WELLNESS

วิธีมูฟออนจากความรักที่ Toxic แบบไม่ต้องรีบหาย แต่ค่อยๆ กลับมารักตัวเองอีกครั้ง

การตัดสินใจออกมาจากความสัมพันธ์แย่ๆ อาจต้องใช้แค่ความกล้า แต่การมูฟออนให้ชีวิตเดินต่อไปต้องใช้ทั้งเวลา ความอดทน พลังใจ รวมถึงความรักที่เราต้องมอบให้แก่ตนเอง

     การเดินออกมาจากความสัมพันธ์ Toxic ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด อาจไม่ใช่แค่การบอกลาอีกฝ่าย แต่ยังหมายถึงการพาตัวเองออกจากสิ่งแวดล้อมแย่ๆ และความทรงจำที่กัดกินหัวใจ ทว่าการก้าวออกมาแล้วไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดหายไปโดยฉับพลัน แต่ความรู้สึกแย่ๆ จะยังคงอยู่ และไม่อาจหายไปได้ หากเรายังยึดติดอยู่กับมัน และไม่หันกลับมารักตัวเองสักที

     แน่นอนว่าเราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนให้ตัวเองหายดี หรือฝืนยิ้มให้ดูเข้มแข็งในสายตาใคร เพราะการเยียวยาหัวใจไม่เคยมีเส้นตายกำกับไว้ เราสามารถให้เวลาตัวเองได้เศร้า อ่อนแอ ร้องไห้ หรือสับสนได้อย่างเต็มที่ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะค่อยๆ มูฟออน เพื่อให้ชีวิตเดินหน้าต่อไปได้อีกครั้ง วันนี้โว้กบิวตี้จึงได้หยิบวิธีมูฟออนมาฝากทุกคนได้กลับมาโอบกอดตัวเอง พร้อมอยู่เป็นเพื่อนเคียงข้างคุณตรงนี้

 

ยอมรับความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้น

     การมูฟออนไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเลิกเศร้าเอาเดี๋ยวนี้ หรือทำเป็นไม่รู้สึกอะไร การยอมรับความโกรธ ความเสียใจ ความผิดหวัง หรือแม้แต่ความรักที่ยังหลงเหลืออยู่ นี่แหละคือก้าวแรกที่สำคัญที่สุด เพราะการปฏิเสธความรู้สึก ไม่ต่างอะไรกับการหนีออกมาเฉยๆ โดยที่หัวใจยังหนักอึ้งไปด้วยความเจ็บปวดและความรู้สึกแย่ๆ ที่คั่งค้างอยู่ อยากแนะนำให้ลองเขียนความรู้สึกทั้งหมดลงในสมุด หรือพูดคุยกับคนที่ไว้ใจ เพื่อระบายสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจออกมา จำไว้นะคุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกโอเคในทันที แต่ให้ค่อยๆ ยอมรับว่ามันเกิดขึ้นจริง และคุณกำลังอยู่ระหว่างเรียนรู้ที่จะรับมือกับมัน

 

ตัดวงจรที่ทำร้ายใจตัวเองซ้ำๆ

     หนึ่งในกับดักระดับบอสที่ทำให้ชีวิตไม่สามารถมูฟออนได้ คือการกลับไปวนเวียนซ้ำๆ กับสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกเจ็บปวด เช่น ยังคงไปส่องโซเชียลมีเดียของเขา แอบถามความเคลื่อนไหวกับคนรู้จักของเขา หรือโทษตัวเองว่าที่รักล้มเหลวเพราะเราไม่ดีพอเอง เพราะฉะนั้นเราต้องตัดวงจรเหล่านี้ออก กดเลิกติดตามบนโซเชียลมีเดียต่างๆ ปิดการแจ้งเตือน หยุดอ่านข้อความเก่าๆ ที่เคยคุยกัน หรือบล็อกไปได้เลยยิ่งดี แม้มันอาจจะรู้สึกทำยากในตอนแรก แต่รู้ไหมมันคือการสร้างพื้นปลอดภัยที่ช่วยให้หัวใจได้หายใจโล่งได้อีกครั้ง 

 

ทุ่มเทความรักให้ตนเอง

     เมื่อความรักจบลง เรามักรู้สึกเหมือนสูญเสียส่วนหนึ่งของตัวตนไป แต่แทนที่จะปล่อยให้ความว่างเปล่านั้นกัดกินหัวใจ ลองเปลี่ยนพลังงานที่เคยทุ่มให้คนอื่นมาใช้กับตัวเองแทน เช่น เริ่มต้นทำกิจกรรมใหม่ๆ ที่เคยอยากทำ ออกกำลังกาย ดูแลผิวพรรณ หรือแม้แต่จัดทริปสั้นๆ ไปเที่ยว ซึ่งการหันมาทุ่มเทความรัก ความใส่ใจ และเวลาให้ตัวเอง ถือเป็นวิธีการที่จะค่อยๆ เติมเต็มช่องว่างในหัวใจ และสร้างความสุขที่ไม่ต้องรอให้ใครมาเติมให้ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่จะอยู่ไปตลอดชีวิตก็มีแต่ตัวเราเองเท่านั้น

 

พูดคุยหรือปรึกษากับคนไว้ใจ

     เพราะบางครั้งความเศร้า ความเจ็บปวด หรือความรู้สึกสูญเสียมันอาจใหญ่เกินกว่าที่เราจะรับมือเพียงลำพัง ลองเปิดใจพูดคุยกับเพื่อนที่เข้าใจ ครอบครัวที่พร้อมรับฟัง หรือถ้ารู้สึกว่ามันหนักเกินไปจริงๆ การหาผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยาหรือนักบำบัด ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย หลายคนอาจกลัวว่าการระบายความรู้สึกออกมาจะทำให้ตัวเองดูอ่อนแอ หรือกลัวว่าจะเป็นภาระคนอื่น แต่ความจริงแล้วมันคือการได้พูดสิ่งที่อัดอั้นและค้างคาอยู่ในใจออกมา และบางครั้งเพียงแค่มีใครสักคนคอยบอกว่า “เธอไม่ได้อยู่คนเดียวนะ” นั่นก็อาจเป็นพลังใจที่ช่วยให้เรามูฟออนต่อได้เร็วขึ้น

 

ให้เวลากับตัวเองในการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเจ็บปวด

     สุดท้ายแล้วการมูฟออนคือการเดินทางที่ไม่มีเส้นตาย ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่ามันจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ถึงจะหายดี คุณไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเอง ถ้าบางวันยังร้องไห้ ยังเศร้า หรือยังคิดถึงเขา ก็ไม่เป็นไรเลย ให้เวลากับตัวเองได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับความเจ็บปวดอย่างเข้าใจ แล้วค่อยๆ ใช้วันเวลาสร้างชีวิตใหม่ที่ทำให้ตัวเรารู้สึกปลอดภัย มีความสุข และหันมารักตัวเองให้มากขึ้น แม้จะมากขึ้นทีละน้อย ก็ยังเป็นการก้าวไปข้างหน้า ซึ่งดีกว่าการจมดิ่งอยู่กับที่ หรือเดินถอยหลังเสมอ

 

ข้อมูล : Brides, Verywell Health, news.com.au

WATCH