2. ใช้กรดช่วยผลัดเซลล์ผิว (แบบพอดีๆ)

การผลัดเซลล์ผิวช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าออกเพื่อช่วยเผยผิวใหม่ที่แลดูกระจ่างใส ทั้งนี้การใช้สกินแคร์ที่มีกรดช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างในกลุ่มกรด AHA และ BHA ควรใช้แบบพอดี คือไม่บ่อยเกินไปหรือน้อยเกินไป

3. เพิ่มการใช้เรตินอล

อีกส่วนผสมที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการดูแลผิวแบบฉบับสาวเกาหลีคือ เรตินอล โดยเลือกใช้ปริมาณความเข้มข้นของเรตินอลที่ไม่สูงมากเพื่อลดการเกิดการระคายเคืองผิว

4. ส่วนผสมของ Centella asiatica

สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่ทำให้เราต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัว ซึ่งการสวมหน้ากากอนามัยเป็นเวลานานๆ ส่งผลให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ การดูแลผิวที่โฟกัสไปที่ส่วนผสมช่วยปลอบประโลมผิวจึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปีนี้  ซึ่งสารสกัดเซนเทลล่า เอเชียติก้า หรือสารสกัดใบบัวบก เป็นหนึ่งในส่วนผสมที่เป็นนิยมในเทรนด์สกินแคร์ K-Beauty ในช่วงปีที่ผ่านมา โดยมีคุณสมบัติที่ช่วยฟื้นฟูผิวในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะในเรื่องการช่วยต่อต้านการอักเสบ ลดอาการแดงและระคายเคือง

5. สกินแคร์ที่มี Probiotic

มองหาส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บิวตี้ที่ช่วยเสริมสร้าง ไมโครไบโอม (microbiome) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ธรรมชาติที่พบอยู่บนผิวสุขภาพดี อย่างส่วนผสมของ Probiotic ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยคืนความสมดุลให้กับไมโครไบโอมบนผิว โดยจะช่วยปรับผิวให้สมดุลพร้อมคืนความแข็งแรงให้เกราะปกป้องผิวด้วยการเข้าไปฟื้นฟูประชากรของจุลินทรีย์ที่ดีบนผิว

6. รูทีนที่เรียบง่ายที่ตอบโจทย์กับผิวตัวเอง

ถ้า 10 สเต็ปการดูแลแบบฉบับสาวเกาหลีเป็นอะไรที่ทำตามได้ยาก เทรนด์สกินแคร์ล่าสุดอย่าง Flexible minimalism ซึ่งลดขั้นตอนลงจะตอบโจทย์มากขึ้น โดยเป็นรูทีนที่เรียบง่ายและเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ส่วนผสมช่วยฟื้นฟูผิวที่เข้มข้นเพื่อช่วยย่นขั้นตอนสกินแคร์ให้สั้นลงแต่ยังคงมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ขั้นตอนจะน้อยลงแค่ไหนขึ้นอยู่กับเราได้เลยว่าอยากฟื้นฟูจุดไหนบ้าง 

7. สกินแคร์ช่วยเสริมความแข็งแรงให้เกราะปกป้องผิว

หนึ่งในทิปส์สำคัญของการดูแลผิวที่กลายเป็นจุดโฟกัสในปีที่ผ่านมาคือการเสริมความแข็งแรงให้เกราะปกป้องผิว หรือ Skin Barrier ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของการมีสุขภาพผิวที่ดี โดยส่วนผสมในสกินแคร์ อย่าง สารสกัดจากเห็ดที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้ผิว หรือ เซราไมด์ ที่ช่วยล็อคความชุ่มชื่นไว้ เป็นส่วนผสมในสกินแคร์ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น