เก่ง หฤษฎ์ บัวย้อย Vogue Thailand
CELEBRITY

รู้จัก 'เก่ง-หฤษฎ์ บัวย้อย' นักแสดงหนุ่มมากความสามารถ ที่แจ้งเกิดได้ด้วยฝีมือการแสดง!

การที่ใครสักคนจะก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักและจดจํา ในวงการบันเทิงไทยที่มีนักแสดงเก่งๆ เดินกันขวักไขว่ในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ เก่ง-หฤษฎ์ บัวย้อย ผู้รับบท จิ่งนะ ในภาพยนตร์เรื่อง วิมานหนาม ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาสอบผ่าน #VogueThailandNovember22024 #VogueMen

ช่างภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช

สไตลิสต์: ตะวัน ก้อนแก้ว

นายแบบ: หฤษฎ์ บัวย้อย

แต่งหน้า: ชัญญานุช วรภัคปรีดากุล

ทำาผม: วาสนา คำาลีมัด

เรื่อง: ปวีณา บัลลพ์วานิช

-----------------------------------------------------------------------

     การที่ใครสักคนจะก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักและจดจำในวงการบันเทิงไทยที่มีนักแสดงเก่งๆ เดินกันขวักไขว่ในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ เก่ง-หฤษฎ์ บัวย้อย ผู้รับบท “จิ่งนะ” ในภาพยนตร์เรื่อง วิมานหนาม ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาสอบผ่าน

     Vogue: ช่วยเล่าถึงการเดินทางเข้ามาในสายงานบันเทิงให้โว้กฟังหน่อย

     Keng: น่าจะเริ่มมาจากช่วงแรกที่เข้ามหาวิทยาลัย ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรียนเป็นครูที่มหาวิทยาลัยพะเยา และมีโอกาสได้เป็นตัวแทนประกวดดาว-เดือน ตอนนั้นผมเป็นเด็กขี้อายมากและส่วนตัวก็ไม่ได้อยากประกวด แต่สุดท้ายก็จับพลัดจับผลูได้เป็นตัวแทนคณะไปประกวดจนชนะ และพอดีว่ากรรมการในวันนั้นกำลังหาเด็กหน้าใหม่เข้าวงการ เขามาถามผมว่าอยากเข้าวงการบันเทิงไหม ตอนนั้นผมอยากหาเงินช่วยที่บ้านและอยากหาเงินเองเลยตัดสินใจมากรุงเทพฯ จำได้ว่าตอนนั้นประมาณปี 1 ได้ไปแคสติ้งงาน เริ่มมีความหวังว่าอยากทำงานสายนี้ แต่เราติดแค่รอบ 30 คนเลยไม่ได้ไปต่อ หลังจากนั้นผมก็ทำงานมาเรื่อยๆ จนมาถึงช่วงโควิดก็เลยตัดสินใจเซ็นสัญญากับบริษัท Red Modelling ทำงานไปได้สักพักเริ่มรู้สึกว่าค่าใช้จ่ายที่กรุงเทพฯ มันแพง ทั้งค่าคอนโด ค่าอาหารการกิน แพงไปหมด ผมเลยตัดสินใจกลับบ้านเพื่อจะกลับไปเรียนต่อครู เพราะคิดว่าสวัสดิการดีกว่า มั่นคงมากกว่า วันหนึ่งมีคนจากบริษัท ดูมันดีติดต่อมาว่าอยากมาลองแคสติ้งซีรีส์ไหมแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นซีรีส์อะไร พอดีตอนนั้นก็มีภาพยนตร์ติดต่อเข้ามาด้วย พี่ออมที่เป็นแคสติ้งติดต่อมาบอกว่ามีบทหนึ่งที่ตรงกับคาแร็กเตอร์ของเรา ผมเลยลองไปแคสติ้งดู ซึ่งบทนั้นก็คือจิ่งนะ นั่นคือจุดเริ่มต้นงานในวงการบันเทิงของผมครับ

     V: จากคนที่ไม่เคยแสดงหนังเลย รู้สึกกดดันระหว่างการถ่ายทำบ้างหรือเปล่า 

     K: กดดันมากครับ ตั้งแต่รู้ว่าจะได้เล่นกับพี่อิงฟ้า ตั้งแต่รู้ว่าเป็นภาพยนตร์ของจีดีเอช แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง ทั้งๆ ที่ไม่รู้เลยว่ามันจะออกมาดีหรือไม่ดี แต่ผมอยากทำให้เต็มที่กับทุกโอกาสที่เข้ามา และด้วยความที่ผมเสพผลงานของจีดีเอชมาเยอะมาก ผมจะรู้ว่ามาตรฐานของจีดีเอชเขาขนาดไหน ผมก็เลยใส่เต็มที่

     V: บทจิ่งนะสอนอะไรให้กับเก่งในชีวิตจริงบ้าง

     K: ผมว่าจิ่งนะสอนการใช้ชีวิตให้ผมได้ดีมากๆ ทำให้เราย้อนกลับไปดูตัวเองในวันที่เรายังไม่ได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง สอนให้เรารู้จักใช้ชีวิตเพราะจริงๆ แล้วชีวิตผมเป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก ไม่ได้ใช้ชีวิตหวือหวาอะไร หรือตั้งเป้าหมายอะไรที่ยิ่งใหญ่ เราแค่รู้สึกว่าเราใช้ชีวิตเพื่อที่จะได้มีความสุขกับสิ่งรอบๆ ตัว อยู่กับครอบครัว อยู่กับคนที่เรารัก แต่พอเราได้มาทำงานในกรุงเทพฯ มีอะไรหลายๆ อย่างให้เราต้องโฟกัส ทั้งเรื่องงาน เพื่อนร่วมงาน ผลงานที่เราต้องทำออกมา และยังมีความคาดหวังจากพี่ๆ ที่เป็นแฟนคลับเราอีกด้วย ทำให้บางทีเราก็ลืมตรงนั้นไปเพราะเราทำงานเยอะ ต้องคิดเรื่องอื่นมากมาย แต่พอผมนึกถึงจิ่งนะ ก็ทำให้ตัวเองได้กลับไปโฟกัสในจุดที่เราเคยอยู่เคยเป็น ความรู้สึกนึกคิดต่างๆ ก่อนจะมาเป็นนักแสดงผมว่าผมมีความคิดที่เป็นแพตเทิร์นคล้ายกับจิ่งนะมากๆ คือจะมองความสุขรอบตัว อะไรที่ง่ายๆ กินง่าย นอนง่าย อยู่ง่าย แต่พอเราเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง มันมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับงานของเรา และเกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ของเราด้วย 



WATCH




     V: จากการทำงานที่ผ่านมา เก่งคิดว่าอยากพัฒนาตัวเองไปในด้านไหน
     K: ผมว่าผมเป็นน้องใหม่ในวงการมากๆ และผมคิดว่าช่วงนี้แหละเป็นช่วงที่ผมต้องเรียนรู้ เหมือนต้นไม้ คือเป็นช่วงที่เรากำลังปรับตัวให้เข้ากับดิน เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ ผมพร้อมที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ อะไรอีกหลายอย่างที่ผมยังไม่เคยทำ ถ้าถามว่ามีเรื่องที่ผมโฟกัสและสนใจไหม ก็มีอยู่นะแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ผมวางมันไว้ในอนาคตไกลๆ เลย สำหรับตอนนี้ผมอยากลองทำงานทุกอย่างในสายบันเทิง ผมว่าเป็นช่วงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ผมเลยอยากเก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุด

     สามารถตามไปชมแฟชั่นเซ็ตเต็มและบทสัมภาษณ์เจาะลึกได้ในคอลัมน์ Vogue Men นิตยสารโว้กประเทศไทย ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2024 

WATCH