CELEBRITY
รวมคำคมดีๆ จากภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณเข้าใจ 'ความรัก' ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นรวมประโยคคำคมเกี่ยวกับความรักที่จะทำให้หัวใจคุณพองโต |
การหาแรงบันดาลใจดีๆ ของใครหลายๆ คนนั้นแตกต่างกันไป บ้างก็ได้จากครอบครัว เพื่อน ธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อมรอบตัว รวมไปถึงภาพยนตร์ที่กล้าบอกได้เลยว่าเป็นอีกหนึ่งของบ่อเกิดบันดาลใจให้กับผู้คนอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะประเด็นเรื่อง "ความรัก" ที่ภาพยนตร์หลายเรื่องได้ให้คำตอบไว้มากมาย และมอบแนวคิดในหลายแง่มุมกับการใช้ชีวิต วันนี้โว้กบิวตี้เก็บเอาประโยค ‘คำคมความรัก’ ที่มีความหมายดีๆ มาให้ได้อ่านกันหลากหลายอารมณ์ลึกซึ้ง ทั้งเศร้า เหงา และโรแมนติก ที่จะทำให้หัวใจของคุณพองฟูและเข้าใจคำว่ารักได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
1. 10 Things I Hate About You (1999)
ภาพยนตร์เรื่องฮิตข้ามเวลาอย่าง 10 Things I Hate About You ผลงานการกำกับของ Gil Junger ก็ได้ให้รสชาติถึงความรอมคอมแต่ก็แฝงดราม่าอยู่เล็กน้อยที่เรืี่องเล่าถึงประเด็นต่างๆ ของวัยรุ่นทั้งเรื่องการเปลี่ยนแปลงในตัวเอง ไปจนถึงมุมมองความรักที่กระชากอารมณ์ผู้ชมสุดๆ จนเกิดวลีเด็ดมากมายจากเรื่องนี้ แต่ถ้ากล่าวถึงประโยคสนทนาที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลต์ของเรื่องและเรียกน้ำตาของผู้ชมได้เป็นอย่างดีนัั้นคงไม่พลาดประโยคที่ว่า
"I hate the way you talk to me, and the way you cut your hair. I hate the way you drive my car. I hate it when you stare. I hate your big dumb combat boots, and the way you read my mind. I hate you so much it makes me sick; it even makes me rhyme. I hate it. I hate the way you're always right. I hate it when you lie. I hate it when you make me laugh, even worse when you make me cry. I hate it when you're not around, and the fact that you didn't call. But mostly I hate the way I don't hate you. Not even close, not even a little bit, not even at all." หรือแปลได้ว่า “ฉันเกลียดวิธีที่เธอคุยกับฉัน และเกลียดทรงผมของคุณ ฉันเกลียดวิธีที่คุณขับรถ ฉันเกลียดเวลาที่คุณจ้องมอง ฉันเกลียดรองเท้าบูทคู่โตของคุณ เกลียดที่คุณอ่านใจของฉันออก ฉันเกลียดคุณมาก มันทำให้ฉันรู้สึกแย่จนทำให้ฉันแต่งกลอน ฉันเกลียดที่คุณมักถูกเสมอ เกลียดที่เวลาที่คุณโกหก เกลียดเวลาที่คุณทำให้ฉันหัวเราะ ที่แย่ที่สุดคือเวลาคุณที่ทำให้ฉันร้องไห้ เกลียดที่คุณไม่อยู่ข้างๆ และความจริงที่ว่า คุณไม่ได้โทรมา แต่ที่เกลียดที่สุดคือ ฉันไม่ได้เกลียดคุณเลย ไม่แม้แต่นิดเดียว”
2. The Notebook (2004)
ภาพยนตร์เรื่อง The Notebook ดำเนินไปผ่านการเล่าเรื่องจากสมุดโน้ตเล่มหนึ่งของชายวัยชราที่เล่าให้หญิงวัยเดียวกันที่มีอาการความจำเสื่อมฟังเกี่ยวกับความรักระหว่างหนุ่มสาว ‘โนอาห์’ และ ‘อัลลี่’ ความรักของทั้งคู่กำลังจะไปด้วยดีแต่ครอบครัวอัลลี่นั้นกีดกันความรักระหว่างพวกเขาทั้งคู่จนมีเหตุให้แยกย้ายกันไป แต่ก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้งเมื่อทั้งคู่เติบโตขึ้น จากพล็อตเรื่องนี้กล่าวถึงความรักที่ลึกซึ้งและเคล้าน้ำตาอีกเช่นเคยและมีประโยคที่น่าจดจำจากประโยคที่ว่า “Stop thinking about what I want, what he wants, what your parents want. What do you want? What do you want?” ซึ่งหมายถึง “หยุดคิดสักทีว่าผมต้องการอะไร, เขาต้องการอะไร หรือพ่อแม่คุณต้องการอะไร แต่คุณต่างหากต้องการอะไร คุณต้องการอะไร” ถือเป็นการเตือนสติอย่างหนึ่งให้คนเรารู้ใจตัวเองมากขึ้น จึงกลายเป็นประโยคที่ตราตรึงใจผู้ชมมาจนถึงทุกวันนี้
WATCH
3. Something's Gotta Give (2003)
ภาพยนตร์รักอย่าง Something's Gotta Give นำเสนอเรื่องที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไร นอกจากให้รับรู้ถึงความอ่อนแอภายในจิตใจแต่ก็ยังเน้นสื่ออารมณ์ของความรักได้เป็นอย่างดี ดั่งประโยคที่ชวนจิกหมอนที่ว่า "Erica, you are a woman to love." ซึ่งแปลได้เป็น "เอริกา คุณคือผู้หญิงที่มีไว้เพื่อรัก" แฮร์รี่ได้กล่าวไว้เมื่อเขาได้เจอกับผู้หญิงที่เขารักแล้วจริงๆ งานนี้ทำเอาผู้ชมต้องจำเพื่อไปบอกกับคนพิเศษของแต่ละคนกันเลยทีเดียว
4. Her (2013)
ภาพยนตร์เรื่อง Her เป็นเรื่องราวของ 'ธีโอดอร์' ที่ประสบปัญหาในเรื่องความรักว่ากำลังจะหย่าร้างกับภรรยา เรียกได้ว่าเป็นเนื้อเรื่องที่เอาใจคนเหงาโดยเฉพาะและสร้างความหน่วงในจิตใจขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ อย่างไรก็แล้วแต่แม้ตัวละครจะมีความห่างเหินกันมากเพียงใด แต่ก็ยังมีประโยคประทับใจที่ผู้ชมล้วนน้ำตาซึมกันนับไม่ถ้วนกับประโยคที่ว่า "I'll always love you 'cause we grew up together and you helped make me who I am. I just wanted you to know there will be a piece of you in me always, and I'm grateful for that. Whatever someone you become, and wherever you are in the world, I'm sending you love. You're my friend to the end." แปลได้ว่า "ฉันจะยังคงรักคุณเสมอ เพราะเราเติบโตมาด้วยกัน และคุณช่วยให้ฉันเป็นฉัน ฉันแค่อยากให้คุณรู้ว่ามีชิ้นส่วนของคุณอยู่ในตัวฉันเสมอ และฉันรู้สึกขอบคุณ ไม่ว่าคุณจะอยู่กับใคร อยู่ที่ไหนบนโลก ฉันจะส่งความรักไปให้คุณ คุณจะเป็นเพื่อนของฉันตลอดไป"
5. The Fault in Our Stars (2014)
ภาพยนตร์รักหวานซึ้งอย่าง The Fault in Our Stars ก็เป็นอีกเรื่องที่อธิบายถึงมุมมองความรักได้เป็นอย่างดี แม้จะเป็นเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับความรักของวัยรุ่นหนุ่มสาวแต่พล็อตเรื่องก็ดึงดูดด้วยความน่าสนใจจากตัวละครที่ออกัสตัสและเฮเซลซึ่งป่วยเป็นมะเร็งทั้งคู่ จากชีวิตที่สิ้นหวังกลับมีแสงสว่างขึ้นมาอีกครั้งเพราะความรักของทั้งคู่ที่มอบให้กัน แม้ภายหลังจะไม่เป็นไปอย่างที่หวังแต่สุดท้ายภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ให้ข้อคิดแก่ผู้ชมไว้มากมายโดยเฉพาะเรื่องความรักอย่างประโยคที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "She didn't want a million admirers, she just wanted one. And she got it. Maybe she wasn't loved widely, but she was loved deeply. And isn't that more than most of us get?" แปลได้ว่า "เราไม่ต้องการคนชื่นชมเป็นล้านคน แค่คนเดียวพอ แม้ไม่ได้เป็นที่รักของผู้คน แต่มีใครรักเราอย่างลึกซึ้งนั่นมีค่ากว่าไม่ใช่หรือ" ซึ่งหมายถึงเฮเซลและออกัสตัสจะอยู่เคียงข้างกันแม้ร่างกายของทั้งสองอาจไม่สมบูรณ์แบบเหมือนคนอื่นก็ตาม
6. Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004)
ย้อนเวลากลับไปในช่วงยุคต้น 2000 อีกครั้งกับภาพยนตร์เรื่อง Eternal Sunshine of the Spotless Mind ที่มีรางวัลออสการ์การันตีถึงคุณภาพคับจอด้วยพล็อตเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับความบังเอิญของชายหญิงคู่หนึ่งที่ได้มาพบกันอย่างโจเอลและคลีเมนไทน์ ทั้งคู่ได้ใช้เวลาร่วมกันและตกหลุมรักกันในที่สุด แต่จุดไคลแมกซ์อยู่ตรงที่ว่าทั้งสองเคยรักกันมาก่อนโดยหนังเล่าย้อนกลับไปถึงความรักดังกล่าว ทว่าจู่ๆ วันหนึ่งคลีเมนไทน์ก็ทำราวกับไม่รู้จักโจเอลมาก่อน และโจเอลก็มาค้นพบทีหลังว่าคลีเมนไทน์ใช้บริการลบความทรงจำเกี่ยวกับตัวเขาไปเสียหมด ด้วยเนื้อเรื่องที่ชวนน่าติดตามและประโยคกินใจที่โจเอลพูดว่า “I can't see anything I don't like about you.” หมายถึง “ผมมองไม่เห็นสิ่งที่ผมไม่ชอบเกี่ยวกับคุณเลย” เรียกได้ว่าเป็นประโยคที่ได้ยินแล้วก็ชวนจิกหมอนและเรียกรอยยิ้มของผู้ชมไปตามๆ กัน
7. Pride & Prejudice (2005)
ยังอยู่กับภาพยนตร์คลาสสิกยุค 2000 อีกหนึ่งเรื่องอย่าง Pride & Prejudice ที่ได้นำนิยายรักระดับโลกมาถ่ายทอดเป็นม้วนหนังให้ผู้คนได้รับชม เริ่มต้นเรื่องมาในยุคต้นศตวรรษที่ 19 ประเทศอังกฤษ เป็นสังคมที่ให้ความสำคัญกับชนชั้นเป็นอย่างมากโดยผู้หญิงทำหน้าที่เพียงแค่แต่งงานกับผู้ชายที่มั่งคั่งร่ำรวยเท่านั้นเพื่อให้ชีวิตครอบครัวสุขสบาย ทว่าหนึ่งในตัวละครเอกอย่างเอลิซาเบธกลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะเธอเลือกทำตามหัวใจตัวเอง เธอเลือกที่จะใช้หัวใจไว้รักใครสักคนโดยไม่สนใจทรัพย์สิน เอลิซาเบธตกหลุมรักกับชายหนุ่มชื่อดาร์ซี่ในงานเต้นรำและไม่ใช่ชายที่ทางครอบครัวอยากให้หมายปอง แม้ในตอนแรกดาร์ซี่จะทำเย็นชาและทำท่าทางเชิงปฏิเสธเอลิซาเบธ ทว่าเขาก็เผลอใจรักเธอในภายหลังด้วยความทระนงในตัวของเธอเองและความไม่สนใจสิ่งของนอกกาย ทำให้ดาร์ซี่นั้นหลงรักเอลิซาเบธได้ไม่ยาก หากพูดถึงประโยคเด็ดที่เจอในภาพยนตร์เรื่องนี้นั่นคือ “We are all fool in love.” แปลว่า “ไม่ว่าใครต่างก็โง่เรื่องความรักทั้งนั้น” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่พร้อมที่จะรักไม่ว่าหลังจากนี้จะเจออะไรก็ตาม
8. As Good as It Gets (1997)
ภาพยนตร์ระดับตำนานที่ได้ชื่อว่ากวาดรางวัลแต่ละสถาบันมานับครั้งไม่ถ้วนอย่างเรื่อง As Good As It Gets ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกฟีลกู๊ดอย่างห้ามไม่ได้ เนื้อเรื่องเปิดด้วยเมลวิน หนุ่มใหญ่ผู้ประกอบอาชีพเป็นนักเขียนนิยายรักแต่มีนิสัยเจ้าระเบียบและหยาบกระด้าง จึงดูเป็นคนเข้าถึงยากไปโดยปริยาย เขาได้พบกับหญิงแม่ม่ายลูกติดอย่างแครอลที่เป็นพนักงานเสิร์ฟร้านกาแฟที่เขาชอบไปนั่งดื่มเป็นประจำ เขาได้สัมผัสความนุ่มนวลอ่อนหวานและจริงใจ จนเผลอตกหลุมรักเธอไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เมลวินซึบซับความเมตตาจากแครอลจนกลายเป็นคนที่ใจกว้างมากขึ้น แสดงน้ำใจให้แก่แครอลในหลายๆ เรื่องจนเธอก็เผลอรักเขาไปเช่นกัน ด้วยความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ และการเปลี่ยนแปลงของตัวเมลวินนั้นเห็นได้ชัดว่าดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ประโยคนี้เขาเลยได้พูดกับแครอลดั่งที่ใจเขาอยากบอกว่า “You make me want to be a better man.” แปลว่า “คุณทำให้ฉันอยากเป็นคนที่ดีขึ้น” ซึ่งก็เป็นข้อคิดและเป็นประโยคที่ประทับใจผู้ชมว่าหากเราได้รักใครสักคนอย่างจริงจังและจริงใจ เราก็พร้อมที่จะเป็นคนที่ดีขึ้นให้กับคนๆ นั้นอยู่เสมอ
9. Me Before You (2016)
ภาพยนตร์รักที่ยังคงเป็นที่จดจำของผู้ชมอีกเรื่องอย่าง Me Before You ที่เล่าถึงชายหนุ่มที่เพียบพร้อมรอบด้านอย่างวิล แต่ชีวิตกลับพลิกผันเพียงเพราะประสบอุบัติเหตุขณะเล่นสกีจนทำให้เขากลายเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงอกลงมา เขาใช้ชีวิตไปวันๆ จากที่เคยมีความหวังว่าถ้ากายภาพแล้วจะดีขึ้นแต่กลับเพียงแค่ขยับนิ้วมือได้ก็เท่านั้น ชีวิตเขาอยู่อย่างสิ้นหวังมาตลอดจนกระทั่งลูอิซาเข้ามาในชีวิตเขา เธอคอยดูแลและสร้างพลังบวกและกำลังใจให้วิลอยู่เสมอจนกระทั่งความรักก่อตัวขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ จากกำลังใจของวิลที่เป็นศูนย์มาตั้งแต่แรก เขากลับอยากมีชีวิตอยู่มากขึ้นเพียงแค่เธอคนนี้เข้ามา ประโยคที่วิลบอกลูอิซ่าอย่าง “You are pretty much the only thing that makes me want to get up in the morning.” หรือหมายถึง “คุณคือคนเดียวที่ทำให้ฉันอยากลืมตาตื่นขึ้นมาในทุกๆ เช้า” ที่เรียกรอยยิ้มเคล้าน้ำตาก็อยู่ในใจผู้ชมไม่เคยเปลี่ยน
10. Love, Rosie (2014)
พลาดไม่ได้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เรียกได้ว่าใครที่เคยดูแล้วก็ดูซ้ำไปมาไม่รู้เบื่อกับภาพยนตร์รักเรื่อง Love, Rosie ที่เล่าถึงตัวละครระหว่างอเล็กซ์และโรซี่ที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กจนถึงทั้งคู่ได้โตมาในทุกช่วงเวลาด้วยกัน ทั้งสองมีความรักให้กันตั้งแต่เริ่มทว่าด้วยสถานการณ์ต่างๆ ช่างไม่เป็นใจเสียเหลือเกินทำให้พวกเขามีเหตุต้องให้เคลื่อนในการบอกความรู้สึกต่อกันอยู่เสมอ แต่แล้วความรักของอเล็กซ์และโรซี่ก็แพ้กาลเวลาและความผูกพัน ความรู้สึกที่พวกเขามีให้กันมาแต่แรกมันไม่เคยลดลงไปเลย แม้จะได้ครองรักกันในเวลาที่ช้าเกินคาดแต่ก็ถือว่าไม่สายไปหากเราจะแสดงความรักกับคนที่พิเศษจริงๆ อย่างประโยคยาวที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า
“You deserve someone who loves you with every single beat of his heart, someone who thinks about you constantly, someone who spends every minute of every day just wondering what you’re doing, where you are, who you’re with, and if you’re OK. You need someone who can help you reach your dreams and protect you from your fears. You need someone who will treat you with respect, and love every part of you, especially your flaws. You should be with someone who could make you happy, really happy, dancing on air happy.” แปลความหมายได้ว่า “คุณคู่ควรกับคนที่รักคุณสุดหัวใจ คนที่คิดถึงคุณตลอดเวลา คนที่ใช้เวลาทุกนาทีของทุกวันแค่สงสัยว่าคุณกำลังทำอะไร คุณอยู่ที่ไหน คุณอยู่กับใคร คุณต้องการใครสักคนที่สามารถช่วยคุณสานฝันและปกป้องคุณจากความกลัวได้ คุณต้องการใครสักคนที่จะปฏิบัติต่อคุณด้วยความเคารพ และรักทุกอย่างของคุณ โดยเฉพาะข้อบกพร่องของคุณ คุณควรอยู่กับใครสักคนที่สามารถทำให้คุณมีความสุข มีความสุขจริงๆ เหมือนเต้นรำบนอากาศ” ซึ่งเป็นการสื่อถึงความรักที่สวยงามอย่างแท้จริงจนตราตรึงใจผู้ชมไม่รู้ลืม
เรียบเรียง : Ramita Naungtongnim
WATCH