1. Nutritious Super-Pomegranate Radiant Energy Lotion Intense Moist จาก Estée Lauder (200 มล. ราคา 2,100.00 บาท) 

ทรีตเมนท์โลชั่นอุดมด้วยสารสกัดจากทับทิม ช่วยคืนความเปล่งประกายให้ผิวที่ดูหม่นหมอง และฟื้นฟูผิวขาดน้ำให้กลับมาชุ่มชื้น 

2. Lip Freeze Collection จาก Giorgio Armani Beauty (ราคา 1,450 บาท)

คอลเล็กชั่น Freeze รวม 2 ลิควิดลิปสติกยอดฮิตอย่าง Lip Maestro และ Lip Magnet ที่มาพร้อมเอฟเฟ็คต์แบบชอร์แบต์ ซึ่งมาพร้อมเฉดสีใหม่โทนพาสเทลแมทท์ เป็นสีสันและเนื้อสัมผัสที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลิปสติกโทนสี Icy Pastel จากยุค 60s

3. Shiseido Future Solution LX 10th Nishjin Collection (ราคา 23,500 บาท/ เซ็ต)

เซ็ตสกินแคร์ระดับพรีเมี่ยมฉลองครบรอบ 10 ปีที่ Shiseido อยู่เคียงคู่(ผิว)ผู้หญิงทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ภายในเซ็ตประกอบไปด้วยที่สุดของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่าง Shiseido Future Solution LX Total Protective Cream E และ Total Regenerating Cream ที่จะช่วยคืนความชุ่มชื้นและอ่อนเยาว์แก่ผิว ซึ่งบรรจุภัณฑ์ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างหรูหรา ห่อมาในผ้าทอ Nishijin ตามแบบฉบับญี่ปุ่นโบราณ

4. Essential Refining Essence จาก Clé de Peau Beauté  (170 มล. ราคา 3,500 บาท)

เอสเซนส์บำรุงผิวที่ช่วยผิวรู้สึกสะอาดหมดจด ขจัดสิ่งสกปรกที่เป็นต้นตอของรูขุมขนกว้าง อีกทั้งยังปรับสมดุลในผิว ช่วยให่ผิวเปล่งประกายและคงความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้นานถึง 8 ชม

5. Silky Smooth Mochi Mask จาก WASO (20 มล. ราคา 360 บาท)

มาส์กเนื้อเนียนนุ่มเสมือนเนื้อโมจิ ทีเมื่อทาลงบนผิวหน้าจะให้สัมผัสอุ่นๆ จะช่วยปลุกผิวให้รับซึมซาบสกินแคร์ในขั้นตอนถัดไปได้ดีขึ้น

6. California Scented Candle จาก Diptique (70g./ 190g. ราคา 1,650/ 2,950 บาท)

วาเลนไทน์ปีนี้ใครที่กำลังมองหาของขวัญให้คนข้างๆ อยู่ เราขอแนะนำให้ลองซื้อเป็นเทียนหอมกลิ่นกุหลาบแทนการมอบช่อดอกไม้ดู โดยกลิ่น California Rose เป็นหนึ่งในกลิ่นฟลอรัลใหม่ล่าสุดจาก Diptique ที่เมื่อจุดห้องทั้งห้องจะอบอวลไปด้วยกลิ่นของกลีบกุหลาบ

7. My 5th Avenue Eau De Parfum Spray จาก Elizabeth Arden (100 มล. ราคา 3,650 บาท)

น้ำหอมที่เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและความมั่นใจของผู้หญิง เป็นการผสมผสานรพหว่างกลิ่นแนวฟลอรัลอย่างดอกจัสมิน และกลื่นซีตรัสที่ให้ความรู้สึกสดชื่นอย่างผลเลม่อนและส้มแมนดาริน

8. Roller Liner Eyeliner จาก Benefit Cosmetics (ราคา 1,000 บาท)

ลิควิดอายไลเนอร์ใหม่ล่าสุดจาก Benefit Cosmetics ที่ช่วยการเขียนอายไลเนอร์เป้นเรื่องง่าย ปลายหัวไลเนอร์มีความเรียวแหลมจึงช่วยให้เขียนได้เส้นที่คมเฉี่ยว

9. Lotus Youth Preserve Dream Face Cream จาก Fresh (2,250 บาท)

มอยซ์เจอไรเซอร์บำรุงผิวตอนกลางคืน มีส่วนผสมของ Super Lotus ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น กระจ่างใส พร้อมตื่นนอนมาพร้อมผิวหน้าที่รู้สึกสดใส

10. Super Radiant Booster จาก NARS (ราคา 1,200 บาท)

บูสเตอร์ช่วยเติมความเปล่งประกายให้ผิว มาพร้อมนวัตกรรมที่ช่วยปรับความเข้มของแสงสะท้อนและเพิ่มประกายให้แก่ผลิตภัณฑ์รองพื้นและเบสที่เราใช้ ลงได้ทั้งก่อนและหลังรองพื้น แต่ถ้าหากอยากได้ลุคกลาสสกินแบบผิวโกลว์ขั้นสุด เราแนะนำให้่ผสมลงไปในรองพื้น และหลังจากแต่งหน้าเสร็จลงซ้ำเป็นไฮไลท์บริเวณที่แสงกระทบผิวหน้าอย่างเช่นโหนกแก้มและสันจมูก

11. Baume Essentiel จาก Chanel Beauty (ราคาสอบถามที่เคาน์เตอร์)

ไฮไลท์เนื้อบาล์มช่วยความโกลว์กับผิวหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ

12. Hydra Essential Moisturizing Reviving Eye Mask จาก Clarins (ราคา 1,850 บาท)

มาส์กช่วยเติมความชุ่มชื้นบริเวณผิวรอบดวงตา มาพร้อมนวัตกรรมการบำรุงที่ช่วยคืนประสิทธิภาพกระบวนการกักเก็กความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิว นอกจากจะช่วยปลอบประโลมแล้วยังช่วยลดรอยคล้ำของผิวใต้ตาอีกด้วย

13. Pro Tailor Foundation จาก Espoir ( ราคา 1,345 บาท)

รองพื้นเนื้อบางเบาที่ช่วยให้แลดูฉ่ำน้ำในลุคดิวอี้ตามแบบฉบับสาวเกาหลี

14. Sheer Lasting Gel Cushion จาก Sulwhasoo ( ราคา 1,900 บาท)

คุชชั่นเนื้อสัมผัส Melting Gel ช่วยเนรมิตงานผิวให้ดูเรียบเนียนและเปล่งประกาย เนื้อสัมผัสให้การปกปิดแบบบางเบา อย่างไรก็ตามติดทนนานตลอดวัน

15. Resurfacing Skin Paste จาก No.7 ( 50 มล. ราคาสอบถามได้ที่ร้าน Boots)

มาส์กในรูปแบบเพสท์มีส่วนผสมของ AHA ที่ช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใส พร้อมปรับผิวให้ดูเรียบเนียนหลังการมาส์ก 15 นาที