CELEBRITY

เสน่ห์ความขบถของ G-DRAGON ที่ทำให้โดดเด่นทั้งในฐานะแฟชั่นไอคอนและศิลปินเคป๊อปจนปัจจุบัน

G-DRAGON นำเสนอมิติความเป็นตัวเองท่ามกลางกรอบอันเคร่งครัดของการเป็นศิลปินเคป๊อป และสร้างบรรทัดฐานใหม่ที่ทำให้ศิลปินเป็นอิสระมากยิ่งขึ้น

     อุตสาหกรรมเคป๊อปสร้างกระแสนิยมไปทั่วโลกพร้อมแนวทางการนำเสนอดนตรี ศิลปะ และวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์ ทว่าตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมาแม้จะเห็นการพัฒนาเรื่องคาแร็กเตอร์ความหลากหลายและแนวทางการนำเสนอศิลปะผ่านตัวศิลปินที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ทว่าปฏิเสธไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมเคป๊อปเป็นอุตสาหกรรมที่เข้มงวด เต็มไปด้วยกฎระเบียบ และนั่นทำให้บางครั้งเราอาจไม่ได้เห็นมุมมองความอิสระของศิลปินในแบบที่แฟนๆ รอคอย ซึ่ง G-Dragon คือหนึ่งในศิลปินผู้เปี่ยมด้วยความขบถและเสน่ห์เหลือล้นจนเป็นดั่งผู้บุกเบิกมิติความจัดจ้านที่สอดแทรกความเป็นตัวเองในกรอบระเบียบที่รัดแน่น

     จุดเริ่มต้นกับแนวทางฮิปฮอปจุดหล่อหลอมตัวตนที่ทรงเสน่ห์และมีเอกลักษณ์ ปัจจุบันอาจไม่น่าแปลกใจนักหากศิลปินเคป๊อปจะมีรากฐานจากแนวเพลงหรือไลฟ์สไตล์ฮิปฮอป เพราะตลาดเพลงยุคใหม่เชื่อมโยงถึงกันและส่งผลเป็นกระจกสะท้อนไปมาอยู่เสมอ และช่วงทศวรรษที่ผ่านมาก็เหมือนยุคทองของดนตรีฮิปฮอป ซึ่งส่งผลให้อุตสาหกรรมดนตรีคละคลุ้งไปด้วยดนตรีในสไตล์ฮิปฮอปหรืออาร์แอนด์บีไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่ง ทว่ายุคของจี-ดราก้อนนั้นแตกต่างออกไป การที่เด็กหนุ่มจากฟากเอเชียจะเสพสมดนตรีตะวันตกเต็มรูปแบบจนแทรกซึมถึงรากฐานในหลายมิติเป็นเรื่องแปลกใหม่และน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง


     “อัจฉริยะแห่งการร้องและเขียนเพลง” คำนิยามที่ The Korea Times มอบให้กับศิลปินหนุ่มมากความสามารถคนนี้ จุดนี้ตั้งต้นจากรากฐานตามสไตล์ศิลปินฮิปฮอปขนานแท้ ท่ามกลางโลกเคป๊อปที่เต็มไปด้วยการสังเคราะห์ผลงานที่ศิลปินมีหน้าที่เพียงการถ่ายทอด จี-ดราก้อนสร้างปรากฏการณ์สำคัญและนำพาความขบถด้วยการนำทัพโปรดิวซ์เพลงเอง มันเป็นเรื่องแปลกใหม่มากในวงการเคป๊อปยุคก่อน และเป็นรากฐานสำคัญให้กับศิลปินรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาผลงานเพื่อเสิร์ฟให้แฟนๆ โดยสไตล์การทำเพลงเหล่านี้ก็ได้รับการปลูกฝังมาจากแนวฮิปฮอปที่ศิลปินส่วนใหญ่เริ่มต้นทำเพลง เขียนเนื้อ สร้างทำนอง และรวบรวมเกือบทุกองค์ประกอบด้วยตัวเอง ความขบถในการฉีกกรอบการเป็น “อุตสาหกรรม” สู่ “งานฝีมือ” คือประเด็นแห่งความขบถและสวนกระแสที่ประสบความสำเร็จและเป็นดั่งตำนานในหน้าประวัติศาสตร์เคป๊อปที่ควรจารึก

     ภาพลักษณ์ของศิลปินผู้อยู่นอกกรอบ ทั้งตัวเขาเองและเพื่อนสมาชิกวง BIGBANG ต่างได้รับความสนใจจากคาแร็กเตอร์ที่มีเอกลักษณ์ เป็นต้นกำเนิดของการเผยคาแร็กเตอร์ที่มีความเป็นธรรมชาติและสะท้อนตัวตนเบื้องหลังของศิลปินที่มากกว่าแค่วิชวลบนเวทีหรือในวิดีโอ จากกรอบภาพลักษณ์ของศิลปินเคป๊อปที่ต้องสวยหรู จี-ดราก้อนกลับไม่พยายามตีกรอบกำหนดความเป็นตัวเองในแบบศิลปิน แต่เขาสร้างมาตรฐานว่าการที่เขาเป็นเขาก็สามารถนำเสนอผ่านสื่อสาธารณะได้เช่นกัน นับตั้งแต่การเดบิวต์จนถึงตอนนี้กับขวบวัย 36 ปี จี-ดราก้อนยังไม่เปลี่ยนแปลง และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะเขาได้นำเสนอตัวตนในเวอร์ชั่นที่เป็นตัวเองที่สุดแล้วไม่ว่าในบทบาทใดก็ตาม



WATCH




G-Dragon ได้รับการแต่งตั้งเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Chanel ในยุค Karl Lagerfeld / ภาพ: Courtesy of Chanel

     ด้านแฟชั่นสำหรับแฟนคลับจี-ดราก้อนคงทราบเป็นอย่างดีว่าเขามีสไตล์ที่จัดจ้านเชิงขบถที่เสิร์ฟลุคเก๋ในสไตล์ที่แตกต่างมานานเกินหลักทศวรรษ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เขาโลดแล่นบนเวทีในฐานะศิลปินเคป๊อปดูเหมือนว่าเขาจะหยิบยกไอเท็มต่างๆ มามิกซ์แอนด์แมตช์ใหม่จนเกิดเป็นแนวทางที่หลายคนต้องทำตาม คำว่า “แต่งตัวเทรนด์เกาหลี” เมื่อสัก 10 ปีก็มีรากฐานและแรงบันดาลใจมาจากจี-ดราก้อนอยู่ไม่น้อย แนวทางสไตล์แม็กซิมัลประกอบกับการเลือกสรรไอเท็มทั้งจากรันเวย์และไอเท็มแบรนด์น้อยใหญ่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความจัดจ้านในแนวทางแฟชั่นของวงการเคป๊อป ซึ่งต่อมากลายเป็นรากฐานการพัฒนาแฟชั่นที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดและทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ของโลก หากจะบอกว่าเป็นเพราะจี-ดราก้อนคนเดียวก็คงไม่ใช่ แต่ถ้าบอกว่าเขามีส่วนสำคัญในการเติบโตครั้งนี้ก็ไม่ผิดนัก

     วิถีของจี-ดราก้อนในโลกแฟชั่นยังไม่จบเพียงเท่านี้ ปัจจุบันกระแสแฟชั่นแบบ “Androgynous” คือความปกติของสังคม แต่สำหรับศิลปินเคป๊อปหนุ่มสมัยก่อนการสร้างลุคจัดจ้านและฉีกกรอบเรื่องเพศออกทำให้คนสนใจในเอกลักษณ์ความขบถและท้าทายต่อแนวทางเชิงสังคมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการร่วมงานกับ Chanel ซึ่งภาพจำของคนทั่วโลกคือชาเนลเป็นแบรนด์สำหรับผู้หญิง ไม่มีแม้แต่ไลน์เสื้อผ้าผู้ชาย ดังนั้นสำหรับศิลปินเคป๊อประดับแถวหน้าที่มาร่วมงานกับชาเนลจึงเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ และสะท้อนภาพความขบถที่ประกาศเน้นย้ำให้โลกรู้ “ฉันใส่เสื้อผ้าผู้หญิง”

     ความขบถด้านแฟชั่นกับชาเนลพร้อมเอกลักษณ์ที่มีสไตล์เฉพาะตัวของจี-ดราก้อนทำให้เขาได้รับแต่งตั้งเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในยุคของ Karl Lagerfeld และยังคงร่วมงานกับเมซงระดับท็อปจากฝรั่งเศสมาจวบจนปัจจุบัน วิถีของจี-ดราก้อนคือการสร้างสไตล์ในรูปแบบของตัวเอง แม้ชาเนลจะมีแนวทางด้านแฟชั่นที่ชัดเจนและสะท้อนความงดงามของผู้หญิงในการถ่ายทอดพลังและความอิสระ จี-ดราก้อนหยิบยกแนวทางเหล่านั้นมาตีความและนำเสนอในแบบฉบับของตัวเอง จากวันที่คนมองว่าสิ่งเหล่านี้คือความขบถและกระโดดออกจากกรอบด้วยความอิสระ จนถึงตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องปกติของสังคม ซึ่งแน่นอนว่าจี-ดราก้อนก็มาก่อนกาลอยู่หลายปีด้วยสารตั้งต้นความขบถและเป็นตัวเองจนถึงที่สุดของเขานั่นเอง


     นอกจากแนวทางการเป็นศิลปินและแฟชั่นไอคอนของจี-ดราก้อนแล้ว เขายังเป็นบุคคลผู้กล้าจะพูดและวิจารณ์ตามความคิดของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นกับการประกาศรางวัล MAMA Awards รางวัลยิ่งใหญ่ประจำอุตสาหกรรมเคป๊อป ซึ่งย้อนกลับไป 10 ปีก่อนในปี 2024 จี-ดราก้อนเคยสร้างประเด็นร้อนฉ่ากับการดิสบนเวทีด้วยท่อนแร็ปที่ชวนรู้สึกแสบๆ คันๆ ในท่อน “They’re giving out nicely so there won’t be a fight” ตีความได้ถึงการวิจารณ์การมอบรางวัลที่ไม่ได้มีการแข่งขันอย่างเข้มข้นจริงจัง และมีรางวัลเหมาะสำหรับผู้รับรางวัลหลากหลายรูปแบบ และอาจรวมถึงมาตรฐานการให้รางวัล ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดเป็นประเด็นความขัดแย้ง และไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าศิลปินที่ขึ้นแสดงบนเวทีในวันนั้นจะกล้าวิจารณ์ตามความคิดของตัวเองอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้


     ก้าวมาถึงปี 2024 จี-ดราก้อนกับเวที MAMA ยังคงไม่ได้ลงรอยสมานแผลกันชัดเจนเท่าไหร่นัก เพราะแม้เขาจะได้รับรางวัลใหญ่กับ Music Visionary of the Year แต่เขาก็ไม่วายหยิบยกเนื้อหาท่อนแร็ปเมื่อทศวรรษก่อนมากล่าวสปีชบนเวทีอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้คนนึกถึงอดีตและตีความว่าเขากำลังหยอกล้อกับเวทีมอบรางวัลอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง พร้อมเสริมด้วยคำกล่าวที่ว่า “ผมจะพยายามไม่พลาดอีกในปีหน้า” ปิดท้ายโมเมนต์กล่าวสปีชเชิงหยอกล้อเสียดสี (ตามที่แฟนๆ ตีความ) เรื่องราวภาคต่อครั้งนี้ถึงขนาดได้รับความสนใจจนเป็นมีมว่า “MAMA ตั้งรางวัลใหม่เพื่อลากเขาขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง”

     บทสรุปของจี-ดราก้อนบนเส้นทางดนตรีและแฟชั่นยังไม่สามารถขมวดจบลงได้ เพราะเขายังคงเดินหน้าก้าวสู่ความสดใหม่เรื่อยๆ ในหลายบทบาท ในฐานะศิลปินเขายังปล่อยเพลงโซโล่ออกมากับผลงาน POWER ในส่วนของแฟชั่นก็ยังปรากฏโฉมในงานสำคัญของชาเนลเสมอมา พร้อมทั้งเป็นแฟชั่นไอคอนที่ได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกอยู่เสมอ แน่นอนว่าตอนนี้โลกพัฒนาและชุดความคิดของคนในสังคมเปิดกว้างยิ่งกว่าเดิมเป็นไหนๆ จี-ดราก้อนอาจไม่ได้เป็นหนุ่มขบถเฉกเช่นแต่ก่อนอีกต่อไป (ตัวเขาเหมือนเดิมแต่กฎระเบียบทางสังคมหมุนเปลี่ยนไป) แต่เมื่อย้อนกลับไปก็ต้องนึกถึงกันอย่างชัดเจนว่าเขาคือหนึ่งในผู้บุกเบิกความอิสระและการแสดงตัวตนของศิลปินโดยกล้าที่จะก้าวออกนอกกรอบอย่างแท้จริง

WATCH