Anna Wintour

CELEBRITY

VOGUE HISTORY | ย้อนรอย Anna Wintour หญิงทรงอิทธิพลผู้พลิกโฉมสื่อแฟชั่น และ VOGUE ไปตลอดกาล!

Anna Wintour คือผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกของสื่อแฟชั่น ที่ได้พลิกโฉมวิธีคิดของโลกแฟชั่น และ VOGUE ให้เปลี่ยนไปตลอดกาล

โดย Peeranat Chansakoolnee
27 มิถุนายน 2568

     การก้าวลงจากตำแหน่งบรรณาธิการบริหารของ Anna Wintour นั้น นับเป็นหนึ่งในข่าวสำคัญของวงการแฟชั่นโลกที่คนแฟชั่นทั่วโลกต้องจับตามอง เพราะอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า แอนนา วินทัวร์ ไม่เพียงดำรงตำแหน่งเป็นบรรณาธิการผู้กำหนดทิศทางให้กับ Vogue US หรือโว้กอเมริกาเท่านั้น แต่แอนนายังถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่ได้รับการยอมรับ ทั้งในแวดวงแฟชั่นอเมริกาและในระดับโลก แอนนาคือผู้กำหนดทิศทางและตัดสินใจเบื้องหลังในหลากหลายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลก ตั้งแต่การเปลี่ยนย้ายดีไซเนอร์ เรื่อยไปจนถึงการผลักดันผลงานของแบรนด์แฟชั่น และมีบทบาทสำคัญต่อ New York Fashion Week ในช่วงกว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมา

     ชื่อของ แอนนา วินทัวร์ ไม่เพียงโลดแล่นอยู่แค่ในโลกของแฟชั่นเท่านั้น แต่ตัวของแอนนาเองได้กลายเป็น Pop Culture ที่จะถูกนึกถึงทุกครั้งเมื่อพูดถึงผู้หญิงผู้ทรงอิทธิพลในวงการสื่อแฟชั่น เรื่องราวของเธอกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดนวนิยายและภาพยนตร์แฟชั่นสุดไอคอนิกเรื่อง The Devil Wears Prada ที่มีการอ้างว่าตัวละครหลักอย่าง Miranda Priestly นั้นคือตัวละครที่ถอดแบบมาจากตัวตนของ แอนนา วินทัวร์ ทุกกระเบียดนิ้ว นอกจากนั้นยังลามไปถึงการสร้างสารคดีมากมายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผลงานการทำงานของ แอนนา วินทัวร์ ที่โว้กอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น The September Issue ที่เล่าถึงเบื้องหลังการผลิตนิตยสารโว้กอเมริกา ฉบับเดือนกันยายน ซึ่งนับเป็นฉบับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประจำปีของทุกๆ ปี หรือแม้แต่สารคดีเรื่อง The First Monday In May ที่ได้ตีแผ่เรื่องราวของการสร้างงาน Met Gala ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นงานอีเวนต์แฟชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประจำปี และอีกมากมาย ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แอนนา วินทัวร์ เป็นมากกว่าแค่บรรณาธิการบริหารทั่วไป แต่ตัวของเธอได้กลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ให้กับผ็คนในวงกว้างไปแล้วเรียบร้อย

     อนึ่ง ความน่าสนใจของ แอนนา วินทัวร์ ก็เห็นจะหนีไม่พ้นชีวิตการทำงานของเธอ ที่สร้างคุณูปการนับไม่ถ้วนเอาไว้ให้กับทั้งวงการสื่อแฟชั่น แวดวงแฟชั่นอเมริกา และอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลก เริ่มตั้งแต่การย้อนกลับไปในปี 1988 เมื่อครั้งที่ แอนนา วินทัวร์ ได้เริ่มยุคสมัยของเธอที่ Vogue US ซึ่งในเวลานั้นแอนนาได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับการนำเสนอแฟชั่นในสื่อสิ่งพิมพ์ กับโว้กอเมริกา ฉบับเดือนพฤศจิกายน ประจำปี 1988 และภาพจำที่ แอนนา วินทัวร์ ได้จับเอา Michaela Bercu นางแบบชาวอิสราเอลมาสวมจั๊มเปอร์ปักลายรูปไม้กางเขนด้านหน้าจากคอลเล็กชั่นโอตกูตูร์ของ Christian Lacroix กับกางเกงยีนส์ฟอกแนวสตรีตจาก Guess จนกลายเป็นที่มาของฉายาที่หลายคนเรียกติดปากถึงเธอคนนี้ว่า ‘Nuclear Wintour’ จากพลังการทำลายล้างด้วยความคิดอันสดใหม่ของเธอที่มองว่าแฟชั่นต่างสายพันธุ์สามารถนำมาผสมรวมกันได้ และเกิดเป็นแรงบันดาลใจใหม่ให้กับวงการแฟชั่นในเวลานั้น

     (สามารถตามไปอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ Anna Wintour ได้เพิ่มเติมที่นี่)

 

Article

     ไม่เพียงแค่แนวคิดเรื่องแฟชั่นข้ามสายพันธุ์ กับการหยิบเอาแฟชั่นชั้นสูงมามิ๊กซ์แอนด์แมตช์กับแฟชั่นสตรีตเท่านั้น ที่ทำให้คนแฟชั่นต้องอ้าปากค้าง แต่นั้นยังเป็นปรากฏการณืแรกที่เปลี่ยนนิตยสารโว้กไปตลอดกาล เพราะหลังจากนั้นไม่นาน แอนนา วินทัวร์ ก็เริ่มสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้กับโลกของสื่อนิตยสารแฟชั่น ด้วยการทดลองเลือกเอาศิลปินและคนดังที่มีชื่อเสียงมาขึ้นปกนิตยสารแฟชั่นแทนเหล่านางแบบซูเปอร์โมเดล ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นวัฒนธรรมที่ประสบความสำเร็จที่ถูกส่งต่อกันมา และขยายวงกว้างไปถึงนิตยสารเล่มอื่นๆ ทั่วโลก หลายปกของโว้กอเมริกาในยุคสมัยของ แอนนา วินทัวร์ ที่ได้นำคนดังมาขึ้นปกในชุดแฟชั่น ได้กลายเป็นผลงานชิ้นไอคอนิก ไม่ว่าจะเป็นปก Madonna ฉบับเดือนพฤษภาคม ปี 1989, ปก Britney Spears ฉบับเดือนพฤศจิกายน ปี 2001, ปก Kirsten Dunst ฉบับเดือนกันยายน ปี 2006, ปก Michelle Obama ฉบับเดือนมีนาคม ปี 2009, ปก Kim Kardashian และ Kanye West ฉบับเดือนเมษายน ปี 2014, ปก Rihanna ฉบับเดือนเมษยน ปี 2011, ปก Lady Gaga ฉบับเดือนกันยายน ปี 2012 และอีกนับไม่ถ้วน จนอาจกล่าวได้ว่าเธอคนนี้คือบรรณาธิการหัวก้าวหน้าอย่างแท้จริง กับการพาเอาโลกของแฟชั่น ฮอลลีวู้ด และการเมืองมาพบกันได้อย่างลงตัวและน่าสนใจ

     แม้ว่า แอนนา วินทัวร์ จะได้ประกาศลงจากตำแหน่งบรรณาธิการบริหารของโว้กอเมริกาแล้ว แต่แอนนาก็ยังจะคงทำหน้าที่ Chief Content Officer แห่งบริษัท Condé Nast ที่จะทำหน้าที่ดูแลเนื้อหาบรรณาธิการให้กับแบรนด์ต่างๆ ในเครือ ไม่ว่าจะเป็น WIRED, Vanity Fair, GQ, AD, Condé Nast Traveler, Glamour, Bon Appétit, Tatler, World of Interiors, Allure, Teen Vogue, Ars Technica และ Them ทั่วโลก รวมถึงเป็นผู้อำนวยการฝ่ายบรรณาธิการระดับโลกให้กับ Vogue ต่อไป โดยหัวหน้าฝ่ายเนื้อหาบรรณาธิการคนใหม่ของ Vogue US จะมีหน้าที่ดูแลการดำเนินงานประจำวันของนิตยสารในทุกแพลตฟอร์มและรายงานต่อวินทัวร์โดยตรง ซึ่งสอดคล้องกับหัวหน้าฝ่ายเนื้อหาบรรณาธิการของ Vogue ทุกแห่งทั่วโลกต่อไป

     (สามารถตามไปอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ การประกาศลงจากตำแหน่งของ Anna Wintour เพิ่มเติมได้ที่ https://www.vogue.co.th/fashion/news/article/anna-wintour-steps-down-as-vogue-editor-in-chief)

 

ภาพ : Getty Images
VOGUE HISTORY | ย้อนรอย Anna Wintour หญิงทรงอิทธิพลผู้พลิกโฉมสื่อแฟชั่น และ VOGUE ไปตลอดกาล!