บิวกิ้น พีพี
CELEBRITY

ตามรอยความสำเร็จ 'บิวกิ้น-พีพี' จากคู่จิ้นสู่ศิลปินระดับนานาชาติ ที่ไม่ได้ง่ายอย่างที่ใครคิด

ทั้งคู่ต้องผ่านการทดสอบอะไรมากมาย ทั้งการฝึกฝน การพิสูจน์ตัวเอง ไปจนถึงมรสุมดราม่าเหยียดตัวตน กว่าที่พวกเขาจะมายืนหยัดได้อย่างทุกวันนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย #BillkinPP #บิวกิ้นพีพี

     คงไม่มีใครไม่รู้จักศิลปินนักแสดงวัยรุ่นที่ชื่อ ‘บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล’ และ ‘พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร’ ในยุคสมัยนี้ เพราะเราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าทั้งคู่คือหนึ่งในคู่ศิลปินวัยรุ่นที่มาแรงในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้มีชื่อเสียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น หากยังได้รับการพูดถึงในอุตสาหกรรมบันเทิงระดับโลก กระทั่งล่าสุดที่ทั้งคู่ได้มีโอกาสขึ้นไปแสดงความสามารถด้านงานเพลงบนเวทีงาน Summer Sonic ประจำปี 2022 ที่ประเทศญี่ปุ่น และสามารถเรียกฮือฮาจากผู้ชมได้อย่างอยู่หมัด ส่งผลให้แฮชแท็ก #BKPPSummerSonic ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่งไปในที่สุด ทว่ากว่าที่ทั้งคู่จะเดินทางมาถึง ณ จุดนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่ใครคิด

บิวกิ้น พีพี

     ‘บิวกิ้น-พีพี’ เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้นในฐานะของนักแสดงในวงการบันเทิงไทย เมื่อครั้งที่เขาทั้งคู่ปรากฏตัวในซีรี่ส์เรื่อง My Ambulance รักฉุดใจนายฉุกเฉิน ในบทบาทของตัวละคร หมอเต่า และทิวเขา ที่แม้ว่าทั้งคู่จะเล่นเป็นตัวละครบทบาทรองของซีรี่ส์เรื่องดังกล่าว แต่เสน่ห์และทักษะการแสดงอันเป็นพรสวรรค์ของเขาทั้งคู่ก็ทำให้บิวกิ้นและพีพีโดดเด่นขึ้นมาได้ไม่ยาก และด้วยบทบาทของตัวละครในซีรี่ส์เรื่องดังกล่าวที่สะท้อนถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์พิเศษของทั้งคู่ ก็ทำให้บิวกิ้นและพีพีถูกพูดถึงนอกจอในฐานะของ ‘คู่จิ้น’ อย่างเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง นาดาว บางกอก ในตอนนั้นได้ผุดโปรเจกต์ ‘BKPP Project’ ขึ้นมาในปี 2020

     BKPP Project ที่ย่อมาจากชื่อบิวกิ้นและพีพีนั้น คือโปรเจกต์ที่สะท้อนให้เห็นความสามารถของทั้งสองคนอย่างชัดเจน ทั้งในด้านของงานแสดง การเป็นศิลปิน และงานเอ็นเตอร์เทนเมนต์อื่นๆ โดยโปรเจกต์ดังกล่าวเปิดตัวมาด้วยซีรี่ส์ Y ที่กลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วประเทศอย่าง ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ’ ที่มีถึง 2 ซีซั่นด้วยกัน บอกเล่าเรื่องราวความรักของตัวละครเต๋และโอ้เอ๋ว ตั้งแต่ช่วงมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย และได้แรงบันดาลใจสำคัญมาจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของทั้งบิวกิ้นและพีพี ที่รู้จักกันและมีมิตรภาพต่อกันมาตั้งแต่ช่วงที่ทั้งคู่ยังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษา นอกจากการดำเนินเรื่อง โปรดักชั่น และบทของแต่ละตัวละคร ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ซีรี่ส์เรื่องนี้ถูกกล่าวขานว่าเป็น ‘ซีรี่ส์ Y ขึ้นหิ้งของประเทศไทย’ พร้อมยกระดับมาตรฐานซีรี่ส์ Y และอุตสาหกรรมซีรี่ส์ Y ของประเทศไทย ให้ไปไกลกว่าแค่ฉาก NC และบทจิ้นชวนฟินจิกหมอนแล้ว ทักษะการแสดงของบิวกิ้นและพีพีก็กลายเป็นที่พูดถึง และถูกยอมรับว่า ‘เหนือชั้น’ ทัดเทียมกับนักแสดงระดับแนวหน้าของเมืองไทยก็ไม่ปาน

บิวกิ้น พีพี แปลรักฉันด้วยใจเธอ

     ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ’ กลายเป็นผลงานชิ้นมาสเตอร์พีซของบิวกิ้นและพีพีไปในชั่วข้ามคืน พร้อมกวาดรางวัลในหลายเวที ไม่ว่าจะเป็น รางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประจำปี 2021 ที่บิวกิ้นคว้ามาครองได้สำเร็จ หรือกระทั่งตัวของพีพีเองที่ได้ขึ้นรับรางวัลในสาขา “Asain Star Prize” บนเวทีงานประกาศรางวัล “Seoul International Drama Awards” ที่ประเทศเกาหลีใต้มาแล้ว และอีกมากมาย

     (ตามไปอ่านเรื่องราวของซีรี่ส์เรื่อง ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ’ ต่อได้ที่ https://www.vogue.co.th/lifestyle/article/itoldsunsetaboutyouep3)



WATCH




บิวกิ้น พีพี เพลง

     ไม่เพียงแค่ทักษะทางการแสดงเท่านั้นที่บิวกิ้นและพีพีได้แสดงผ่านซีรี่ส์เรื่องดังกล่าว ทว่าทั้งคู่ยังได้แสดงให้อุตสาหกรรมบันเทิงไทยเห็นอีกว่า พวกเขามีความสามารถในการเป็นศิลปินนักร้องได้อีกด้วย ผ่านผลงานเพลงประกอบซีรี่ส์ที่ดังเป็นพลุแตกไม่ต่างจากตัวของซีรี่ส์ ไม่ว่าจะเป็น กีดกัน, หรูเหอ, แปลไม่ออก, โคตรพิเศษ, ไม่ปล่อยมือ, หลอกกันทั้งนั้น และรู้งี้เป็นแฟนกันตั้งนานแล้ว ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จสูงสุดทั้งสิ้น ก่อนที่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2022 ที่ผ่านมา BKPP Project ก็ถึงเวลาที่ต้องจบลงไปพร้อมกับคอนเสิร์ต แปลรัก TheLastTwilightDay ซึ่งอบอวลไปด้วยพลังความรักจากเหล่าแฟนคลับที่ส่งให้กับศิลปินทั้งคู่ รวมไปถึงความรักและมิตรภาพที่ทั้งคู่มีให้ต่อกัน ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของใครหลายคนมาจนถึงตอนนี้

     จากเพลงประกอบซีรี่ส์เปิดโอกาสให้บิวกิ้นได้มีผลงานซิงเกิ้ลเดี่ยวเป็นของตัวเอง ซึ่งกลายเป็นไวรัลทุกเพลงบนโลกออนไลน์ ทั้ง I ไม่ O, เก็บไว้ตลอดไป และชอบตัวเองตอนอยู่กับเธอ หรือจะเป็นในฝั่งของพีพีที่ไม่ได้มีดีแค่เพลง แต่ยังรวมไปถึงแฟชั่นในมิวสิกวิดีโอที่ถูกจับตามองจากคนในอุตสาหกรรมแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็น ห่มผ้า, It’s Okay Not To Be Alright และ I’ll do It How You Like It ที่ทุกคนต่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

บิวกิ้น พีพี

     กระนั้น สายทางการเป็นศิลปินนักร้องของทั้งคู่ที่หลายคนมองว่าโรยด้วยกลีบกุหลาบ กลับไม่เป็นอย่างนั้นเสียทีเดียว ทั้งคู่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และตั้งคำถามถึงการเป็น ‘ศิลปิน’ นับครั้งไม่ถ้วน หรือแม้แต่การถูกเหยียดหยามตัวตน ดังที่ครั้งหนึ่งที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน ทั้งคู่ต้องเผชิญกับดราม่าผ่านแฮชแท็กทวิตเตอร์ #แบนGymAndSwim ทว่าการตอบโต้ของทั้งคู่ใช่การร้องไห้ฟูมฟาย หรือด่าทอตอบโต้กลับไปแต่อย่างใด แต่คือการสู้พิสูจน์ฝีมือผ่านผลงานระดับคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น Billkin & PP Krit First Worldwide Digital Performance ที่จัดขึ้นผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ทั่วโลกเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ที่ผ่านมา หรือจะเป็นการได้รับเชิญให้ขึ้นเวทีระดับนานาชาติอย่าง Summer Sonic ประจำปี 2022 ที่ประเทศญี่ปุ่น และอีกนับไม่ถ้วนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งนับเป็นการการันตีได้อย่างชัดเจนว่าเขาทั้งคู่คือหนึ่งใน 'ศิลปิน’ ตัวจริงแห่งยุค พร้อมสยบดราม่าได้อย่างอยู่หมัด

     หลายคนอาจคิดว่า ‘บิวกิ้น-พีพี’ มาถึงจุดนี้ได้ด้วยความง่ายดาย แต่นั่นไม่ใช่เลย หลายครั้งที่ทั้งคู่ให้สัมภาษณ์ถึงความผิดหวังที่แคสต์งานไม่ผ่าน หรือกระทั่งท้อถอยต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์อันหนักหน่วง ที่ต้องอาศัยความพยายาม และทักษะอย่างมากในการพิสูจน์ตัวเองเพื่อก้าวผ่านทุกอย่างมาให้ได้ ถึงตอนนี้ทั้งคู่ก็ยังคงก้าวต่อไปบนสายทางของการเป็นศิลปิน พร้อมกับความตั้งใจ แพสชั่น และไม่ยอมแพ้ที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งผู้เขียนเชื่อแน่ว่าทั้งคู่จะไปได้อีกไกลแน่นอน

WATCH