
SKINCARE
ไขรหัสครีมกันแดด! ค่า SPF ต้องเลือกที่เท่าไหร่?เจาะลึกเรื่องครีมกันแดด ค่า SPF และ PA ที่แตกต่างกัน เราควรเลือกที่เท่าไหร่ให้ปกป้องผิวได้เต็มประสิทธิภาพและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ |
ทุกครั้งที่เลือกซื้อ “ครีมกันแดด” เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมถึงมีค่า SPF ให้เลือกตั้งแต่ 15, 30, 50 แล้วตัวเลขเหล่านี้มีความหมายอย่างไร? เชื่อว่าหลายคนอาจเข้าใจว่า SPF ยิ่งสูง ยิ่งปกป้องผิวได้ดี แต่ความจริงแล้วมันอาจไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป แล้ว SPF แต่ละระดับต่างกันแค่ไหน? เลือกผิดอาจกันแดดได้ไม่เต็มที่จริงไหม? วันนี้โว้กบิวตี้จะพาไปเจาะลึกเรื่องครีมกันแดดแบบครบทุกมิติ ตั้งแต่การไขรหัส SPF แต่ละค่า ไปจนถึงเทคนิคเลือกกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวและไลฟ์สไตล์

SPF ยิ่งสูง ยิ่งกันแดดดีขึ้นจริงไหม?
SPF (Sun Protection Factor) คือค่าที่บอกว่าครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้มากแค่ไหน ซึ่ง UVB นี่แหละที่เป็นตัวการหลักทำให้ผิวไหม้แดด และเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนัง โดยการทำงานของ SPF ทำหน้าที่ช่วยยืดเวลาที่ผิวจะเริ่มไหม้แดด เช่น ค่า SPF 30 จะช่วยยืดเวลาออกไป 30 เท่า หรือประมาณ 5 ชั่วโมง และค่า SPF 50 ก็จะช่วยยืดเวลาได้ 50 เท่า หรือ 8 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการคำนวณตามทฤษฎี เพราะในความจริงแล้วผิวของคนเรายังต้องเจอเหงื่อ, การเช็ดหน้า และแสงแดดที่แรงมาก ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดเสื่อมลง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
ค่า SPF แต่ละระดับ ปกป้องผิวได้ต่างกันอย่างไร?
หลายคนอาจเข้าใจว่าตัวเลขที่สูงกว่าจะกันแดดได้ดีกว่า เช่น SPF 50 กันแดดได้ดีกว่า SPF 30 แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้ต่างกันมากขนาดนั้น โดย SPF 15 ป้องกันรังสี UVB ได้ 93% ในขณะที่ SPF 30 ป้องกันรังสี UVB ได้ 97% และ SPF 50 ป้องกันรังสี UVB ได้ 98% ซึ่งจะเห็นได้ว่า SPF 30 และ SPF 50 ต่างกันแค่ 1% เท่านั้น ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า SPF 30-50 เพียงพอสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน และไม่ว่าจะใช้ SPF เท่าไหร่ การทาซ้ำสำคัญกว่าการเลือก SPF สูงๆ

อย่าลืมดูที่ค่า PA ด้วย
หลายคนสนใจแค่ SPF แต่ลืมไปว่ายังมีรังสี UVA ที่อันตรายไม่แพ้กัน เพราะมันเป็นตัวการที่ทำให้ ผิวแก่ก่อนวัย เกิดริ้วรอย ฝ้า และจุดด่างดำ ซึ่ง SPF นั้นไม่สามารถป้องกัน UVA ได้ ดังนั้นการเลือกใช้ครีมกันแดดจำเป็นต้องดูที่ค่า PA (Protection Grade of UVA) ด้วย โดยจำนวนของเครื่องหมายบวก (+) ที่ต่อหลัง PA หมายถึงระดับในการปกป้องจากน้อยไปหามาก คือยิ่งเครื่องหมายบวกมากก็ยิ่งปกป้องได้ดีกว่า ซึ่งถ้าอยากได้การปกป้องที่รอบด้านแนะนำให้เลือกครีมกันแดดที่มี PA+++ หรือ PA++++ ที่ปกป้องได้ระดับสูงถึงสูงที่สุด
เลือกค่า SPF ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์
การเลือก SPF ที่เหมาะสมไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ายิ่งเยอะยิ่งดี แต่สิ่งสำคัญคือต้องเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ดังนี้
- SPF 15-30: เหมาะกับใช้ชีวิตประจำวัน เช่น อยู่ในออฟฟิศ, ทำงานในที่ร่ม และขับรถ
- SPF 30-50: เหมาะกับการออกไปข้างนอกบ่อยๆ เช่น เดินเล่นกลางแจ้ง, ช้อปปิ้ง หรือกิจกรรมกลางแดดที่ไม่หนักมากนัก
- SPF 50+: เหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องเผชิญแดดแรง เช่น เที่ยวทะเล, ปีนเขา, วิ่งกลางแดด เป็นต้น
Editor’s Tips: เคล็ดลับการใช้ครีมกันแดดให้ได้ผลดี เริ่มจากการใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ควรทาก่อนออกแดด 15-30 นาที เพื่อให้ครีมกันแดดซึมลงผิวและเริ่มทำงานได้เต็มที่ และที่สำคัญต้องทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะหลังเหงื่อออกหรือผิวโดนน้ำ เพื่อคงประสิทธิภาพให้ครีมกันแดดปกป้องผิวได้เต็มที่
ภาพ : Design by Pixel
WATCH