SKINCARE

7 ส่วนผสมที่ควรมีในสกินแคร์สำหรับผิวมันและผิวผสม

ลดปัญหาความมันบนใบหน้าด้วยส่วนผสมเหล่านี้

ปัญหาโลกแตกของคนที่มีผิวมันและผิวผสมคือการบำรุงผิวอย่างไรให้ได้ความชุ่มชื้นแบบเพียงพอและไม่ทำให้ผิวหน้ามันกว่าเดิม สิ่งสำคัญที่ควรทำเป็นอย่างแรกคือเลือกส่วนผสมในสกินแคร์ให้เหมาะสม เพราะเมื่อเราเลือกสกินแคร์ที่ถูกต้องกับผิวแล้ว การทำงานของสกินแคร์ก็จะได้ประสิทธิภาพการบำรุงผิวที่ถูกต้องและได้ผลมากกว่าเดิม โว้กบิวตี้รวมส่วนผสมที่เหมาะกับผิวมันและผิวผสมมาฝากกัน

 

  • Clay

โคลนอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมายที่ดีต่อผิวหน้า มีคุณสมบัติในการช่วยดูดซับความมันส่วนเกินได้ดี กำจัดสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน และผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก จึงเป็นการดีท็อกซ์ผิวไปในตัวด้วย เพื่อไม่ให้เกิดสิวอุดตันตามมาทีหลัง ฉะนั้นคนที่มีผิวผสมและผิวมันจึงควรมองหาส่วนผสมนี้เช่นกัน

Heartleaf 70% MUD Cream Mask จาก ANUA (ราคา 750 บาท)

 

  • Hyaluronic Acid

กรดไฮยาลูรอนิกไม่ได้เหมาะแค่สำหรับผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำเท่านั้น เพราะปัญหาผิวมันเกิดจากการที่ผิวขาดน้ำมากๆ จึงทำให้มีการผลิตน้ำมันออกมาเติมความชุ่มชื้นบนผิวหน้ามากเกินไปนั่นเอง ดังนั้นการใช้กรดไฮยาลูรอนิกจะช่วยเติมน้ำให้ผิวมีความสมดุลมากขึ้น ทำให้ผิวเราไม่แห้งหรือมันจนเกินไป และเมื่อผิวเรามีความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอแล้ว ปัญหาผิวอย่างก็จะไม่ตามมา

Water Drench Hyaluronic Glow Serum จาก Peter Thomas Roth (ราคา 2,650 บาท)

 

  • Retinoic Acid

กรดเรติโนอิกอยู่ในกลุ่มของเรตินอลหรือวิตามินเอ มีฤทธิ์กระตุ้นการผลัดเซลล์ของผิว รวมทั้งป้องกันการเกิดสิวอุดตันซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวทั่วไป สำหรับคนที่มีผิวผสมและผิวมัน สามารถใช้เพื่อให้ช่วยลดการเกิดสิวได้ แต่ก็มีผลข้างเคียงเล็กน้อยในบางกรณี เพราะถ้าใช้มากเกินไปหรือใช้ไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองและแพ้แสงแดดง่าย ฉะนั้นควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะและแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนใช้จะดีที่สุด

 



WATCH



Power A Retexturising & Renewing จาก Zelens (ราคา 4,850 บาท) 

 

  • Niacinamide

     หลายคนอาจจะรู้จักกันในชื่อวิตามินบี 3 ถือเป็นส่วนผสมที่คล้ายกับเรตินอลและกรดผลัดเซลล์ผิวทั้งหลาย แต่จะมีความอ่อนโยนและปลอบประโลมผิวได้ดีกว่า เพราะจะช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันในชั้นผิว ลดรอยจุดด่างดำต่างๆ จากปัญหาสิว พร้อมกระตุ้นการผลิตเซราไมด์ให้ผิวมีเกราะป้องกันและแข็งแรงขึ้นนั่นเอง

Lucent Facial Concentrate จาก AESOP (ราคา 3,950 บาท)

 

  • Salicylic Acid

กรดซาลิไซลิก (BHA) มักจะพบเป็นองค์ประกอบของพืชหลายชนิด เช่น เปลือกของต้นหลิว (Willow) จะช่วยกำจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขนได้ดี สลายสิวหัวขาวและสิวหัวดำ ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก พร้อมยับยั้งเชื้อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว และที่สำคัญคือควบคุมการผลิตน้ำมันในชั้นผิวให้สมดุล จึงไม่ทำให้เกิดความมันส่วนเกิน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวนั่นเอง

Salicylic Acne Wash จาก DHC (ราคา 550 บาท)

 

  • Grape Seed Oil

โดดเด่นด้วย Polyphenols ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องคอลลาเจนและผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ กักเก็บความชุ่มชื้นของผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น ยืดอายุของเซลล์ผิวและช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว ทำให้ผิวเต่งตึงกระชับ พร้อมลดการอุดตันของรูขุมขนและลดการเกิดสิวสำหรับคนผิวมัน เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งส่วนผสมสำคัญที่น่าสนใจมาก

Vinosource Moisturizing Matifying Fluid จาก Caudalie (ราคา 1,500 บาท)

 

  • Glycolic Acid

กรดไกลโคลิกเป็นกรดผลไม้ที่พบมากในอ้อย คุณสมบัติหลักของกรดไกลโคลิกจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ยับยั้งการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีซึ่งเป็นต้นเหตุให้ผิวหมองคล้ำและจุดด่างดำทั้งหลาย ปรับผิวให้กระจ่างใสและสม่ำเสมอมากขึ้น พร้อมลดเลือนริ้วรอยหรือร่องลึกต่างๆ

Crema Nera Acqua Reviscentalis Brightening & Exfoliating Essence จาก Giorgio Armani (ราคา 5,000 บาท)

ภาพ : Courtesy of the brands / IG: @iamalinamorozova

WATCH