WELLNESS

“6S” ทิปส์ที่จะทำให้คุณกลับมารักตัวเองอีกครั้ง

ถึงเวลาของการกลับมารักตัวเองแล้ว

นานแค่ไหนแล้ว? ที่ไม่ได้ใช้เวลาสครับผิวกาย ทาครีมบำรุง มาสก์ผม และดื่มด่ำกับโมเมนต์ประทินผิวหัวจรดเท้า

นานแค่ไหนแล้ว? ที่ไม่ได้รู้สึกสดชื่นหลังจากเสียเหงื่อให้กับการออกกำลังกาย

และนานแค่ไหนแล้ว? ที่ไม่ได้เวลาให้กับตัวเองทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตที่ผ่านมา

ภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช 

กราฟิก: บพิตร วิเศษน้อย

Self-Love Revival 

หลายครั้งที่สิ่งแวดล้อมรอบข้างกดดันเราให้ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบโดยไม่รู้ตัว รีบทำงาน รีบติดตามข่าว รีบไถหน้าจอเสพคอนเทนต์ไวรัล รีบกลับบ้าน รีบพักผ่อน จนกลายเป็นรูทีนประจำวันที่แม้จะไม่รู้สึกเบื่อ แต่กลับรู้สึกเหนื่อยแบบไร้สาเหตุ รู้ตัวอีกที ร่างกายและจิตใจก็เปลี่ยนแปลงไปจนลืมความรู้สึกสดชื่นจากการพักผ่อนแบบเต็มอิ่ม ลืมความรู้สึกแข็งแรงแบบตอนยังเด็ก และลืมความรู้สึกอบอุ่นหัวใจจากความสุขที่แท้จริงไป โว้กบิวตี้จึงหยิบเอาทิปส์ “6S” มาแนะนำให้กับทุกคนได้ลองไปทำตามเพื่อกลับไปหาตัวตนและความสุขของตัวเองอีกครั้งกัน

Skin เสริมปราการผิว

แน่นอนว่าความสุขอย่างหนึ่งคือการดูแลผิวเป็นประจำ แต่จะดีกว่าไหมหากเพิ่มการดูแลตัวเองจากภายในให้เป็นนิสัย เช่น การดื่มน้ำหนึ่งแก้วหลังตื่นนอน ออกกำลังกายก่อนไปทำงาน เพิ่มผักใบเขียวในมื้ออาหาร หรือการทำทรีตเมนต์ตามจุดต่างๆ ของร่างกาย การเพิ่มพฤติกรรมเล็กๆ เหล่านี้ในกิจวัตรประจำวัน จะช่วยลดความเครียดสะสมอันเป็นสาเหตุของหลายปัญหาผิว โดยเฉพาะ “ภาวะผิวเครียด”ที่สกินแคร์เพียงอย่างเดียวไม่อาจฟื้นฟูได้ทั้งหมด

Scent หอมกลิ่นกำจาย

นอกจากเสียงเพลงแล้ว กลิ่นก็ให้อารมณ์ความรู้สึกต่างๆ กับเราได้เช่นกัน ที่สำคัญกลิ่นยังช่วยบันทึกความทรงจำในแต่ละช่วงเวลาได้อีกด้วย ทิปส์ในข้อนี้จึงเป็นการใช้กลิ่นต่างๆ ช่วยปรับความรู้สึกของเรา เช่น ใช้กลิ่นกุหลาบเพิ่มความโรแมนติก กลิ่นเลม่อนเพิ่มความสดชื่น กลิ่นลาเวนเดอร์ช่วยให้ผ่อนคลาย หรือกลิ่นพิมเสนช่วยเพิ่มสมาธิและคลายกังวล

Slow ลดความเร็ว

ความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นมาพร้อมกับความเสี่ยงมากมายที่ต้องแลก ไม่ใช่แค่เรื่องขับขี่ แต่รวมถึงการใช้ชีวิตด้วยเช่นกัน คติชีวิตติดสปีดจึงไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไป แต่ก็ไม่ได้หมายถึงการเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนอืดอาด ลองลดความเร็วโดยการจัดสรรเวลาทำงานและพักผ่อนให้ลงตัวเพื่อหาเวลากลับมาดูแลตัวเอง ทั้งการยืดเส้นสายคลายกล้ามเนื้อตอนเช้า นวดหน้าด้วยกัวซาสัก 5 นาทีก่อนแต่งหน้า กินอาหารเช้าพร้อมติดตามข่าวสารประจำวัน แล้วจึงออกเดินทางไปทำงานพร้อมกับดนตรี Lo-fi หรือพอดแคสต์ที่ชื่นชอบ ชีวิตที่ช้าลงสักหน่อย เหนื่อยน้อยลงกว่าเดิม เพิ่มเติมคือสติและสมาธิในทุกการกระทำ



WATCH



ภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช 

Socialize พบปะผู้คน เข้าสังคมใหม่

การได้พบปะผู้คนหรือเข้าสังคมใหม่ๆ ช่วยให้สุขภาพจิตใจดีขึ้นได้ ทั้งการแลกเปลี่ยนความคิด รู้จักผู้คนและรับรู้เรื่องราวใหม่ๆ  แต่หากไม่ถนัดหรือไม่ชอบอยู่ในสถานที่ผู้คนพลุกพล่าน ลองเปลี่ยนมาเป็นการนัดเพื่อนสนิทหรือเพื่อนสมัยเรียนมาพบกัน พูดถึงความทรงจำดีๆ สมัยก่อน อัปเดตเรื่องราวชีวิตของกันและกัน ความสุขในช่วงเวลานี้อาจสร้างแรงบันดาลใจหรือจุดประกายเป้าหมายใหม่ๆ ให้เราก็เป็นได้

Scenery เปลี่ยนวิวเมืองเป็นวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ

ธรรมชาติคือสถานที่บำบัดใจที่ดีแห่งหนึ่ง แต่เรามักแก้ขัดด้วยการตั้งภาพป่าเขาลำเนาไพรเป็นภาพพื้นหลังหน้าจอที่บางครั้งก็ดูเหมือนจะบังคับให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายเวลาเห็นภาพเหล่านี้ไปเสียหน่อย ดังนั้นถึงเวลาแล้วสำหรับการออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อชาร์จแบตให้กลับมามีพลัง การล้อมตัวเองด้วยพื้นที่สีเขียวช่วยสร้างความสงบ ผ่อนคลาย และสร้างอารมณ์เชิงบวกได้อย่างดี ไม่แน่ว่าการเดินทางครั้งนี้อาจทำให้คุณเจอเรื่องราวที่จะกลายเป็นความทรงจำดีๆ ก็เป็นได้ 

Safe Space พื้นที่ปลอดภัยสำหรับใจตัวเอง

สิ้นสุดวันอันเหนื่อยล้า ถึงเวลาของการพักผ่อนอย่างเต็มรูปแบบ พื้นที่ปลอดภัยของเราอาจเป็นเตียงนอนนุ่มๆ ในห้องนอนอันเงียบสงบ มุมโต๊ะเครื่องแป้งที่เต็มไปด้วยบิวตี้ไอเท็มชิ้นโปรด คาเฟ่ร้านประจำสำหรับนัดพบเพื่อนสนิท รวมถึงบ้านที่เราสามารถเปิดใจคุยทุกเรื่องราวกับครอบครัวหรือคนรักได้ การหยุดพักจากทุกเรื่องวุ่นวายและกลับมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยจะช่วยเติมเต็มความมั่นคงทางใจให้เรามองเห็นคุณค่าในการกระทำและตัวตนของตัวเอง

 

ติดตามทิปส์ "6S" แบบเต็มๆ ต่อได้ทางนิตยสารโว้กประเทศไทยฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2024 

ภาพปกบทความ : จินาภา ฟองกษีร

WATCH