SKINCARE

5 ทรีตเมนต์หน้าที่คนอยากให้ผิวกลับมาดูเปล่งปลั่งต้องลอง

จากประสบการณ์ตรงของบรรณาธิการความงามฝ่ายดิจิทัลโว้กบิวตี้ นี่คือ 5 สปา-ทรีตเมนต์ใบหน้าที่ทำให้ผิวกลับมาดูเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวาแบบเห็นผล

ทุกวันนี้บำรุงผิวหน้าตามขั้นตอนเดิม ทำไมถึงให้ผลลัพธ์ไม่ถึงใจเหมือนแต่ก่อน? จริงๆ ไม่ใช่แค่ผิวที่แก่ลงตามวัย แต่การบำรุงก็ต้องปรับให้เข้ากับผิวในแต่ละช่วงเช่นกัน

หลังจากได้ลองทรีตเมนต์หน้าหรือที่เรียกกันว่านวดหน้ามาหลายที่ ก็ทำให้รู้ว่าวงการนี้ยังมีวิธี ‘บูสต์ผิว’ อยู่อีกไม่น้อย จากที่เคยติดอยู่กับการมาสก์หน้าทั้งชีทมาสก์ที่มีกิมมิกบนตัวแผ่นหรือขั้นตอน รวมไปถึงโอเวอร์ไนต์มาสก์ราคาแพงที่ขายเทคโนโลยีสุดล้ำจนคิดว่าเหล่านี้คือที่สุดของสกินแคร์ก่อนจะข้ามรั้วไปสู่หัตถการงานผิว และถ้าวันนี้เจอใครที่บอกว่าทำทรีตเมนต์หน้าไม่คุ้มค่าและเป็นแค่การตลาด ก็ต้องขอตอบตามตรงว่าการตลาดนี้ทำให้ผิวหน้ากลับมาดูดีได้จริงๆ 

5 ทรีตเมนต์หน้าแนะนำสำหรับฟื้นบำรุงผิวล้ำลึก

ทรีตเมนต์หน้ามีหลายแบบ ทั้งทรีตเมนต์สำหรับฟื้นบำรุง ปรับสมดุลผิว ดีท็อกซ์(ผลัดเซลล์ผิว) ไปจนถึงนวดผ่อนคลาย สำหรับลิสต์นี้เหมาะกับใครที่อยากฟื้นบำรุงผิวล้ำลึก ทำเสร็จเห็นผลลัพธ์ผิวดูอิ่มน้ำเปล่งปลั่ง

1.Bespoke Super Lift Facial และ Karat Gold Mask & E Finger จาก Margy’s Monte Carlo

ทรีตเมนต์ยกกระชับที่เราออกแบบเองสูตรเองได้ โดยจะเลือกตามปัญหาผิวและใช้กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน เช่น หากผิวมันเป็นสิว อยากปกป้องริ้วรอยก่อนวัยจะใช้สกินแคร์กลุ่ม Pour La Vie ผิวหมองคล้ำ ดูโทรมจะใช้กลุ่ม Luminance Antiage และผิวหย่อนคล้อยมีริ้วรอยชัดเจนจะใช้กลุ่ม Prestige ซึ่งความพิเศษของผลิตภัณฑ์แบรนด์นี้คือเทคโนโลยี Biomimicry ที่เข้าไปทำงานลึกถึงระดับเซลล์ นอกจากนี้ “มาสก์ทองคำ” ของที่นี่ไม่เหมือนที่ไหนในโลก เพราะใช้แผ่นมาสก์ทำจากเหล็กทองคำที่จะกระจายคลื่น Micro-currents ทั่วใบหน้า โดยจะลงเซรั่มบำรุงผิวทั่วใบหน้าหรือทำทรีตเมนต์เพื่อความชุ่มชื่นและยกกระชับก่อนตามด้วยมาสก์นี้ก็ได้เช่นกัน ระหว่างทำจะรู้สึก ‘ยิบๆ’ เหมือนมีคลื่นสัมผัสใบหน้า แต่จะไม่ได้รู้สึกเจ็บหรือชาเหมือนกับการใช้เครื่องยกกระชับ 

Margy’s Monte Carlo เพิ่งจะเข้ามาทำการตลาดในไทยผ่านสปาหรูใจกลางเมือง เซเรน เลอ โมมองต์ (Séren Le Moment) ในปีนี้  เป็นแบรนด์จากสวิตเซอร์แลนด์ที่อยู่เฉพาะในสปาของโรงแรมหรู 5 ดาวทั่วโลก ผลิตภัณฑ์ของเขาก็ไม่มีจำหน่ายตามร้านทั่วไป เพราะต้องการคงความเอ็กซ์คลูซีฟให้กับผู้ที่ต้องการทำทรีตเมนต์ที่เห็นผลลัพธ์คุ้มราคาเท่านั้น 



WATCH



2. Aromatherapy Rebalancing Facial Treatment จาก Jurlique

แบรนด์สกินแคร์จากออสเตรเลียที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำฟาร์มไบโอไดนามิกที่เป็นต้นกำเนิดของส่วนผสมธรรมชาติในผลิตภัณฑ์ทั้งหมด (อ่านต่อการพาทัวร์ฟาร์มไบโอไดนามิกของ Jurlique ได้ที่นี่) ทรีตเมนต์หน้าของ Jurlique ก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจไม่ต่างกับสกินแคร์ดังตัวของเขา สูตร Aromatherapy Rebalancing Facial Treatment ที่หยิบมาแนะนำเหมาะกับใครที่รู้สึกตึงเครียดจากงานจนส่งผลมายันใบหน้า ทั้งอาการผิวขาดน้ำ ไม่ชุ่มชื่น หรือรู้สึกไม่สบายเพราะแสดงสีหน้าจากความเครียดบ่อยๆ สูตรนี้จะใช้สกินแคร์เพื่อปรับสมดุลน้ำมันบนผิวอย่าง Skin Balancing Oil คู่กับการนวดกดจุดตามแบบฉบับของแบรนด์ที่จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด คลายมัดกล้ามเนื้อบนใบหน้า ให้รู้สึกผ่อนคลายและบำรุงไปพร้อมกัน ใครที่เคยใช้สกินแคร์แบรนด์นี้จะรู้กันดีว่ากลิ่นหอมธรรมชาติจากสกินแคร์ทุกตัวให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้ดีมากๆ

3.Anti-Fatigue Skin Rehab จาก Orveda

สกินแคร์สายไบโอเทคจากฝรั่งเศสที่ชูโรงเรื่องการปลอบประโลมผิวและเข้าไปดูแลปัญหาผิวแก่ถึงระดับเซลล์ด้วย 3 ส่วนผสมหลัก พรีไบโอติก เอนไซม์จากทะเล และคอมบูชา  สกินแคร์ตัวดังอย่างเซรั่ม The Omnipotent Concentrate ก็โด่งดังจากประสิทธิภาพการรับมือเซลล์ซอมบี้อีกด้วย 

ทรีตเมนต์ใบหน้าของ Orveda ก็ขึ้นชื่อไม่แพ้แบรนด์อื่น โดยจะมี 3 สูตรหลัก ซึ่งสูตร Anti-Fatigue Skin Rehab นี้จะเน้นการฟื้นบำรุงผิวโทรม ผิวล้าจากการนั่งเครื่องบินนานๆ ส่วนการยกกระชับผิวจากประสบการณ์แล้วถือเป็นผลลัพธ์ที่ได้รองลงมา ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเน้นตามขั้นตอนจำเป็นสำหรับผิวบวกเข้ากับการนวดอย่างอ่อนโยนเพื่อให้เนื้อผลิตภัณฑ์ซึมซาบและทำงานได้อย่างเต็มที่โดยไม่ทำให้ผิวระคายเคืองเพิ่ม เหมาะมากกับใครที่เดินทางบ่อย รวมไปถึงคนที่ทำหน้าด้วยเลเซอร์และอยากฟื้นบำรุงให้ผิวกลับมาแข็งแรงเป็นปกติ

4.Bespoke Treatment จาก Biologique Recherche

คำว่าผิวเปล่งปลั่งของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนคือผิวแน่นฟู บางคนคือผิวแลดูกระจ่างใส หรือบางคนก็นับเป็นผิวชุ่มชื่นดูโกลว์ ซึ่งทรีตเมนต์หน้าของ Biologique Recherche จะตอบโจทย์สำหรับคนที่มีความกังวลหลายเลเยอร์และอยากดูแลให้ได้มากที่สุดในทรีตเมนต์หนึ่งครั้ง 

ขั้นตอนแรกเราจะได้รับการตรวจเช็คสภาพผิวผ่านเครื่องที่มีเทคโนโลยีเฉพาะเพื่อหาปัญหาผิวที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่จากความรู้สึก จากนั้นเธอราปีสจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับปัญหาผิวนั้นๆ ทีละขั้นตอน ซึ่งจากประสบการณ์ปัญหาผิวหมองคล้ำ มีจุดด่างดำใต้ผิวค่อนข้างมากในช่วงนั้น จึงได้ทำทรีตเมนต์เพื่อผิวหน้าแลดูกระจ่างใส ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่ดูอิ่มฟู ความหมองคล้ำและรอยดำดูจางลงอย่างสังเกตเห็นได้ นอกจากนี้เทคนิคการนวดของที่นี่ยังช่วยให้ใบหน้าแลดูกระชับเข้ารูปขึ้นอีกด้วย นับเป็นจุดเด่นของทรีตเมนต์หน้า Biologique Recherche ที่ให้ผลลัพธ์เปรียบเทียบก่อน-หลังชัดเจน

5. A3 Treatment จาก Jyunka

ทรีตเมนต์จากแบรนด์สกินแคร์สัญชาติสิงคโปร์ที่ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์จากญี่ปุ่นมาผสมผสานในสกินแคร์ โดยสูตรทรีตเมนต์ของที่นี่จะมีเมนูให้เลือกตามสภาพผิว แต่ก่อนเลือกต้องตรวจสภาพผิวผ่านการทำสัมภาษณ์สั้นๆ เพื่อหาปัญหาผิวที่เป็นอยู่คู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล ซึ่งครั้งนี้เลือกทำเป็นสูตรสำหรับปลอบประโลมผิวที่ตอบโจทย์คนแต่งหน้าบ่อยหรือมีอาการแพ้ระคายเคืองจากมลภาวะรอบตัวได้ง่าย พร้อมกับทำไครโอเทอราปีที่ใช้ความเย็นช่วยลดอุณหภูมิบนผิวและผลักให้เซรั่มที่ใช้ระหว่างนวดหน้าซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งราคาการทำทรีตเมนต์ของที่นี่อยู่ในระดับที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและตอบโจทย์คนที่อยากลองทำเป็นครั้งแรก

WATCH