SKINCARE
Rosehip Oil คืออะไร? หนึ่งในส่วนผสมของสกินแคร์ที่เต็มไปด้วยสารพัดประโยชน์สารสกัดจากธรรมชาติที่เต็มไปด้วยประโยชน์พร้อมแก่การบำรุงผิว |
"Rosehip Oil" หรือน้ำมันโรสฮิปเป็นน้ำมันที่ได้มาจากการสกัดจากเมล็ดโรสฮิปมีต้นกำเนิดอยู่แถบประเทศชิลี ในน้ำมันโรสฮิปมีวิตามิน A และวิตามิน C สูง มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวหนังและเส้นใยคอลลาเจน อีกทั้งยังมีกรดไขมันอย่าง โอเมก้า 3 โอเมก้า 6 และโอเมก้า 9 ในปริมาณที่เหมาะสม ทำให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้รวดเร็ว นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลายแบรนด์เลือกนำสารสกัดนี้ไปเป็นส่วนผสมในสกินแคร์ และมักใช้วิธีการสกัดเย็นให้น้ำมันโรสฮิปแยกตัวออกมาเพื่อใช้ในการบำรุงผิวนั่นเอง
คุณประโยชน์ของ Rosehip Oil
- เพิ่มความชุ่มชื้น
น้ำมันโรสฮิปเป็นน้ำมันที่มีเนื้อสัมผัสเบา สามารถซึมลงสู่ผิวเราได้เร็ว เพราะมีกรดไขมันที่มีโมเลกุลใหญ่จึงช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว แถมยังมีวิตามิน E มาช่วยเสริมให้ผิวชุ่มชื้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นใครที่มีผิวแห้งหรือผิวมันที่เกิดจากผิวขาดน้ำ เพราะอยู่ในห้องแอร์นานๆ หรือดื่มน้ำน้อยมาก การทาน้ำมันโรสฮิปเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยกู้ผิวเราให้กลับคืนสู่สมดุลได้
- ลดริ้วรอยบนใบหน้า
เนื่องจากน้ำมันโรสฮิปมีส่วนประกอบของกรดไขมันและสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยลดการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า และด้วยปริมาณวิตามิน C ที่มีมากในน้ำมันโรสฮิป จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวออกมา ซึ่งมีประสิทธิภาพอย่างมากในการบำรุงฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ลดรอยจุดด่างดำจากสิว
น้ำมันโรสฮิปมีสารสำคัญชื่อ Quercetin ที่สามารถยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ได้ ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในการสร้างเม็ดเมลานินแต่พอเมื่อถูกยับยั้งแล้ว เม็ดสีก็จะไม่ถูกสร้างขึ้น ทำให้รอยดำที่เกิดจากสิวหรือแผลสามารถจางหายได้เร็วขึ้น
- ผลัดเซลล์ผิวเก่า
ด้วยวิตามิน A หรือเรตินอยด์ที่มีอยู่ในน้ำมันโรสฮิป จึงช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออกอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น หมดปัญหาอาการผิวหมองคล้ำไปได้เลย
- ลดปัญหาอาการผิวหนังอักเสบ
เพราะน้ำมันโรสฮิปมีส่วนผสมของ Polyphenols และ Anthocyanin ในปริมาณพอสมควรจึงช่วยลดอาการอักเสบของผิวที่เกิดจากอาการต่างๆ เช่น Rosacea, Psoriasis, Eczema เป็นต้น
1 / 5
2 / 5
3 / 5
สนใจสั่งซื้อ : Sephora
4 / 5
5 / 5
สนใจสั่งซื้อ : Shopee
WATCH
เทคนิคการใช้ Rosehip Oil
1. ควรเลือกใช้เป็นสกัดเย็นบริสุทธิ์ (Cold Pressd) เพราะน้ำมันที่ได้จะไม่เหนียวหนืดมากเกินไป สารสำคัญยังคงอยู่ครบและไม่มีสารปนเปื้อน
2. สามารถนำไปผสมกับครีมบำรุงผิวหรือมอยส์เจอไรเซอร์ได้ และจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากใช้ร่วมกับน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ หรือ น้ำมันหอมระเหยเมล็ดแครอท
3. สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำ ควรใช้วันละ 1-2 ครั้ง (ตอนเช้าและก่อนนอน) โดยใช้เพียง 2-3 หยด แต่ถ้าผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสม แนะนำให้ใช้บำรุงก่อนนอนก็เพียงพอ
WATCH