ต่างกัน ไม่นานจากนั้นโปรดิวเซอร์ของแบรนด์จึงเริ่มต้นการค้นหาอย่างจริงจังนับแต่นั้น และนั่นทำให้เราได้เห็นทัพของสาวเอเชียบนรันเวย์วิกตอเรียกันอย่างหนาตาในเวลาต่อมา คนที่สองที่ได้เหยียบรันเวย์นี้คือ Sui He เธอเดินแบบให้กับแบรนด์ในปี 2011 เป็นปีแรก ตามมาด้วย Qin Shupei ปี 2012, Ming Xi ปี 2013, Xiao Wen Ju ปี 2016, Estelle Chen ปี 2017
เช่นเดียวกับที่แบรนด์เองมองหาชาวอินเดียหน้าคมมาร่วมทัพ โดยมี Monikangana Dutta เป็นสาวอินเดียคนแรก และ Ujjwala Raut เป็นคนที่สอง สำหรับชาวฟิลิปปินส์คนแรกที่เป็นนางฟ้าคือ Kelsey Merritt เธอร่วมเดินในปี 2018 และลามมาถึงอีกหนึ่งชาวจีนอย่าง Yang Mi และชาวเกาหลีใต้ Hwang Hyun-Joo ที่ภายหลังแม้ทั้งคู่จะไม่ได้ร่วมเดินรันเวย์เพราะแบรนด์ยกเลิกไปแล้ว แต่ก็ได้มาเป็นเฟซในการถ่ายแคมเปญร่วมกับคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ภาพ: Alamy
ความเก่งของหลิวไม่ได้มีแค่การนำทัพชาวเอเชียบนศึกวิกตอเรียซีเคร็ตเท่านั้น แต่เธอยังบุกเบิกเป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้ไปยืนบนหน้าปกนิตยสารแฟชั่นผู้ทรงอิทธิพลอย่าง Vogue US แล้ว ไหนจะในปี 2013 นิตยสาร Forbes ยังจัดให้เธอเป็นนางแบบชาวเอเชียคนแรกที่ติดอันดับนางแบบที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกในลำดับที่ 5 และเป็นนางแบบเชื้อสายเอเชียที่อยู่อันดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ตลอดกาล
ไม่ใช่ว่าใครก็จะได้ตำแหน่ง “ซูเปอร์โมเดล” มากันได้ง่ายๆ แต่หลิวเป็นอีกหนึ่งคนที่ควรค่าแก่การที่ใครๆ จะยกย่องเธอในแบบนั้น เธอไต่เต้าขึ้นมาถึงจุดนี้ด้วยความสามารถของเธอเองทั้งสิ้น เธอวิ่งวุ่นสับขาไปมาระหว่างโชว์ในช่วงแฟชั่นวีก เธอเปล่งประกายอย่างเต็มที่บนรันเวย์แห่งนางฟ้า และเผยด้านเท่ๆ ยามต้องถ่ายแบบให้กับแบรนด์ดังมากมาย หนำซ้ำยังเป็นแรงบันดาลใจให้หญิงเอเชียอีกจำนวนมาก ว่าความฝันเป็นจริงได้เสมอเพียงแค่คุณมองเห็นมันให้ชัด กอดมันไว้ให้แน่น แล้วมุ่งไปให้สุดพลังก็เท่านั้นเอง
ข้อมูล : South China Morning Post, Forbes
WATCH