ภาพจาก guardian.ng

     ในขณะเดียวกันเราก็ต่างพบเห็นอีกหลายๆ คู่ ที่พยายามสร้างความเข้มแข็งของความสัมพันธ์ผ่าน “การลองใจ” กิจกรรมคู่รักสุดป๊อปที่มีผลลัพธ์อยู่เพียง 2 ทางคือถ้าไม่เลิกรากันไป ก็เตรียมก้าวเข้าสู่สเต็ปถัดไปได้เลย แต่รู้หรือไม่การกระทำเหล่านี้อาจเป็นเส้นบางๆ ที่นำพาความสัมพันธ์ของคู่รักไปสู่จุดจบก็เป็นได้ ประเด็นเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงสมมติฐานเท่านั้น ในเว็บไซต์หาคู่ของต่างประเทศอย่าง match.com ได้มีการสำรวจและเก็บสถิติคู่รักที่เลิกรากันไปหลังการลองใจ โดยพบว่ามีโอกาสมากถึง 40% ที่ความสัมพันธ์ของคู่รักเหล่านั้นเริ่มกระทบกระเทือนและไม่มั่นคง จนนำไปพบทางตันในที่สุด 

ภาพจาก tribuneonlineng.com

     อย่างไรก็ตามการลองใจในความสัมพันธ์นั้นก็มีพื้นฐานของความไว้ใจเป็นสารตั้งต้น โดยนักเชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์อย่าง “Jamie Simkins Rogers” ก็ได้กล่าวว่า “คู่รักหลายๆ คู่ที่ได้ทดสอบความสัมพันธ์ผ่านการลองใจนั้น มักเกิดจากความไม่สบายใจ ความไม่เชื่อมั่นในความรักของอีกฝ่าย จนเกิดการลองใจในท้ายที่สุด”

     นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยอีกหลายชิ้นที่พูดถึงเรื่องของ “การลองใจ” ที่นำพามาซึ่งหายนะของความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยเรื่อง “Trust in close relationships: A functional analysis” โดย E. S. Baumeister และ J. D. Bratslavsky ซึ่งถูกตีพิมพ์ในปี 1999 ก็มีข้อสรุปว่าการลองใจอาจส่งผลต่อความไว้วางใจระหว่างคนสองคน โดยฝ่ายที่ถูกลองใจอาจรู้สึกไม่ไว้ใจอีกฝ่าย และอาจนำไปสู่การเลิกกันได้ในที่สุด

 ภาพจาก yitzhakdsterngrant.com

     ในขณะเดียวกัน M. R. Cunningham, J. L. Shamblen และ M. M. Barbee เจ้าของงานวิจัยเรื่อง “Trust and commitment in romantic relationships: An investment model analysis” ก็ได้ข้อสรุปว่า การลองใจอาจส่งผลต่อความคาดหวังในความสัมพันธ์ โดยฝ่ายที่โดนลองใจอาจรู้สึกถึงความกดดันหรือความเครียดจากผลลัพธ์ และอาจทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงได้ในที่สุด 

     แม้ว่าการลองใจจะนำมาซึ่งจุดจบของความสัมพันธ์ แต่ในขณะเดียวกันการกระทำนี้ก็สร้างความผูกพันให้ใครหลายคนมากยิ่งขึ้น แต่กว่าจะได้มาซึ่งผลลัพธ์นั้น อาจต้องอาศัยพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่แข็งแรง ตลอดจนขอบเขตที่ไม่ล้ำเส้นมากจนเกินไป ส่วนคู่รักคู่ไหนที่มีแผนกำลังอยากลองใจคนรัก อาจลองคิดให้ช้าลงอีกสักนิด และไตร่ตรองให้ดีก่อนตัดสินใจ