MAKE UP

ไขข้อสงสัย ปากแพ้ลิปสติกควรทำอย่างไรดี

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับอาการแพ้ที่เกิดขึ้นบริเวณริมฝีปาก

     ลิปสติกเป็นหนึ่งในเมกอัปไอเท็มที่ผู้คนทั่วโลกใช้เพิ่มความสวยงามให้กับเรียวปาก และสร้างความมั่นใจให้กับลุค อย่างไรก็ตามมีบางคนที่โชคร้ายเพราะปากแพ้ลิป การทาลิปสติกจะทำให้เกิดอาการแพ้ต่างๆ เช่น ปากลอก ปากแห้ง หรือมีอาการแสบร้อนและคัน ซึ่งหากใครพบว่าปากของตัวเองมีอาการแพ้ลิปสติก ต่อไปนี้คือแนวทางสำคัญที่ควรทำตาม เพื่อช่วยจัดการกับอาการแพ้ลิปสติกและคืนรอยยิ้มที่สวยงามกลับคืนมา

 

 

อาการแพ้ลิปสติกเป็นอย่างไร

อาการภูมิแพ้ลิปสติกอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่สัญญาณที่พบบ่อยบางประการที่ควรระวัง ได้แก่

  1. การระคายเคือง: ผิวบริเวณริมฝีปากแดง คัน และอักเสบ อาจรู้สึกแห้ง มีสะเก็ด หรือมีตุ่มเล็กๆ
  2. อาการบวม: ริมฝีปากอาจบวมหรือพุพอง
  3. ผื่น: เกิดผื่นรอบๆ ริมฝีปาก ปรากฏเป็นตุ่มหรือรอยสีแดงเล็กๆ ทำให้รู้สึกคัน และอาจลามไปยังผิวหนังโดยรอบ
  4. แสบร้อน: เกิดอาการแสบร้อนบนริมฝีปากเมื่อทาลิปสติก 
  5. ปากแห้งและแตก: ริมฝีปากแห้งและแตก สัมผัสได้ถึงความหยาบกร้าน

 

 

สาเหตุที่ทำให้ปากแพ้ลิปสติก

สาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ที่ริมฝีปากจากการใช้ลิปสติก มีความเป็นไปได้ทั้งผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ ไปจนถึงอาการแพ้ส่วนบุคคล ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วอาการแพ้ลิปสติกมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ดังต่อไปนี้

  1. ส่วนผสมในลิปสติก: ลิปสติกมีส่วนผสมหลายอย่าง เช่น สีย้อม น้ำหอม สารกันบูด ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้สามารถไปกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้สำหรับบางคนได้
  2. สารก่อภูมิแพ้: บางคนมีอาการแพ้สารบางชนิดที่มักพบในลิปสติกอยู่แล้ว เช่น ลาโนลิน ขี้ผึ้ง หรือน้ำมันบางประเภท โดยสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้อาจทำให้เกิดรอยแดง บวม คัน หรือมีผื่นที่ริมฝีปาก
  3. ผิวบอบบาง: สำหรับคนที่มีผิวบอบบาง บริเวณริมฝีปากก็มีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อส่วนผสมบางอย่างในลิปสติกได้ง่ายขึ้น อาจนำไปสู่ปัญหาปากแห้ง ลอก หรือระคายเคืองได้

 



WATCH



 

วิธีแก้อาการแพ้ลิปสติก

หากพบว่าเกิดอาการแพ้หลังการทาลิปสติก ไม่ว่าจะรู้สึกแสบ คัน หรือเกิดผื่นแดง แนะนำให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ 

  1. เช็ดลิปสติกออก: ค่อยๆ เช็ดลิปสติกออกอย่างอ่อนโยนด้วยรีมูฟเวอร์ และหลีกเลี่ยงการถูแรงๆ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้น
  2. ล้างปาก: ล้างปากด้วยน้ำเย็นเพื่อขจัดคราบลิปสติกให้หมดจด
  3. ประคบเย็น: หากมีอาการบวมหรืออักเสบ การประคบเย็นในบริเวณที่มีอาการจะช่วยบรรเทาได้
  4. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้แพ้: เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้คืออะไร ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารดังกล่าวในอนาคต
  5. ขอคำแนะนำจากแพทย์: หากอาการแพ้ยังไม่หายหรือยิ่งแย่ลง ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม 

 

 

หากปากแพ้ลิปสติกควรใช้อะไรดี

เบื้องต้นควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับริมฝีปากใดๆ ไปจนกว่าจะทราบสาเหตุของอาการแพ้ได้แน่ชัด โดยอาจต้องการปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อระบุส่วนผสมเฉพาะที่ทำให้เกิดอาการแพ้ ในระหว่างนี้แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับริมฝีปากที่ไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้หรือผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่ปราศจากสารก่อภูมิแพ้ทั่วไป เช่น น้ำหอม สีย้อม และสารกันบูด

  1. เปลี่ยนไปใช้ลิปสติกไฮโปอัลเลอร์เจนิก: ลองเปลี่ยนไปใช้ลิปสติกไฮโปอัลเลอร์เจนิก ซึ่งผลิตมาเพื่อผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ลิปสติกเหล่านี้มักปราศจากสารก่อภูมิแพ้ และมีโอกาสน้อยที่จะทำให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการแพ้ มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีป้ายกำกับว่า "แพ้ง่าย" "ปราศจากน้ำหอม" หรือ "ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง”
  2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก: ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกมักจะมีสารเติมแต่งและสารเคมีที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้น้อยกว่า ฉะนั้นแนะนำให้มองหาลิปสติกที่ทำจากส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น เชียบัตเตอร์ โจโจ้บาออยล์ ขี้ผึ้ง หรือน้ำมันมะพร้าว ส่วนผสมเหล่านี้อ่อนโยนต่อผิวหนังและมีโอกาสน้อยที่จะทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ 
  3. อ่านฉลากให้ดี: ไม่เพียงลิปสติกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลิปบาล์ม และลิปกลอสด้วย ที่ก่อนซื้อควรอ่านฉลากส่วนผสมอย่างละเอียด เพื่อหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น สีย้อม หรือ น้ำหอม 

 

     สุดท้ายนี้การดูแลริมฝีปากให้แข็งแรงและชุ่มชื้นอยู่เสมอจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการแพ้ได้ แนะนำใช้ลิปบาล์มสูตรอ่อนโยนเพื่อบำรุงริมฝีปากเป็นประจำ หลีกเลี่ยงการเลียริมฝีปากมากเกินไป เนื่องจากน้ำลายอาจทำให้ปากยิ่งแห้งและอาจทำให้อาการแพ้รุนแรงขึ้น และต่อไปก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับริมฝีปาก ควรทำการทดสอบแพตช์ก่อน ด้วยการป้ายผลิตภัณฑ์ปริมาณเล็กน้อยที่ด้านในข้อมือหรือหลังใบหู และรอเป็นเวลา 24 ชั่วโมงเพื่อดูว่าเกิดอาการแพ้หรือไม่

 

WATCH

คีย์เวิร์ด: #Lipstick