"พรีเซรั่ม" คือสกินแคร์ที่จะช่วยนำพาสารบำรุงต่างๆ เข้าสู่ผิวและช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานของสกินแคร์ให้ดีกว่าเดิม เนื้อสัมผัสมีความคล้ายคลึงกับเซรั่มและเอสเซนซ์ สามารถซึมซาบลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและล้ำลึก จึงสามารถที่จะจัดการปัญหาได้ตั้งแต่ระดับเซลล์ผิวชั้นในไปจนถึงผิวชั้นนอก และยังเน้นการปรับสภาพผิวให้สมดุลและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวพร้อมแก่การลงบำรุงในขั้นตอนต่อไป แนะนำให้ใช้หลังการเช็ดโทนเนอร์ทั้งในช่วงเช้าและเย็น เพื่อเข้าไปจัดการปัญหาต่างๆ ผสานกับการทำงานของสกินแคร์ตัวต่อไป
ประเภทของพรีเซรั่มที่เรามักจะเห็นในวงการสกินแคร์คือมาในรูปแบบของ "เซรั่ม" และ "เอสเซนซ์" จึงค่อนข้างบางเบาสบายผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมซาบค่อนข้างไว ทำให้การลงสกินแคร์ให้ตัวต่อไปไม่กองอยู่บนผิวนั่นเอง สามารถเลือกใช้ได้ตามต้องการของสภาพผิวและปัญหาผิว
First Care Activating Serum จาก Sulwhasoo (ราคา 3,900 บาท)
1 / 4
Advanced Genifique Youth Activating Concentrate จาก Lancome (ราคา 3,200 บาท)
2 / 4
The Serum จาก Clé de Peau Beauté (ราคา 9,000 บาท)
3 / 4
Ultimune Power Infusing Concentrate จาก Shiseido (ราคา 2,600 บาท)
4 / 4
ถ้าใครที่มีปัญหาผิวมีริ้วรอย หย่อนคล้อย ไม่กระชับ รวมถึงความหมองคล้ำและจุดด่างดำที่เกิดจากปัญหาสิว แนะนำให้ลองใช้แบบเซรั่ม เพราะคุณสมบัติหลักคือช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด แต่ถ้าใครมีปัญหาผิวขาดน้ำ ไม่ชุ่มชื้น แถมยังเกิดความมันบนผิวมากเกินไปทำให้เกิดสิวตามมา ลองเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยพรีเซรั่มที่มีลักษณะเป็นน้ำอย่างเอสเซนซ์ เพราะเอสเซนซ์จะช่วยปรับสภาพผิวและเติมน้ำให้ผิวอิ่มฟูนั่นเอง
Skin Caviar Essence-in-Lotion จาก La Prairie (ราคา 10,300 บาท)
1 / 4
Regenerist Miracle Boost Youth Pre-Essence จาก OLAY (ราคา 899 บาท)
2 / 4
Intense Care Galactomyces Lite Essence 96.5% จาก Tony Moly (ราคา 1,290 บาท)
3 / 4
Aiming Lotion จาก THREE (ราคา 3,400 บาท)
4 / 4
SKINCARE10 มอยส์เจอไรเซอร์วิตามินซี ผิวเปล่งปลั่งกระจ่างใส ความหมองคล้ำและจุดด่างดำลดลง
MAKE UPสวยพร้อมประชุมซูมภายใน 5 นาทีด้วยไอเท็มเมกอัพที่ควรมีติดโต๊ะทำงานไว้เวลา Work From Home



