SKINCARE

ถ้าอยากเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวหน้าลองมองหาสกินแคร์ที่มี Vitamin C เป็นส่วนประกอบ

เมื่อพูดถึงเรื่องความกระจ่างใสและความโกลว์ของผิวหน้าแล้ว สาวๆ ส่วนมากต้องนึกถึงสกินแคร์ที่มีส่วนผสมสำคัญอย่าง Vitamin C เป็นส่วนประกอบหลักอย่างแน่นอน แต่สาวๆ รู้กันหรือไม่ว่า Vitamin C แท้จริงแล้วไม่ได้มีแค่ชนิดเดียวเท่านั้นนะ แล้วไหนจะเรื่องการจัดเก็บ Vitamin C ที่ถูกต้องจะมีส่วนช่วยในการคงสภาพเนื้อผลิตภัณฑ์และคุณภาพไว้ได้อย่างยาวนานด้วย ยังมีเรื่องของการใช้งานที่ไม่ควรใช้ร่วมกับส่วนประกอบอื่นๆ อีกล่ะ ถ้าวันนี้คุณยังตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้โว้กบิวตี้จะขออาสาพาทุกคนไปไขข้อสงสัยที่คนส่วนมากอาจไม่เคยรู้หรือเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Vitamin C มาโดยตลอด โดยครั้งนี้โว้กได้มีโอกาสยกหูโทรศัพท์หาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามโดยตรงอย่าง หมอโน้ต-คมกริบ ลีลาเอก แพทย์จาก Wild Clinic and Organic Treat ที่จะมาตอบคำถามและข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ Vitamin C ให้กับแฟนๆ โว้กบิวตี้กัน

 

ทำไม Vitamin C จึงเป็นส่วนผสมที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าหมอง จุดด่างดำ ไปจนถึงกระชับรูขุมขนได้ดี

Vitamin C หรือ Ascorbic acid เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงและยังพบได้มากในผิวหนังของเรา จากการวิจัยต่างๆ พบว่า Vitamin C มีประสิทธิภาพสูงในการสร้าง Collagen Fiber, ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน, ป้องกันอันตรายจากรังสี UV ในแสงแดดที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย ผิวแห้งกร้านรูขุมขนกว้าง และการเกิดมะเร็งผิวหนังนั่นเอง ดังนั้น Vitamin C จึงเป็นส่วนผสมหลักที่สำคัญมากๆ ของศาสตร์แห่งการดูแลผิวพรรณมาเป็นเวลายาวนาน

 

ความแตกต่างระหว่าง Vitamin C ที่ใช้กินและใช้ทา

ความจริงไม่ได้แตกต่างกัน เพียงแต่ Vitamin C ที่พบในธรรมชาตินั้นจะถูกดูดซึมได้หลายทางทั้งทางลำไส้และผิวหนัง แม้ลำไส้จะดูดซึม Vitamin C  ได้ดีเพื่อนำไปใช้ทั่วร่างกายก็ตาม แต่การกิน Vitamin C ในปริมาณมากก็ยังพบว่า Vitamin C ในผิวหนังของเรามีปริมาณน้อยอยู่ดี ทางการแพทย์จึงมีการวิจัยการใช้ Vitamin C ทางผิวหนังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพที่ Vitamin C มีต่อผิวหนังอย่างการช่วยลดรอยดำ เพิ่มคุณภาพของผิวหนังและการชะลอวัยนั่นเอง โดย Vitamin C นั้นเป็นสารที่ไม่ค่อยเสถียรและจะเสียง่ายเมื่อโดนปัจจัยอย่างแสง, UV, อากาศ, ความร้อน ทั้งยังดูดซึมผ่านทางผิวหนังได้น้อย Vitamin C ที่ใช้ทาจึงมักผสมสารอื่นๆ เพื่อให้เก็บรักษาได้ง่ายขึ้น (เช่นสาร Magnesium ascorbyl phosphate (MAP))

 

รู้มาว่า Vitamin C ไม่ได้มีแค่ชนิดเดียว แล้วความแตกต่าง ข้อดีและข้อเสียของ Vitamin C ธรรมดาและ Vitamin C บริสุทธิ์คืออะไร

ข้อดีเลยคือ Vitamin C บริสุทธิ์จะมีความเข้มข้นมาก ยิ่งในปริมาณที่เท่ากันกับ Vitamin C ธรรมดา ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพในการแสดงผลมากขึ้น (8-20%) สำหรับข้อเสียคือไม่ค่อยเสถียร ห้ามโดนแสง โดนลม หรืออากาศร้อน ทั่วไปแล้ว Vitamin C ที่พบในธรรมชาติจะมีแบบ D-ascorbic acid และตัวที่ออกฤทธิ์ได้ดีอย่าง L-ascorbic acid (LAA) ซึ่งในท้องตลาดนั้นมี Vitamin C ที่ใช้ทาอยู่หลากหลายมาก แต่อย่างที่กล่าวว่าเสียง่าย เก็บรักษายาก ผลิตภัณท์ส่วนมากจึงผสมสารอื่นๆ เข้าไปด้วยเพื่อให้ง่ายต่อการเก็บรักษามากขึ้น

หมอโน้ต-คมกริบ ลีลาเอก แพทย์จาก Wild Clinic and Organic Treat

ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ Vitamin C ระหว่างที่เป็นเนื้อ Essence และเนื้อ Serum

ทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์ Vitamin C ที่เป็น Essence จะมีเนื้อบางเบากว่า Serum ในปริมาณที่เท่ากัน แต่ส่วนมากแล้วทางด้านสกินแคร์ความงามเรามักจะพบ Vitamin C ในรูปแบบของ Essence มากกว่า 

 

การจัดเก็บ Vitamin C ที่ปลอดภัยและสามารถรักษาสภาพไว้ได้ดีที่สุด

อย่างที่กล่าวว่า Vitamin C นั้นเป็นสารที่ไม่ค่อยเสถียร ดังนั้นการเก็บรักษา Vitamin C จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ โดยขั้นแรกก่อนเปิดใช้เราควรมั่นใจว่า Vitamin C (ทั้งกินและทา) นั้นมาจากบรรจุภัณฑ์ที่สามารถป้องกันแสง UV ได้ ทึบแสงได้เลยยิ่งดี ควรสังเกตดูว่าบรรจุภัณฑ์นั้นเป็นระบบปิด คือไม่มีอากาศเข้าและไม่ได้เก็บไว้ในที่ร้อนจัด เมื่อเปิดบรรจุภัณฑ์ใช้งานแล้วควรเก็บไว้ในที่ทึบแสง และอยู่ในตู้เย็น ถ้าเป็นระบบที่อากาศเข้าไม่ได้ยิ่งดี เพื่อป้องกันการเสื่อมสลายของตัว Vitamin C

 

เรื่องทั่วไปและข้อควรรู้เกี่ยวกับ Vitamin C

  • Vitamin C แบบทาเป็นสารที่ปลอดภัยมาก ไม่ค่อยทำให้เกิดการระคายเคือง แสบ หรือผื่น (แต่หากแม้ว่าเกิดขึ้นจริงก็สามารถจัดการด้วยการลง Moisturizer เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้) ซึ่งแนะนำให้ใช้ตอนเช้าและก่อนนอนลงบนผิวที่สะอาดแล้ว สำหรับตอนเช้าควรทากันแดดทับด้วย เพื่อการออกฤทธิ์ที่ดีขึ้นของทั้งผลิตภัณฑ์กันแดดและตัว Vitamin C
  • Vitamin C ที่มีความเข้มข้นสูงนั้นอาจจะต้องระวังในคนที่มีลักษณะผิวแห้งมาก แพ้ง่าย หรือเป็นผื่นอยู่

 

Vitamin C ควรและไม่ควรใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของอะไรบ้าง

Vitamin C นั้นเป็นสารที่มีประโยชน์มากทางด้านของสกินแคร์เนื่องจากตัว Vitamin C ส่งเสริมการออกฤทธิ์ให้กับสารอื่นๆ อีกมากมายเช่น Vitamin E, Retinol, หรือการปกป้องผิวหนังต่อแสงแดดจากกันแดดเรียกว่า Synergic Effect (1+1 >2) แม้จะมีปริมาณเท่าเดิมก็ตาม แต่เมื่อใช้คู่กันแล้วจะทำให้ทั้งสองสารออกฤทธิ์ได้ดีมากกว่าการทาแบบเดี่ยวๆ นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ต้องระวังคือการใช้ร่วมกับครีมที่ช่วยผลัดผิวต่างๆ อย่าง AHA, Glycolic Acid, BHA หรือกลุ่ม Retinoid นั่นเอง เหตุผลหลักๆ คือมันจะทำให้ผิวของเราแห้งเกินไปได้

 

Trivia Fun Fact จากหมอโน้ต

Vitamin C หรือ Ascorbic acid มาจากภาษาลาติน คือ Ascorbus ซึ่งแปลว่า no Scurvy หรือโรคเลือดออกตามไรฟัน ซึ่งในปี  1937 Dr. Albert Szent Goyrgi ได้รางวัล Nobel prize จากการสะกัดโมเลกุลของ Vitamin C จากพริกแดง และนำมาใช้ในการรักษาโรค Scurvy

หลังจากที่เราอิ่มหนำกับความรู้เรื่อง Vitamin C มาพอสมควรแล้ว ก็ถึงเวลาเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Vitamin C กันบ้าง ซึ่งสำหรับโว้กบิวตี้เราแนะนำเป็นแบรนด์ดังจากญี่ปุ่นที่เชี่ยวชาญในเรื่องของ Vitamin C ตัวแม่อย่าง Melano CC เพราะผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของเขามี Vitamin C เป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะช่วยในเรื่องของความกระจ่างใสและลดเลือนจุดด่างดำ การันตีคุณภาพของแบรนด์ด้วยรางวัลมากมายอย่างการขายดีอันดับ 1 ในญี่ปุ่น No.1 Whitening Essence in Japan และผลิตโดยบริษัทยาอันดับ 1 ของญี่ปุ่น อย่าง Rohto Pharmaceutical ทำให้เรามั่นใจถึงคุณภาพและความปลอดภัยที่อัดแน่นเต็มผลิตภัณฑ์ได้แน่นอน แต่สำหรับครั้งนี้โว้กบิวตี้อยากแนะนำเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อเอสเซ้นส์อย่าง Melano CC Vitamin C Brightening Essence ที่บอกเลยว่าคุณภาพนั้นติ๊กครบทุกช่องตามที่ Vitamin C บริสุทธิ์คุณภาพดีควรจะมี



WATCH



อัดแน่นด้วยส่วนผสม

ติ๊กช่องแรกอย่างการมีส่วนผสมที่เป็น Vitamin C บริสุทธิ์ (L-Ascorbic acid) แสนขยันคือให้ประสิทธิภาพที่เข้มข้นโดยไม่มีสารตัวอื่นผสมอยู่เลย จึงมั่นใจได้ถึงความพร้อมในการทำงานและคุณภาพของเนื้อเอสเซ้นส์ที่จะซึมลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ตรงเข้ามอบความกระจ่างใสจากการลดการเกิดเม็ดสีเมลาโทนิน พร้อมลดเลือนจุดด่างดำและรอยดำจากสิวถึงแก่นของปัญหาได้เป็นอย่างดี เพราะเนื้อเอสเซ้นส์มีความเสถียรจากการเก็บรักษาในแบบ Rohto’s Technology ซึ่งในขณะเดียวกันก็ยังช่วยกระชับรูขุมขนจึงทำให้ผิวแลดูเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย

บรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องแสงแดดและอากาศ

อีกหนึ่งความดีงามของเอสเซ้นส์ตัวนี้ที่ต้องบอกเลยว่าทำให้โว้กบิวตี้ต้องหยิบขึ้นมาแนะนำให้กับแฟนๆ คือเรื่องของบรรจุภัณฑ์ เพราะจากที่คุณหมอโน้ตอธิบายให้ฟังว่า Vitamin C บริสุทธิ์นั้นมีคุณภาพที่เข้มข้นมาก แต่มีความเสถียรต่ำ ห้ามโดนแสงหรือความร้อน ดังนั้นผลิตภัณฑ์จึงต้องถูกเก็บไว้ในบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ทึบแสงและสูญญากาศมากพอเพื่อคงสภาพความเข้มข้นและคุณภาพของ Vitamin C บริสุทธิ์เอาไว้ให้ได้ และแน่นอนว่า Melano CC ทำได้เยี่ยมยอดมากด้วยตัวหลอดทึบแสงห่อหุ้มเอาไว้ด้วยฟอยล์ที่ป้องกันแสงแดดได้ถึง 100% ยังรวมไปถึงบริเวณปากหลอดที่ถูกออกแบบมาเพื่อกันไม่ให้ลมผ่านเข้าไปในตัวผลิตภัณฑ์ได้ ทำให้มีค่าในแบบสูญญากาศตามแบบฉบับของ Rohto’s Technology จึงมั่นใจได้ว่า Vitamin C บริสุทธิ์ของ Melano CC นั้นคงคุณภาพไว้ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ สะอาดและปลอดเชื้ออย่างแน่นอน   

คุณภาพของเนื้อผลิตภัณฑ์

สำหรับเนื้อผลิตภัณฑ์ของ Melano CC คือเนื้อแบบเอสเซ้นส์สีใส มีความลื่นไหลทำให้ซึมลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและไม่ทิ้งความมันหรือส่วนเกินกองไว้บนผิว มาพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเลมอนสดชื่นทำให้ผิวตื่นและสดใสได้มากขึ้นทีเดียว และด้วยหลอดมีความเป็นสูญญากาศทำให้การบีบเนื้อเอสเซ้นส์ออกมานั้นค่อนข้างยาก แต่ด้วยความที่เนื้อผลิตภัณฑ์มีความลื่นไหล ดังนั้นแค่คว่ำหลอดลงและบีบเบาๆ เล็กน้อยเนื้อเอสเซ้นส์ก็จะไหลออกมาได้อย่างง่ายดาย หมดห่วงต่อการใช้งานยากไปได้เลย   

 

เรียกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ติ๊กครบทุกช่องของการเป็น Vitamin C บริสุทธิ์ที่คงคุณภาพและมาตรฐานไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นสาวๆ มั่นใจได้เลยว่าสิ่งที่โว้กบิวตี้แนะนำอย่าง Melano CC Vitamin C Brightening Essence ตัวนี้จะช่วยให้ผิวกลับมาขาวกระจ่างใส จุดด่างดำลดเลือนลง รูขุมขนกระชับขึ้น อย่างที่จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน คุณภาพคับแน่นเต็มหลอดแบบนี้แต่มาในราคาน่ารักมากๆ ใครพร้อมแล้วก็เตรียมตัวตามไปสอยกันได้เลยที่ Watsons, Tesco, Big-C, Tops, The Mall, Matsumoto, Boots, Donki, Tsuruha, Cosme Store และ Lazada

 

WATCH