เคยเป็นกันไหม? เวลาที่เห็นใครบางคนประสบความสำเร็จ ได้งานดีๆ มีความรักที่ดีๆ หรือมีชีวิตที่ดูสมบูรณ์แบบ แล้วหัวใจของเรากลับรู้สึกแปลกๆ ทั้งที่ก็ไม่ได้อยากอิจฉา แต่กลับรู้สึกว่าตัวเอง “ยังดีไม่พอ” ไปโดยไม่รู้ตัว นั่นเพราะในยุคที่โซเชียลเต็มไปด้วยภาพของความสำเร็จและชีวิตของผู้คนที่ดูสวยงาม การไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นจึงไม่ง่ายเลย และยิ่งเรามองภาพเหล่านั้นบ่อยเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เราตกอยู่ในวงจรของการตำหนิตัวเอง คิดว่าเรายังไม่เก่งพอ ไม่สวยพอ หรือไม่สำเร็จเท่าคนอื่น ความคิดวนเวียนอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ
รู้ไหม ... ทุกครั้งที่เรามองตัวเองผ่านมาตรฐานของคนอื่น เรากำลังค่อยๆ ห่างออกจากความสุขของตัวเองมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเรียนรู้ว่า “อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร” แล้วหันมามีความสุขกับชีวิตในแบบของเราเอง และในบทความนี้โว้กบิวตี้จะมาอธิบายให้เห็นภาพได้ชัดขึ้นว่าการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นมันมีผลกระทบต่อจิตใจได้มากแค่ไหน

การเปรียบเทียบทำให้เรามองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง
เวลาที่เราเห็นใครบางคนดูมีชีวิตที่ดี ทั้งเรื่องการงาน ความรัก หรือแม้แต่รูปร่างหน้าตา มันอาจทำให้เราเผลอคิดว่า “ทำไมเราไม่เป็นอย่างนั้นบ้าง” นั่นเพราะเรามองข้ามความจริงที่ว่าพื้นฐานชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจเริ่มต้นก่อน บางคนอาจมีโอกาสมากกว่า หรือบางคนก็แค่เลือกโชว์เฉพาะมุมที่สวยงามให้เราเห็น
ในทางจิตวิทยาการเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่เรามองว่าเหนือกว่า หรือที่เรียกว่า “Upward Comparison” มักทำให้เรารู้สึกด้อยค่าและลดทอนความภาคภูมิใจในตัวเองโดยไม่รู้ตัว และเมื่อเรามองชีวิตของคนอื่นในมุมที่ดีที่สุด แล้วเอามาเทียบกับตัวเองในวันที่เรายังไม่พร้อม นั่นหมายถึงเรากำลังเปรียบเทียบ ‘ความจริงของตัวเรา’ กับ ‘ภาพที่ถูกเลือกมาโชว์’ ซึ่งนี่มันไม่แฟร์กับหัวใจของเราเลย

ยิ่งเปรียบเทียบเท่าไหร่ ... ความสุขยิ่งน้อยลงเท่านั้น
ยิ่งเรามัวแต่มองว่าใครเก่งกว่า หรือมีมากกว่าเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมองข้ามสิ่งดีๆ ที่เรามีอยู่ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเราลืมใช้เวลาไปกับความสุขหรือความต้องการของเราเอง แต่กลับใช้มันไปกับการมองชีวิตของคนอื่นแทน และนั่นคือจุดที่เราค่อยๆ สูญเสียความสุขไปโดยไม่รู้ตัว
การเปรียบเทียบยังทำให้เราหลุดออกจากปัจจุบัน เพราะสมองจะโฟกัสอยู่กับ “สิ่งที่เรายังไม่มี” มากกว่าสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว ส่งผลให้รู้สึกไม่พอใจในชีวิตมากขึ้น ดังนั้น แทนที่จะถามว่า “ทำไมเราไม่มีเหมือนเขา” ลองเปลี่ยนเป็น “อะไรที่เราทำได้ดีขึ้นจากเมื่อก่อน” เพราะเมื่อเราเริ่มหันกลับมามองตัวเองในแบบที่ไม่ต้องแข่งขันกับใคร ความสุขก็จะค่อยๆ กลับคืนมาในที่สุด

การเปรียบเทียบทำให้เราหลงลืมเส้นทางของตัวเอง
ทุกครั้งที่เราใช้เวลาไปกับการมองชีวิตของคนอื่น เรากำลังละสายตาจากทางของตัวเอง เรามัวแต่จ้องดูว่าใครไปถึงไหนแล้ว ใครได้โอกาสอะไรบ้าง จนทำให้เราหลงลืมเป้าหมายของตัวเองไป การมองชีวิตผ่านการเปรียบเทียบกับคนอื่น ก็ไม่ต่างจากการขับรถโดยไม่มองถนนข้างหน้า เพราะมัวแต่เหลียวดูเลนข้างๆ ว่าคนอื่นขับไปถึงไหนกันแล้ว
การเปรียบเทียบกับคนอื่นซ้ำๆ ทำให้คนเราสูญเสียแรงจูงใจจากภายใน และหันไปทำสิ่งต่างๆ เพียงเพื่อ “ให้เหมือนคนอื่น” แทนที่จะทำเพื่อตัวเอง แต่เมื่อไหร่ที่เราหยุดเปรียบเทียบกับใครๆ เราก็จะเริ่มมองเห็นเส้นทางของตัวเองชัดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความพยายามเล็กๆ ที่เราทำในทุกวัน ความก้าวหน้าที่ไม่มีใครเห็น และความภูมิใจเล็กๆ ที่เราลืมให้ค่ามันไป

เมื่อเราเลิกเปรียบเทียบ ... เราจะหันมายอมรับและรักตัวเองในแบบที่เราเป็น
การเลิกเปรียบเทียบ ไม่ได้เท่ากับการหนี หรือการหยุดดูคนอื่น แต่คือการกลับมามองตัวเองให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งมากขึ้น มองเห็นข้อดีเล็กๆ น้อยๆ ที่เรามีอยู่ เห็นความพยายามในแต่ละวัน และยอมรับว่าความไม่สมบูรณ์แบบก็เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์ และเมื่อเราก็จะกลับมารับรู้ความรู้สึกของเราเองอย่างตรงไปตรงมา และหยุดตัดสินตัวเองจากสิ่งที่คนอื่นเป็น เราก็จะไม่รู้สึกว่าต้องเปลี่ยนตัวเองให้เหมือนคนอื่น และเมื่อเราไม่ต้องแข่งขันกับใคร เราก็จะมีพื้นที่มากขึ้นในการชื่นชมสิ่งที่เรามีมากขึ้น เพราะสุดท้ายแล้วความสุขไม่ได้เกิดจากการชนะใคร แต่เกิดจากการยอมรับและรักตัวเองในแบบที่เราเป็นจริงๆ
BODYรู้จัก 'Natural Model Management' โมเดลลิ่งที่ไม่ได้ตีค่าความงามตาม Beauty Standard
CELEBRITYรวม 8 คนดังที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคนลุกขึ้นมาทลายกำแพง Beauty Standard



