HIWWHEE Official
CELEBRITY

วิเคราะห์ 'แก๊งหิ้วหวี' กลุ่มอินฟลูเอ็นเซอร์สุดฮอต ที่กำลังครองโลกโซเชียลมีเดียของประเทศไทย!

ไม่อาจมีใครปฏิเสธได้ว่า 'แก๊งหิ้วหวี' คือกลุ่มอินฟลูเอ็นเซอร์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกโซเชียลมีเดียไทยตอนนี้ และยังคงสร้างปรากฏการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งบน Youtube วงการเพลง วงการบันเทิง วงการแฟชั่น และวงการบิวตี้ ไม่รู้จบ!

     ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อน บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Youtube ปรากฏรายการ ‘หิ้วหวีไป หิ้วหวีมา’ รายการพาเที่ยวแนวใหม่ที่เป็นการรวมตัวกันของแก๊งเพื่อน 4 คน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นยูทูเบอร์สายแต่งหน้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งสิ้นในเวลานั้น อันประกอบไปด้วย นัท-นิสามณี, มิ๊กซ์ เฉลิมศรี, เอแคลร์ จือปาก และ ตูน Alie Blackcobra ที่ตกลงปลงใจเปิดรายการท่องเที่ยวใหม่บนยูทูบ ที่เนื้อหารายการไม่ได้มีแก่นสำคัญเพียงแค่พาผู้ชมไปเที่ยวตามที่ต่างๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นรายการท่องเที่ยวที่สะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพของแก๊งเพื่อน เช่นเดียวกันกับที่รายการ ‘เทยเที่ยวไทย’ เคยกรุยทางเอาไว้ให้ก่อนหน้านี้ จนเกิดเป็นยุคทองของรายการท่องเที่ยวของกลุ่ม LGBTQ+ แนวใหม่ที่โด่งดัง ก่อนทั้ง 4 คนนี้ซึ่งนิยามตัวเองว่าเป็น ‘แก๊งหิ้วหวี’ จะรับไม้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน

     หนึ่งในความน่าสนใจของรายการ หิ้วหวีไป หิ้วหวีมา ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละตอน แต่เป็นคอนเทนต์ที่แสดงออกมาจากตัวตนที่แตกต่างน่าสนใจของทั้ง 4 คน ที่นับว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมุมมองในการแสดงออกตัวตน, คอนเทนต์ประจำตัวของแต่ละคน เรื่อยไปจนถึงแฟชั่นจัดจ้าน ที่สามารถดึงดูดกลุ่มคนขนาดใหญ่ที่กำลังตามหาความสนุกสนานให้กับชีวิต ได้เดินหลงเข้าไปในอาณาจักรของหิ้วหวีจนยากจะถอนตัว กระทั่งที่กลายเป็นปรากฏการณ์บนโลกโซเชียลมีเดีย ให้คนนับล้านพูดถึงแก๊งหิ้วหวีมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแง่ของความชื่นชอบ การวิพากษ์วิจารณ์ หรือแม้แต่ประเด็นดราม่า ซึ่งเมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว นั่นเองคือ ‘โอกาส’ ที่สปอตไลต์จะส่องถึงพวกเธอทั้ง 4 คน ซึ่งพวกเธอก็เล็งเห็นและบริหารต่อยอดแสงสปอตไลต์ที่ส่องมาถึงพวกเธอได้อย่างน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

     แก๊งหิ้วหวีไม่ได้จมปลักอยู่เพียงแค่กับรายการ หิ้วหวีไป หิ้วหวีมา เท่านั้น แต่พวกเธอยังขยับไปทำรายการ หิ้วหวี หิวโว้ย ที่เป็นรายการทำอาหารที่น่าสนใจอีกมิติหนึ่ง แต่ยังคงแก่นสำคัญของการนำเสนอไวบ์แบบแก๊งเพื่อนเป็นกันเอง อีกทั้งพวกเธอก็ยังคงไม่ทิ้งและเดินหน้าสร้างความแข็งแรงให้กับแพลตฟอร์มส่วนตัวของแต่ละคนอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม Youtube ที่มีทั้งคอนเทนต์เกี่ยวกับบิวตี้ แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ ที่ทำให้เหล่าแฟนคลับได้เห็นด้านที่แตกต่างออกไปของแต่ละคนชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างความถี่และเพิ่มการมองเห็นของการลงคอนเทนต์บนโลกออนไลน์ ให้ใบหน้าของพวกเธอไม่หายไปไหน แม้ในวันที่ไม่มีรายการกลุ่มออนแอร์บนโลกโซเชียลก็ตาม กลยุทธ์นี้เองที่ทำให้แก๊งหิ้วหวีกลายเป็นเหมือนเพื่อนของผู้ชมที่ไม่ว่าจะเปิดโซเชียลมีเดียมาเมื่อไหร่ก็เจอ

     จากรายการบน Youtube สู่การต่อยอดด้านธุรกิจและความสามารถด้านอื่นๆ ที่น่าสนใจ แก๊งหิ้วหวีไม่เพียงประสบความสำเร็จในแง่ของการทำรายการบน Youtube เท่านั้น แต่พวกเธอทั้ง 4 คนยังต่อยอดสู่ธุรกิจเพื่อสร้างเม็ดเงินได้อย่างชาญฉลาดกับ ZHE Cosmetics ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เป็นการร่วมหุ้นกันของทั้ง 4 คนที่ติดตลาดมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่รวมถึงธุรกิจส่วนตัวของแต่ละคนที่ถูกต่อยอดออกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่บิวตี้ไอเท็ม, สกินแคร์ และอาหารเสริม หรือแม้แต่การจัดอีเว้นต์วันเกิดสุดไอคอนิกที่ล้วนแล้วแต่ติดตลาดผู้ชมทุกครั้งไป ทำให้รากฐานของแก๊งหิ้วหวีนั้นแข็งแรงมากขึ้นไปอีกขั้น และพวกเธอก็ยังคงสร้างสรรค์ธุรกิจออกมาในตลาดอีกเรื่อยๆ ไม่รู้จบ

     ไม่เพียงเท่านั้น เพราะแก๊งหิ้วหวียังได้สร้างสิ่งที่เรียกว่า “คอมมูนิตี้” ให้แผ่ขยายกว้างออกไปเพื่อเพิ่มความหลากหลายและความแข็งแรงให้กับแก๊งได้อย่างชาญฉลาด ด้วยการดึงเอาตัวละครกลุ่มเพื่อนหลังกล้องมาไว้หน้ากล้องให้ได้กลายเป็นที่รู้จักของสังคมโลกโซเชียลมีเดีย ดังที่เราได้เห็นกันแล้วว่าตอนนี้เมื่อใครก็ตามพูดถึงแก๊งหิ้วหวีขึ้นมากลางโต๊ะสนทนา ก็คงจะไม่ได้นึกถึงเพียงแค่ 4 คนที่กล่าวไปข้างต้นเท่านั้นอีกต่อไป และเมื่อมีตัวละครเพิ่มขึ้น การสร้างคอนเทนต์ให้มีความหลากหลายก็เป็นเรื่องที่ท้าทายและสนุกกว่าเดิมเป็นไหนๆ หนึ่งในปรากฏการณ์ที่ทำให้หลายคนต้องยอมรับถึงความคิดสร้างสรรค์และอิทธิพลของแก๊งหิ้วหวี ก็เห็นจะหนีไม่พ้นปรากฏการณ์เพลง ‘เลือดกรุ๊ปบี’ ของ เอิ้ก ชาลิสา หนึ่งในเพื่อนสนิทของแก๊งหิ้วหวี ที่บัดนี้เพลงดังกล่าวกวาดยอดผู้ชมไปมากกว่า 39 ล้านวิวแล้ว และน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นแรกๆ ที่ทำให้วัฒนธรรมของแก๊งหิ้วหวีกลายเป็น Pop-Culture บนสื่อกระแสหลัก ทั้งรายการทอล์กโชว์ เกมโชว์ เรื่อยไปจนถึงรายการเพลง และยังสามารถดึงดูดกลุ่มแฟนคลับใหม่ให้หันกลับมาทำความรู้จักกับแก๊งหิ้วหวีมากขึ้นจากเดิมเป็นเท่าตัว อีกทั้งยังส่งให้ มิกซ์ เฉลิมศรี กลายเป็นนักแต่งเพลงอีกหนึ่งคนที่หาตัวจับยาก และไม่ว่าจะส่งเพลงอะไรออกมาผ่านผลงานของเพื่อนๆ สมาชิกหิ้วหวีและตัวเธอเอง ก็จะได้รับความนิยมและเป็นกระแสอยู่เสมอ อย่างเช่นเพลง 'เมร่อน' ของเอแคลร์ที่กลายเป็นเพลงสุดฮิตในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา และทำให้ได้ร่วมงานกับศิลปินชื่อดังอีกหลายสิบชีวิต กระทั่งที่ล่าสุดยังได้เปิดค่ายเพลงในชื่อ WAN LOVE จริงๆ ขึ้นมาแล้วเรียบร้อย เพื่อเดินหน้าปั้นศิลปินยุคใหม่ที่หลายคนต้องจับตามอง

     ความหลากหลายและความครบครันของคอนเทนต์ที่แก๊งหิ้วหวีสร้างสรรค์ขึ้นมาในทุกๆ ด้านนั้น ทำให้ผู้เขียนเชื่อแน่ว่าปรากฏการณ์แก๊งหิ้วหวีจะยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับโลกโซเชียลมีเดียไทย ทว่าในแง่หนึ่งที่น่าชื่นชมและเป็นด้านที่ผู้เขียนต้องการที่จะสะท้อนให้ผู้อ่านได้เห็นก็คือ ปรากฏการณ์แก๊งหิ้วหวีไม่ได้อาศัยเพียงคาแร็กเตอร์จัดจ้านของสมาชิกแต่ละคน, ความคิดสร้างสรรค์สุดบรรเจิด, ความเข้าใจในตลาดโลกโซเชียลมีเดีย, หัวธุรกิจด้านการค้าเป็นเลิศ หรือพรสวรรค์ในการหยิบจับคอนเทต์เท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความกล้าที่จะเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่างหนึ่ง จนทำให้ ‘แก๊งหิ้วหวี’ กลายเป็นเทรนด์เซ็ตเตอร์แห่งโลกโซเชียลมีเดียตัวจริงของประเทศไทยอย่างทุกวันนี้

WATCH

คีย์เวิร์ด: #แก๊งหิ้วหวี #Hiwwhee