CELEBRITY
‘เบียร์-ภัสรนันท์’ สาวคนดังที่เกือบจะเกิด แต่ถูกคุมกำเนิดด้วยคำว่า ‘ทัศนคติอันย่ำแย่’ภาวะหลงตัวเองและกลไกการป้องกันตนเองอื่นๆ กำลังทำลายชีวิตของ ‘เบียร์-ภัสรนันท์’ ในแบบที่อาจฟื้นกลับมาไม่ได้ |
กระแสข่าวดังรับปีใหม่คงจะหนีไม่พ้นเรื่องดราม่าของ ‘เบียร์-ภัสรนันท์’ หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อ ‘เบียร์ The Voice’ จากเด็กสาวคนหนึ่งที่เคยได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ก้าวผ่านจุดเปลี่ยนชีวิตหลากหลายรูปแบบ ท่ามกลางกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ผสมผสานกับคำชื่นชมเธอก็สามารถสร้างฐานความนิยมได้อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเปิดปี 2024 เหมือนดวงชะตาแห่งความรุ่งโรจน์จะดับลง เพราะเธอคนนี้กลายเป็นตัวร้ายในบทละครชีวิตจริงที่หลายคนถึงกับต้องเบือนหน้าหนี และนี่คือเส้นทางที่อาจจะจบลงด้วยคำๆ เดียวคือคำว่า ‘ทัศนคติ’
จุดเริ่มต้นของเด็กสาวคนหนึ่งแจ้งเกิดจากคาแร็กเตอร์ความน่ารักและเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ในรายการประกวดร้องเพลงที่มีแฟรนไชส์ทั่วโลกอย่าง The Voice จุดเริ่มต้นตรงนั้นทำให้เด็กสาวคนหนึ่งเริ่มมีชื่อเสียงและกลายเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกเพศทุกวัย ด้วยมิติความน่ารักผสมผสานกับความสามารถที่ถ่ายทอดออกมาบนเวที หลายคนมองว่าเธออาจมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ในวงการบันเทิงไทย หรืออย่างน้อยก็กลายมาเป็นคนท่ามกลางแสงสปอตไลต์และต่อยอดสู่เส้นทางที่ตนเองต้องการได้หลายรูปแบบ
ดูเหมือนชีวิตช่วงแรกจะราบรื่นและเต็มไปด้วยเสียงชื่นชม ทว่าในเวลาต่อมาเธอก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับคาแร็กเตอร์ที่เปลี่ยนจากสาวน่ารักเป็นสาวเซ็กซี่ปรอทแตก ทำเอาชายหนุ่มทั่วทุกสารทิศถึงกับสร้างแคมเปญเชิงขบขันว่า “ทวงคืนเบียร์จากคัตโตะ” ถือเป็นแง่มุมการหยอกล้อที่ทำให้เห็นว่าเธอเป็นที่รักของแฟนๆ โดยเฉพาะชายหนุ่มมากเพียงใด คำวิจารณ์ที่เคยสาดเสียมาช่วงเวลานั้นก็เลือนหายไปตามวัฏจักรของกาลเวลา และสภาพสังคมที่ไม่ได้ตีกรอบปิดกั้นการแสดงออกถึงความมั่นใจในการอวดสรีระของผู้หญิงอีกต่อไป ยุคสมัยเหมือนเข้าข้างเบียร์แล้วเต็มที่ ตัวตนที่แสดงออกมาได้รับการตอบสนองเชิงบวกมากกว่าเชิงลบอย่างชัดเจน
ตลอดระยะเวลาหลายปีทั้งในฐานะศิลปินและคนดังในแวดวงออนไลน์ เธอได้รับความสนใจอยู่เสมอ การอยู่ท่ามกลางแสงสปอตไลต์หลีกเลี่ยงข่าวคราวที่เข้ามากระทบชีวิตเธอไม่ได้อยู่แล้ว เธอมีข่าวกอสซิปเกี่ยวกับสัมพันธ์รักต่างๆ หลังจากเลิกรากับนักร้องหนุ่มสวมแว่น ทว่าช่วงเวลานั้นเธอก็ไม่ได้ออกมาตอบโต้หรือแสดงทัศนคติเสียหายอะไรนัก จนกระทั่งมาถึงความสัมพันธ์กับแรปเปอร์หนุ่มก็ยังถูกวิจารณ์แต่ก็ยังสามารถยืนหยัดและไม่ได้มีการแสดงตัวตนด้านมืดออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย จนหลายคนชื่นชมว่าเบียร์ก้าวข้ามผ่านเสียงวิจารณ์ด้วยมุมมองชีวิตอันดีเยี่ยม อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนกล้าใช้ชีวิตในรูปแบบของตัวเอง
เสียงชื่นชมล้นหลามเกิดขึ้นช่วงปี 2023 เมื่อมีกระแสข่าวเรื่องมีคนแชร์ภาพและคลิปวิดีโอไม่เหมาะสมของเบียร์ ข่าวนั้นสร้างความตกตะลึงและทำให้หลายคนเข้ามาให้กำลังเธออย่างล้นหลาม บางคนปกป้องจนถึงขนาดอ้าแขนเป็นเกราะป้องกันให้สาวคนนี้อย่างจริงจัง ทัศนคติและการแสดงออกเกี่ยวกับเรื่องนี้ของเบียร์ก็ได้รับคำชื่นชมอย่างมากเกี่ยวกับทัศนคติต่อโลกที่มีความเป็นผู้ใหญ่ และมีจิตใจแข็งแกร่งพร้อมเดินหน้าไม่ว่าปัญหาจะหนักหนาเพียงใด ไม่ว่าจะถูกสัมภาษณ์หรือถามเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เมื่อไหร่ เธอก็รับมือและพร้อมก้าวต่ออย่างหญิงแกร่งอยู่เสมอ ถึงตอนนี้แทบทุกคนมองว่าเธอคือหญิงพลังแกร่งที่มีทัศนคติที่ยอดเยี่ยม แต่แล้วชีวิตเธอก็พังทลายในชั่วพริบตากับเหตุการณ์ข่าวฉาวเรื่องความสัมพันธ์อันซับซ้อนในช่วงเปิดปี 2024
กรณีของการทะเลาะเบาะแว้งผู้เขียนจะไม่กล่าวอ้างถึง แต่จะเจาะไปที่ทัศนคติและการเผยท่าทีของเบียร์ที่ทำให้ความคิดของคนในสังคมกลับตาลปัตรได้ในช่วงเวลาไม่กี่วันหรือไม่กี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ เดิมทีข่าวนี้ทำให้เธอต้องออกมาชี้แจ้งแต่การชี้แจ้งไม่ได้สร้างความกระจ่างแต่อย่างใด จนกระทั่งมีการไลฟ์แสดงความเห็นของเธอด้วยความเกรี้ยวกราดและสะท้อนถึงทัศนคติที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง การสร้างตรรกะบางอย่างเพื่อรักษาตัวรอดหรือยกตนเหนือผู้อื่นกลายเป็นประเด็นร้อนที่ทำให้คนตกตะลึงว่าหญิงสาวคนหนึ่งที่เคยเป็นตัวอย่างของความแข็งแกร่งพร้อมสำหรับปัญหาอันหนักหน่วง อีกทั้งยังได้รับคำชื่นชมว่ามีทัศนคติที่ยอดเยี่ยมเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ได้อย่างไร
หลายประโยคในไลฟ์ทำเอาคนในสังคมตกตะลึงกับชุดความคิดที่เป็นภัยอย่างมาก ความไม่สำนึกผิดหรือไม่ตระหนักถึงความเป็นไปในเหตุการณ์นั้นสร้างความประหลาดใจจนหลายคนผิดหวังที่เคยสนับสนุนเธออย่างจริงจัง และหลายคนยิ่งผิดหวังหนักขึ้นเมื่อเคยเป็นดั่งโล่มนุษย์ปกป้องผู้หญิงคนหนึ่งที่เผชิญเรื่องเลวร้าย ด้วยสาเหตุนี้ทำให้เธอยิ่งถูกโจมตีหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าเดิม คนที่เคยปกป้องรู้สึกเหมือนโดนหักหลังทางความคิดและความรู้สึก แน่นอนว่าพวกเขาย่อมมีความขับข้องใจและพร้อมจะหวนดาบแห่งความเจ็บปวดเข้ามาหาเบียร์ด้วยเช่นกัน
ทัศนคติอันน่าตกตะลึงนี้สะท้อนภาพเค้าลางของ ‘Narcissist’ หรือบุคคลผู้หลงตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคำพูดเกี่ยวกับความโด่งดังของตัวเอง การกดคนอื่นให้ด้อยกว่าด้วยคำสบประมาท หรือรู้สึกว่าตัวเองสำคัญและยอดเยี่ยมจนกลายเป็นที่ต้องการของผู้อื่นอยู่เสมอ ทั้งหมดสะท้อนออกมาในไลฟ์เวลาหลายชั่วโมงที่มีผู้ชมหลักแสนคน ความหนักหนาที่สะท้อนออกมาผ่านคำพูดและพฤติกรรมการแสดงออกนั้นอาจเชื่อมโยงไปถึง ‘Narcissistic Personality Disorder’ (NPD) หรือ ‘โรคหลงตัวเอง’ ได้เลยทีเดียว เพราะในไลฟ์แสดงภาพพฤติกรรมต่อต้านสังคม เช่น การโอ้อวด การเรียกร้องความสนใจ การดูถูกดูแคลนผู้อื่น การไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และการบังคับผู้อื่นให้ทำตามสิ่งที่ตนต้องการ
WATCH
ถ้าเจาะลึกเรื่องนี้ในเชิงสังคมวิทยาจะพบว่ามีหลักอธิบายหลายประเด็น แต่ที่ผู้เขียนจะยกมาในวันนี้คือหลักสังคมวิทยากึ่งจิตวิทยาพื้นฐานที่เข้าใจง่ายที่สุด โดยหลักแรกเป็นกลไกแนวคิด ‘Unconscious Mind’ จาก Sigmund Freud ซึ่งระบุถึงระบบความคิดของ ‘จิตไร้สำนึก’ การกระทำโดยความโกรธและไม่ตระหนักรู้จนแสดงออกโดยไม่รู้ตัว จิตไร้สำนึกทำหน้าที่กระตุ้นให้บุคคลแสดงพฤติกรรมไปตามหลักแห่งความพึงพอใจของตน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางพฤติกรรมที่อาจละเลยความตระหนักรู้และคิดอย่างรอบคอบจนเกิดเป็นการสาดพ่นความโหดร้ายออกมาโดยไม่ยั้งคิด หรือถ้าจะกล่าวว่านี่คือตัวตนเบื้องหลังที่ไม่ผ่านการกรองด้วยระบบความคิดแห่งการตระหนักรู้ก็อาจไม่ผิดนัก
อีกหนึ่งความน่าสนใจของบทวิเคราะห์นี้คือกลไกการป้องกันตนเองของมนุษย์ซึ่งผู้เขียนจะหยิบยกข้อ ‘การหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง’ (Rationalization) มาเป็นกรอบคิดวิเคราะห์แรก เพราะเบียร์สร้างความชอบธรรมหลายอย่างโดยไม่สนใจหลักสังคมหรือชุดความคิดอันเป็นปกติของคนในสังคม เธอเริ่มหาเหตุผลที่ทำให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัย พ้นผิด และสามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง (อย่างน้อยก็ในความคิดของเธอเอง) ถือเป็นการรักษาหน้าและศักดิ์ศรีที่ผู้กระทำอาจไม่รู้เลยว่านั่นคือการหาเหตุผลเข้าข้างตนเองจนสูญเสียหลักคิดอันเป็นสามัญสำนึกของมนุษย์ทั่วไป ต่อมาคือ ‘การปฏิเสธความจริง’ (Denial) สิ่งนี้สะท้อนออกมาอย่างชัดเจนว่าเกี่ยวกับการมุ่งสู่ว่าคนสนใจเธอเพราะความเด่นดังทั้งที่ความจริงกระแสสังคมกำลังถาโถมมาชมไลฟ์เพราะเธอกำลังทำสิ่งที่พลาดมหันต์
‘การระบายไปที่อื่น’ (Displacement) นี่ก็เป็นหลักการที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ของเบียร์ได้เป็นอย่างดี ในไลฟ์มีการบ่ายเบี่ยงประเด็นจนถ้าขึ้นเวทีดีเบตคงต้องเรียกว่าเป็นเนื้อหาที่ ‘Irrelevant’ เธอระบายอารมณ์ความโกรธและบ่ายเบี่ยงไปสู่ประเด็นของการทักหาในข้อความส่วนตัว การกดไลก์บนโซเชียล และอีกหลายประเด็นที่ทำให้เธอปล่อยมือจากประเด็นหลักไปเสียเฉยๆ และสุดท้ายคือ ‘การโทษผู้อื่น’ (Projection) กลไกนี้ถูกใช้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว มีถ่ายโทษด้วยการกดขี่คนอื่น ระบุประเด็นถึงความผิดตนเองที่มีค่าเท่ากับศูนย์ ผู้อื่นเป็นผู้กระทำ ตนเป็นเพียงผู้รับการกระทำที่ไม่ได้ปฏิเสธ นับว่าเป็นหลักแนวคิดที่สามารถแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าชีวิตอันรุ่งโรจน์ของเธอกำลังดิ่งลงอย่างน่าใจหายด้วยคำว่า ‘ทัศนคติ’ ที่เชื่อมโยงสู่กลไกการป้องกันตนเองอันเลวร้าย เหนือความตระหนักรู้ และบ่งบอกถึงภาวะหลงตัวเองจนอาจเลยเถิดถึงขั้นเป็นโรคหลงตัวเองอย่างน่าตกใจ
WATCH